ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 116 เผยความรู้สึกออกมา

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

“นี่…” ความหวังที่รอคอยสูญเปล่า สีหน้าของฮองเฮารัฐหมิงเต็มไปด้วยความผิดหวัง อ้าปากอยากจะกล่าวอะไร แต่หลังจากเอ่ยออกมาคำหนึ่งแล้ว ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก 

 

 

ฮ่องเต้รัฐหมิงก็ไม่คิดว่าจะเป็นคำตอบแบบนี้ หลังจากหยุดชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ท่าทีไม่เปลี่ยน กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าเยี่ยงนั้น พวกข้าก็ไม่รบกวนแล้ว จะเดินทางกลับรัฐหมิงทันที” 

 

 

ฮ่องเต้รัฐหมิงมิใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ในเมื่อเขามีความคิดที่อยากจะให้อาเป่าสู่ขอหวงฝู่สือเมิ่งแล้ว จะกลับไปง่ายๆ เยี่ยงนี้ได้อย่างไร ฮองเฮารัฐหมิงมองไปทางเขาด้วยความงุนงง 

 

 

ฮ่องเต้รัฐหมิงส่งสายตาให้นาง ความหมายคือกลับไปค่อยว่ากัน ฮองเฮาเข้าใจความหมายของเขาทันที พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกข้าออกมานานแล้ว ก็ควรกลับไปแล้ว หวังว่าต่อไปเราจะได้พบกันอีก” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวคิดว่าพวกเขาพูดไปตามมารยาท จึงไม่ได้เก็บไปคิดในใจ หลังจากมองทั้งสองขึ้นรถม้าไป ก็ส่งทั้งสองออกจากเมือง เห็นรถม้าไปไกลแล้ว จึงจะหันหลังกลับจวน 

 

 

ไม่คิดว่าครึ่งทางจะถูกขันทีที่หวงฝู่ซวิ่นส่งมาขวางทางไว้ “ซื่อจื่อ ฮ่องเต้เรียกท่านให้เข้าวังทันทีขอรับ”  

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ตั้งใจเข้าวังไปรายงานเขาเรื่องที่ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงมา ได้ยินดังนั้น จึงกล่าวกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “เจ้ากลับจวนไปก่อน ข้าไปที่วังสักครู่ แล้วจะรีบกลับไป” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ขี่ม้ากลับจวนทันที ส่วนหวงฝู่อี้เซวียนนั้นเข้าวัง 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นได้ยินว่าฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงมาเพื่อสู่ขอหวงฝู่สือเมิ่ง จึงหวั่นไหวเล็กน้อย แต่หลังจากเห็นสีหน้าเรียบของหวงฝู่อี้เซวียนแล้วก็ไม่กล้าเอ่ย แค่เรื่องที่เขาช่วยท่าป๋าหั่นหลิน เสด็จอาก็ไม่พอใจแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานของเมิ่งเอ๋อร์ ถ้าหากเขากล้าเอ่ยแม้แต่คำเดียว คิดว่าเสด็จอาจะต้องบุกมาที่วังแล้วเตะต่อยเขาอย่างแน่นอน โดยที่ไม่สนว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้หรือไม่  

 

 

ในเวลาต่อมา ทุกอย่างในจวนกลับมาเป็นเหมือนเดิม หวงฝู่เย่าเย่ว์มีความสุขกับการเย็บชุดแต่งงานของตัวเอง หวงฝู่สือเมิ่งนอกจากเรียนเย็บปักถักร้อยแล้ว ก็เรียนเรื่องปรุงยากับเมิ่งเชี่ยนโยวไปไม่น้อย 

 

 

เวลาผ่านไปทุกๆ วัน ความรู้สึกหดหู่ใจเพราะหวงฝู่เย่าเย่ว์จะแต่งออกเรือนไปไกลของท่านอ๋องฉีและพระชายาฉีทก็เริ่มดีขึ้น ในจวนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่มีความสุข 

