ห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยา!
สีหน้าของทุกคนซีดเผือดทันที การเดิมพันเช่นนั้นมันมากเกินไป
อย่ามองว่าตำหนักเป่าหลินเป็นฝ่ายรังแกตำหนักฮันหลิง การกระทำของพวกเขาคือการแข่งขันทางการค้าจึงไม่อาจกล่าวโทษพวกเขาได้
แต่การเดิมพันของเหอจิงหยุน มันคือการสร้างความอัปยศ!
ห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยาอีก… หลิงฮันคิดจะอยู่ที่เมืองแห่งนี้ต่อไปรึเปล่า? หากพวกเขาเป็นฝ่ายแพ้ พวกเขาจะรีบออกจากเมืองนี้โดยไม่กล้ามาเหยียบที่นี่อีกต่อไป
แววตาของหลิงฮันเยือกเย็น เขายอมรับได้หากเป็นการประลองเพราะการแข่งขันทางการค้า แต่เห็นได้ชัดว่าเหอจิงหยุนจงใจเล็งเขาเป็นเป้าหมาย
‘เหอะ เจ้าแส่หาเรื่องใส่ตัวเอง!’
‘คิดเทียบกับจักรพรรดิปรุงยาเช่นข้า เจ้าคิดดีแล้ว?’
“ตกลง!” หลิงฮันไม่ปฏิเสธ เจ้าแส่หาเรื่องเองนะ
“เช่นนั้นประลองกันด้วยการหลอมเม็ดยาระดับหก!” เหอจิงหยุนจ้องมองสำรวจหลิงฮัน จากที่ดูแล้วอีกฝ่ายไม่น่ามีอายุถึงหนึ่งพันปี เขาจะรู้เรื่องเม็ดยาระดับหกดีเสียเท่าไหร่เชียว?
แต่เขาไม่มีทางคิดได้แน่นอนว่าศักยภาพของหลิงฮันนั้นไม่ใช่เพียงเป็นจักรพรรดิปรุงยา แต่เขายังมีต้นสังสารวัฏที่ช่วยลดระยะเวลาทำความเข้าใจจากหนึ่งปีให้เหลือเพียงหนึ่งวัน!
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ย่อมได้! เห็นแก่เจ้าอ่อนหัดกว่าข้า ข้าจะเป็นฝ่ายเลือกเม็ดยาก่อน เม็ดยาที่ข้าจะหลอมคือเม็ดยาระเบิดอัสนี”
ที่จริงเขาเรียนรู้เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเพียงแค่ชนิดเดียว เขาจะหลอมก่อนหรือหลังก็ไม่ต่างกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมจะไม่แสดงท่าทีข่มอีกฝ่ายเสียหน่อยล่ะ?
“เม็ดยาระเบิดอัสนี!” เหอจิงหยุนชะงักเล็กน้อย เม็ดยาที่ว่าคือหนึ่งในเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกที่ยากจะหลอมได้สำเร็จ มันคือเม็ดยาจะยุคโบราณที่ในปัจจุบันนี้มีเพียงนักปรุงยาไม่กี่คนที่หลอมมันได้
แต่ช่างบังเอิญเหลือเกินที่เขาก็เป็นหนึ่งในนั้น
“โอ้ งั้นข้าก็เลือกหลอมเม็ดยาระเบิดอัสนีเช่นกัน!” เหอจิงหยุนกล่าวด้วยท่าทีมั่นใจ
เขาแสยะยิ้มในใจ อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าเขาใช้ความพยายามไปกับเม็ดยาระเบิดอัสนีมากขนาดไหน แม้เม็ดยานิดนี้จะมีประโยชน์ต่อจอมยุทธเฉพาะกลุ่มที่บ่มเพาะทักษะสายฟ้า แต่ผลลัพธ์ของมันก็ยอดเยี่ยม มันสามารถทำให้พลังต่อสู้ของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางเพิ่มขึ้นถึงสองดาว มูลค่าของมันเรียกได้ว่ามหาศาล
เพราะงั้นแล้วเขาจะฝึกหลอมเม็ดยาชนิดนี้ทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่เพียงแค่เขาจะฝึกฝนหลอมเม็ดชนิดนี้จนมีอัตราสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คุณภาพของมันยังยอดเยี่ยมอีกด้วย
คิดจะหลอมเม็ดยาระเบิดอัสนีแข่งกับเขา?