 

 

บ่าวใช้ในจวนก็โล่งอก เจ้านายอารมณ์ไม่ดี พวกเขาที่เป็นบ่าวก็แทบไม่กล้าเสียงดัง ตอนนี้ดีแล้ว ท้องฟ้าโปร่งใสหลังฝนตก พวกเขาสามารถพูดคุยหัวเราะกันได้แล้ว 

 

 

และภายใต้บรรยากาศที่มีความสุขนี้ มีม้าเร็วตัวหนึ่งวิ่งพุ่งมาทางเมืองหลวง ตรงมาที่จวนอ๋องฉี 

 

 

ถึงหน้าประตูจวนอ๋องฉีแล้ว คนที่อยู่บนหลังม้าที่เต็มไปด้วยเลือดกลิ้งตกลงมาจากหลังม้า 

 

 

นายประตูตกใจมาก เดินเข้าไป ยังไม่ทันเอ่ยถาม คนที่ตกลงมากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า “ข้าเป็นคนขององค์ชายรัชทายาทรัฐหมิง อยากจะขอพบท่านหญิงน้อยเมิ่งเอ๋อร์ รบกวนช่วยรายงานให้ที” 

 

 

สภาพเยี่ยงนี้ของเขา นายประตูไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงลังเลใจเล็กน้อย  

 

 

คนที่มามีเลือดไหลออกตรงมุมปากแล้ว พยายามฝืนตัวขอร้องอีกครั้งว่า “องค์ชายรัชทายาทของพวกข้ามาเมืองหลวงอย่างเงียบๆ ไม่คิดว่าครึ่งทางจะถูกลอบโจมตี หากไม่มีคนไปช่วย เกรงว่าจะเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ จึงขอร้องให้รีบช่วยเข้าไปรายงาน พวกข้า…” 

 

 

ยังไม่ทันเอ่ยจบ ก็อ้วกเลือดออกมา คนก็ล้มลงไปบนพื้น ไม่ขยับอีกเลย 

 

 

นายประตูตกใจเป็นอย่างมาก รีบหันหลังแล้ววิ่งเข้าไปในจวนทันที แต่มีไหวพริบที่ดี ไม่ได้ไปหาหวงฝู่สือเมิ่ง ตรงไปรายงานที่เรือนของเมิ่งเชี่ยนโยว “ซื่อจื่อเฟย ด้านนอกประตูมีคนบาดเจ็บมา อ้างว่าเป็นคนที่คุ้มกันองค์ชายรัชทายาทรัฐหมิง กล่าวว่าองค์ชายรัชทายาทรัฐหมิงคนนั้นถูกโจมตีระหว่างทาง ขอร้องให้ท่านหญิงน้อยไปช่วยขอรับ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว “อยู่ไหนล่ะ” 

 

 

“อยู่ด้านนอกจวนขอรับ ท่าทางไม่ไหวแล้วขอรับ” 

 

 

“ชิงหลวน นำคนเข้ามา กล่าวถามให้ละเอียด” 

 

 

ชิงหลวนเดินออกไป ไม่นานก็วิ่งกลับมาด้วยตัวที่เต็มไปด้วยรอยเปื้อนเลือด กระซิบข้างหูเมิ่งเชี่ยนโยวหลายประโยค 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นมาแล้วเดินออกไปทันที “เจ้าไปหาโจวอันที่หน้าประตูวัง ให้เขาระดมองครักษ์ลับสามร้อยนายไปรอข้าที่หน้าประตูเมือง เดี๋ยวข้าและเมิ่งเอ๋อร์จะตามไป”  

 

 

ชิงหลวนรับคำสั่ง แล้วรีบเดินออกไปอีกครั้ง 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งกำลังทำเม็ดยาอยู่ที่ร่มรื่นในลาน เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวมา จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างไร เม็ดยาของข้าใกล้สำเร็จแล้ว ข้าคิดไว้ว่าอีกสักครู่จะเอาไปให้ท่านดู”  