เจ้าสร้างความอัปยศให้กับตัวเองแล้ว!
“งั้นก็เริ่มจัดเตรียมวัตถุดิบได้!” นักปรุงยาหู่กล่าว
ทั้งสิงฝ่ายเริ่มการจัดเตรียมสมุนไร แต่ทางด้านตำหนักงฮันหลิง พวกเขาไม่มีนักปรุงยาระดับหกพวกเขาจึงไม่ได้เตรียมสมุนไพรสำหรับเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเอาไว้
หลิงฮันยิ้มและนำวัตถุดิบออกมาจากหอคอยทมิฬ หยุนหย่งหวังและคังซิวหยวนชะงักด้วยความสับสนทันที
ทำไมหลิงฮันถึงจงใจช่วยเหลือตำหนักฮันหลิง? แต่ในเวลาเช่นนี้พวกเขาทำได้เพียงเก็บความรู้สึกสงสัยเอาไว้ในใจ
เมื่อทั้งสองฝ่ายเตรียมวัตถุดิบเสร็จสิ้น การประลองจึงเริ่มขึ้น
หลิงฮันหลอมเม็ดยาระเบิดอัสนีสำเร็จแล้วหลายครั้ง และหลังจากหลอมเสร็จทุกครั้งเขาจะวิเคราะห์ประสบการณ์การหลอมใต้ต้นสังสารวัฏเพื่อขัดเกลาให้ไร้ข้อบกพร่อง
จักรพรรดิปรุงยาที่มีต้นสังสารวัฏอันฝืนกฎสวรรค์อยู่ในครอบครอง… คุณภาพของเม็ดยาระเบิดอัสนีจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาลงมือหลอม
ตอนนี้เขาคุ้นเคยและหลอมมันได้อย่างไม่ยากเย็น
ในทางตรงกันข้าม เหอจิงหยุนนั้นมีท่าทีระมัดระวังไม่กล้าวอกแวก เหงื่อของเขาไหลท่วมหน้าผาก แววตาของเขาส่อถึงความเคร่งเครียด
เมื่อนำทั้งสองคนมาเทียบกันแล้ว ฝ่ายไหนเป็นปรมาจารย์ฝ่ายไหนเป็นมือใหม่ สามารถบอกได้อย่างชัดเจน
“ถ้าไม่ใช่ว่าหลิงฮันกำลังเสแสร้งอยู่ ด้วยท่าทีสงบนิ่งของเขา เกรงว่าการประลองนี้เขาจะเป็นฝ่ายชนะ”
“ฮ่าๆ เหอจิงหยุนบอกว่าใครแพ้ต้องห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยาสินะ?”
“ข้าทนรอดูผลลัพธ์ไม่ไหวแล้ว!”
“นั่นสินะ นักปรุงยาระดับหกที่ห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยาไม่ใช่สิ่งที่หาดูได้ทั่วไป”
ผู้คนรอบข้างกระซิบพูดคุยกันและคิดว่าเป็นไปได้มากที่หลิงฮันจะชนะ เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาหลอมถึงครึ่งเดือน ต่อให้ดูแล้วหลิงฮันจะเป็นฝ่ายเหนือกว่า พวกเขาก็ต้องรอครึ่งเดือนอยู่ดีถึงจะรู้ผลลัพธ์
ดังนั้นคนหลายคนจึงไม่ได้อยู่รออย่างใจจดใจจ่อเท่าไหร่ มีบ้างที่ออกไปหาอะไรกิน หรือไม่ก็กลับที่พักไปนอน หลังจากนี้อีกครึ่งเดือนพวกเขาค่อยมาดูผลลัพธ์การประลอง
เวลาเดินไปอย่างช้าๆและครึ่งเดือนก็ผ่านไป
เหอจิงหยุนมีสีหน้าซีดเผือด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก การหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหกจำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการควบคุมรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงแค่จิตใจจะเหน็ดเหนื่อย แต่พลังปราณยังแทบถูกใช้ไปหมดไม่เหลือ
เทียบกับหลิงฮันแล้วต่างกันอย่างมาก
หลิงฮันยังคงมีท่าทีสงบนิ่งไม่มีเหงื่อบนหน้าผากแม้แต่หยดเดียว แววตาของเขากระจ่างใสเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
“เปิดเตา!” เหอจิงหยุนเปิดฝาเตาหลอม ‘พรึบ’ ทันทีที่ฝาเปิดออก เม็ดยาสามเม็ดก็ลอยออกมาราวกับพวกมันพยายามหนี เหอจิงหยุนเตรียมพร้อมไว้แล้ว เขาใช้มือขวาคว้าเม็ดยาทั้งสามไว้ในมือ
ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความพึงพอใจ ปกติเขาจะหลอมเม็ดยาได้เพียงสองเม็ดในหนึ่งเตา แต่ครั้งนี้เขากลับพัฒนาหลอมสำเร็จถึงสามเม็ด
เหอๆ ขนาดนี้แล้วเขาจะแพ้ได้อีกรึ?
หลิงฮันเปิดฝาเตาเช่นกัน ‘พรึบ’ เม็ดยาเรืองแสงจำนวนหนึ่งลอยออกมาจากเตา จำนวนของพวกมันเห็นได้ชัดเจนว่ามากกว่าสาม
ห้าเม็ด!
พรวด!
นักปรุงยาของทางตำหนักเป่าหลินสำลักทันที ถึงแม้ในหมู่พวกเขาจะไม่มีใครเลยที่หลอมเม็ดยาระเบิดอัสนีได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่รู้จำนวนสูงสุดของเม็ดยาที่ถูกหลอมสำเร็จ
หรือจะให้พูดก็คือหลิงฮันสามารถหลอมเม็ดยาชนิดนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
‘ตุบ’ เม็ดยาทั้งห้าตกอยู่ในมือของหลิงฮัน เมื่อเขาแบมือออกก็พบเห็นเม็ดยาสีฟ้าใสกำลังหมุนวนอยู่บนฝ่ามือราวกับว่าพวกมันพยายามจะหลบหนีออกจากการควบคุมของหลิงฮัน
เหอจิงหยุนกัดฟัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง นี่เขาแพ้งั้นรึ?
ยอมรับไม่ได้!
หากแพ้เขาก็ต้องห้ามกลับเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยาและหมดสิ้นอนาคต
เขาโอดครวญอย่างไม่อาจยอมรับ “จำนวนของเจ้าอาจจะมากกว่าข้าก็จริง แต่เม็ดยานั้นเขาตัดสินกันที่คุณภาพต่างหาก ถ้าเม็ดยาระเบิดอัสนีของเจ้าคุณภาพเพียงหนึ่งหรือสองดาว มันจะเทียบกับเม็ดยาของข้าได้อย่างไร?”
ที่เหอจิงหยุนพูดก็ใช่ว่าไร้เหตุผล แต่โดยทั่วไปเม็ดยาที่ถูกหลอมแล้วมีจำนวนมากกว่าย่อมถูกคิดว่าดีกว่า ดังนั้นการตรวจสอบคุณภาพเม็ดยาจึงเกิดขึ้นเมื่อเม็ดยาที่ถูกหลอมมีจำนวนเท่ากันเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเหอจิงหยุนยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “งั้นก็ตรวจสอบกันเลย!”