 

 

“เมิ่งเอ๋อร์ เยียลี่ว์อาเป่าเกิดเรื่องแล้ว แม่กำลังจะพาคนไปช่วยเขา เจ้า…” 

 

 

ผงยาในมือของหวงฝู่สือเมิ่งตกกระจายเต็มบนโต๊ะ คนก็รีบลุกขึ้นมากล่าวถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและร้อนใจว่า “เขาบาดเจ็บหรือไม่ อาการหนักหรือไม่” 

 

 

มองสีหน้าของลูกสาว เมิ่งเชี่ยนโยวมิได้เผยออกมา แต่กล่าวว่า “แม่ก็ไม่รู้ ตอนนี้กำลังจะรีบไป เจ้า…”  

 

 

“ลูกจะไปกับท่านแม่” ยังไม่ทันรอให้เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยจบ หวงฝู่สือเมิ่งก็รีบกล่าว แล้วรีบหันหลังกลับไปในห้องทันที เปิดกล่องยาออก หยิบขวดยาออกมาหลายขวดใส่เข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วก็รีบวิ่งออกมากล่าวว่า “ท่านแม่ ไปกันเถิดเจ้าค่ะ” 

 

 

ทั้งสองออกจากประตูจวน จูหลีจูงม้ามา ทั้งสามกระโดดขึ้นบนหลังม้า ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง 

 

 

โจวอันนำองครักษ์ลับสามร้อยคนมารออยู่ที่หน้าประตูเมือง เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเขาว่า “เจ้าไปรอที่หน้าประตูวัง รอซื่อจื่อออกมาบอกเขาว่าพวกข้าจะรีบกลับมา บอกเขาอย่าได้เป็นห่วง” 

 

 

พูดจบ ก็ขี่ม้าพุ่งไปทางไกลอย่างรวดเร็ว 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งตามหลัง 

 

 

ชิงหลวนและจูหลีก็ตามหลังมา 

 

 

องครักษ์สามร้อยนายก็ไม่ชักช้า 

 

 

หลายร้อยคนไปอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ฝุ่นคลุ้งเต็มท้องฟ้า 

 

 

โจวอันถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง แล้วหันม้ากลับไปที่หน้าประตูวังทันที 

 

 

หลังจากวิ่งออกมาประมาณสิบกว่าลี้ ตามคำพูดของคนที่มาบอกข่าว มาถึงข้างหน้าป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ 

 

 

เสียงฟาดฟันของดาบและมีดและเสียงต่อสู้ดังมาแต่ไกล  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ ทุกคนหยุด แล้วมองดูเหตุการณ์ต่อสู้ที่อยู่ไกล ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามีฝั่งหนึ่งล้มลง เยียลี่ว์อาเป่ากับอีกสิบกว่าคนถูกล้อมไว้ตรงกลาง กำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง แต่รอบข้างของพวกเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ไล่ฆ่าพวกเขา 

 

 

ได้ยินเสียง ผู้นำเพียงคนเดียวหันหลังกลับมา ทันทีที่เห็นหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวชัดๆ สีหน้าก็เปลี่ยนทันที มองเยียลี่ว์อาเป่าที่เริ่มอ่อนแรงลง แล้วมององครักษ์ร้อยกว่านายที่เต็มไปด้วยพลังอยู่ข้างหลังเมิ่งเชี่ยนโยว เปรียบเทียบกันแล้ว จึงกัดฟันสั่งว่า “ถอย!” 

 

 

ผู้คนที่ล้อมโจมตีเริ่มถอยอย่างเป็นระเบียบ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจะให้พวกเขาถอยอย่างที่หวังได้อย่างไร ไม่เพียงแค่นางเห็นชัดเจนแล้วว่าผู้นำคือผู้ใด แค่เพียงเขากล้านำผู้คนมากมายเยี่ยงนี้บุกเข้ามาในเขตของรัฐอู่โดยไม่ได้รับอนุญาต ฆ่าผู้คนมากมายเยี่ยงนี้อย่างโจ่งแจ้ง ในช่วงกลางวันแสกๆ ก็ไม่สมควรให้เขาหลบหนี จึงสั่งทันทีว่า “จับตัวพวกเขาไว้ หากขัดขืน ลงมือได้” 

 

 

องครักษ์รับคำสั่ง ก้าวออกไป ล้อมพวกเขาไว้ตรงกลาง 

 

 

ร่างกายของเยียลี่ว์อาเป่าและลูกน้องต่างเต็มไปด้วยเลือดและหมดเรี่ยวแรงแล้ว เห็นว่าองครักษ์ทั้งหลายล้อมทุกคนไว้แล้ว ในขณะที่โล่งอก ก็ล้มลงไปบนพื้น 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งใจร้อนมาก กระโดดลงจากหลังม้า ยกกระโปรงแล้ววิ่งไปทันที เห็นรอยเลือดบนใบหน้าของเยียลี่ว์อาเป่า ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นว่า “เจ้า เจ้าบาดเจ็บที่ใด” 

 

 

เห็นชัดว่าเป็นนางแล้ว เยียลี่ว์อาเป่ายิ้มกว้าง พยายามลุกขึ้นนั่ง ยกแขนเสื้อขึ้น เช็ดรอยเลือดบนใบหน้าของตัวเองแล้วกล่าวว่า “เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่เป็นไร เลือดนี้มิใช่ของข้า” 

 

 

ใจที่กังวลมาตลอดทางหายไปทันที หวงฝู่สือเมิ่งกัดริมฝีปาก เพราะเพิ่งจะรู้สึกว่าการกระทำของตัวเองนั้นไม่เหมาะสม หน้าแดงขึ้นมาทันที เม้มริมฝีปาก แล้วหยิบขวดยาเหล่านั้นออกมากระเป๋าแขนเสื้อ ยื่นให้เขาแล้วกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้คือยาห้ามเลือด ให้คนของเจ้าห้ามเลือดก่อนเถิด”  

 

 

เยียลี่ว์อาเป่าไม่ขยับ มองดูนางด้วยความโลภ 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งรู้สึกว่าใบหน้าของนางร้อนมาก มือที่ถือขวดยาเริ่มสั่นขึ้นมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีความเขินอายผสมอยู่อย่างไม่รู้ตัวว่า “เจ้า หากเจ้าไม่เอา ข้า…” 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่ายื่นมือออกมา  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งรีบโยนขวดยาให้เขา แล้วหันหลังเดินกลับไปทันที 

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของเยียลี่ว์อาเป่ายิ่งกว้างมากขึ้นไปอีก หมุนขวดยาไปมาในมือหลายครั้ง จึงจะโยนให้ลูกน้องของตัวอย่างอย่างเสียดาย แต่ทันทีที่หันหลังกลับไปเห็นผู้คนที่ถูกองครักษ์ทั้งหลายโจมตีจนเริ่มถดถอย ไม่มีแรงต่อต้านแล้ว สีหน้าก็เยือกเย็นขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนเขาจะอ่อนแอมากเกินไป ทำให้พี่ใหญ่ของตัวเองนั้นทำร้ายตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าเยี่ยงนั้น ก็กำจัดก่อนที่จะเกิดปัญหาเถิด 

 

 

คิดได้ดังนี้ ก็กระโดดขึ้นมา เดินมาข้างหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ทำความเคารพแล้วกล่าวว่า “เยียลี่ว์พบซื่อจือเฟย ขอบพระคุณที่ซื่อจื่อเฟยช่วยชีวิต” 

 

 

“ถอนหญ้าไม่ถอนราก ฤดูใบไม้ผลิมาก็โตขึ้นมาใหม่ จิตใจลังเลไม่เด็ดขาด ไม่เพียงแต่ทำการใหญ่มิได้ กลับยังทำลายชีวิตของตัวเองและคนใกล้ตัว” 

 

 

น้ำเสียงที่ไม่สูงและไม่ต่ำ ไม่ช้าและไม่เร็วของเมิ่งเชี่ยนโยว กลับมีพลังที่ทะลวงใจคนได้ 

 

 

ร่างกายและใจของเยียลี่ว์อาเป่าหยุดชะงักไปเมื่อได้ยิน ก้มศีรษะลงด้วยท่าทางที่ยิ่งเคารพมากขึ้นแล้วกล่าวว่า “เยียลี่ว์ทราบแล้วขอรับ ซื่อจื่อเฟยวางใจได้ ต่อไปจะไม่เกิดขึ้นอีก” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้เอ่ยอะไรอีก มองดูผู้คนที่องครักษ์ล้อมไว้ตรงกลาง แล้วพยายามที่จะต่อต้านอย่างสุดชีวิต สายตาขรึมลง หากนี่เป็นเพียงการต่อสู้ของพวกเขาสองพี่น้อง นางจะไม่ยุ่ง ตั้งแต่สมัยโบราณผู้ชนะคือกษัตริย์ผู้แพ้คือโจร ไม่มีผู้ใดขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งฮ่องเต้โดยที่ตัวไม่เปื้อนเลือด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ดูท่าทางของเมิ่งเอ๋อร์แล้ว เห็นได้ชัดว่ามีใจให้เยียลี่ว์อาเป่า ถ้าเยี่ยงนั้นนางจะต้องเตรียมทางให้ลูกสาวก่อน 

 

 

นางเก็บสายตา มองไปทางเยียลี่ว์อาเป่าแล้วกล่าวว่า “หากองค์ชายรัชทายาทไม่เป็นอะไรแล้ว ข้ากับเมิ่งเอ๋อร์ก็ขอตัวกลับก่อน” 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่าแอบมองหวงฝู่สือเมิ่งเล็กน้อย อ้าปาก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งชิงหลวนว่า “เจ้าอยู่ต่อ ฟังคำสั่งจากองค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์” 

 

 

ชิงหลวนรับคำสั่ง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันม้ากลับ แล้วขี่ม้ากลับไปทันที 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งก้มศีรษะ แล้วตามไปอย่างไม่ลังเล 

 

 

จูหลีตามหลังทั้งสองคน 

 

 

แม้ทั้งสามจะขี่ม้าไปอย่างไม่รวดเร็ว แต่เยียลี่ว์อาเป่าก็ยังรู้สึกว่าหวงฝู่สือเมิ่งหายไปจากหน้าเขาภายในพริบตาเดียว 

 

 

จนม้าสามตัวกลายเป็นจุดดำที่อยู่ไกลพ้นไปแล้ว เยียลี่ว์อาเป่าจึงจะยอมเก็บสายตา หันกลัง แล้วมองดูสถานการณ์ต่อสู้ตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งเรียบ 

 

 

ทั้งสามเดินทางกลับ ไม่พูดคุยตลอดทั้งทาง จนกลับมาถึงจวน หวงฝู่อี้เซวียนกลับมาแล้ว เดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูจวนด้วยความร้อนใจ เงยหน้าขึ้นมองไปทางไกลบ่อยครั้ง เห็นทั้งสามคนกลับมาอย่างปลอดภัย จึงโล่งอก ก้าวออกมา รอเมิ่งเชี่ยนโยวกระโดดลงจากหลังม้า มองสำรวจทั้งร่างกายนางหนึ่งรอบ เห็นว่าบนตัวของนางไม่มีร่องรอยการต่อสู้ จึงจะวางใจจริงๆ แล้วกล่าวว่า “เข้าไปในจวนกันก่อนเถิด”