ตอนที่ 953 ถูกเจ้าครอบงำ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

กู้ไป๋อีทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา อีกาดำน้อยกล่าวว่า “ท่านมหาจักรพรรดิโยว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน รอให้ท่านได้กลายเป็นราชทินนามโยวเมื่อไหร่ ข้าจะกลับมาอีกครั้ง!”

“ตกลง!”

กู้ไป๋อีมองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “เป็นข้าที่ทำให้คุณหนูใหญ่มาในที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะไปที่นั่น แต่ข้าก็ไม่ยอมให้เกิดอันใดขึ้นกับคุณหนูใหญ่แน่นอน”

มู่เฉียนซีมองกู้ไป๋อีและกล่าวว่า “เป็นข้าเองที่ขอมาที่นี่เพื่อจะฝึกฝนประสบการณ์ ฉะนั้น ข้าจะทำให้เจ้าออกไปอย่างปลอดภัยแน่นอน เสี่ยวไป๋ เจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวข้า ถึงแม้ว่าตอนนี้พลังของข้าจะอ่อนแอ แต่ข้าก็มีคู่หูที่แข็งแกร่งมาก ต่อให้ที่นั่นมันจะอันตรายมากเพียงใด เราจะต้องไม่เป็นอะไร”

คู่หู! ในที่แห่งนี้เดิมทีก็ไม่สามารถเรียกสัตว์พันธสัญญาออกมาได้ คุณหนูใหญ่ยังมีไพ่เด็ดอยู่อีกเหรอ

ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นของกู้ไป๋อีเคร่งขรึมขึ้น เขาตัดสินใจจะเดิมพันสักตั้ง!

“ตกลง ข้าเชื่อคุณหนูใหญ่”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “นี่สิถึงจะถูก!”

มู่เฉียนซีรีบไปที่หอคอยทมิฬทันที เมื่อนางก้าวเท้าเข้าสู่หอคอยทมิฬ หลงฉือก็สังเกตเห็นนางทันที

ร่างในชุดม่วงร่างนั้นได้ปรากฏขึ้นในกระจกสีดำ มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าหนีไม่รอด”

ทันใดนั้นเอง ร่างในชุดขาวก็ปรากฏขึ้นด้านหลังเขา กลิ่นอายแห่งความเย็นยะเยือกพัดกระโชกมา “หลงฉือ เรื่องที่เจ้าจะทำ ข้าจะไปจัดการเอง! แต่เหตุใดเจ้าต้องไปพัวพันกับนางด้วย”

หลงฉือหันไปมองกู้ไป๋อี “นับตั้งแต่ข้าได้กลายเป็นฝ่าบาทแห่งเมืองเฮยตู นางเป็นอัจฉริยะเพียงผู้เดียวที่เหนือกว่าเจ้า!”

“นางไม่เพียงแต่จะทำลายสถิติของเจ้าได้ แต่นางยังสามารถผ่านการทดสอบในหอคอยโลหิตมาได้ในเวลาอันสั้นและได้เลื่อนขั้นเข้ามาสู่หอคอยทมิฬ ความแข็งแกร่งของนางทำให้ข้าประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าต้องการเก็บนางเอาไว้”

“บางที รอให้นางเติบโตขึ้นกว่านี้ นางอาจจะสามารถจัดการเรื่องทุกอย่างที่ข้าคาดหวังไว้สำเร็จได้ก็ได้!” แสงสลัววาบผ่านดวงตาของหลงฉือ

กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ยอมให้นางถูกเจ้าครอบงำเป็นอันขาด”

หลงฉือยิ้มพลางกล่าว “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะพูดแล้วจะเป็นไปตามนั้นได้ อย่างไรเสีย ในเมืองเฮยตูแห่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นเช่นไร ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับข้า”

หอคอยทมิฬมีอยู่เก้าชั้น!

ชั้นบนสุดนั้นเป็นที่ที่หลงฉือ ฝ่าบาทแห่งเมืองเฮยตูอยู่

หอคอยทมิฬนั้นมีคนอยู่น้อยมาก เมื่อพวกเขาเห็นมู่เฉียนซีเดินออกมานั้น พวกเขาก็รู้สึกตกตะลึงกันไปครู่หนึ่ง

“หอคอยทมิฬไม่มีคนเข้ามาใหม่มาเป็นเวลานานแล้ว เกรงว่าท่านนี้ก็คงจะเป็นท่านมหาจักรพรรดิโยวที่เพิ่งได้ตำแหน่งมหาจักรพรรดิคนใหม่ นามว่ามู่เฉียนซี”

“ทำลายสถิติของท่านราชทินนามหานได้ทั้งสองหอคอย จะประเมินนางต่ำไม่ได้เด็ดขาด!”

“……”

ผู้ดูแลชั้นที่หนึ่งแห่งหอคอยทมิฬกล่าว “ท่านมหาจักรพรรดิโยว ชั้นแรกของหอคอยทมิฬ ท่านต้องได้รับการประลองสิบสนาม หากชนะสิบสนามท่านก็สามารถผ่านด่านขึ้นไปชั้นต่อไปได้”

“หากยอมรับการประลองแล้ว ไม่ว่าผู้ที่ท้าประลองจะเป็นใคร ท่านก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ หากปฏิเสธ ท่านก็จะสูญเสียคุณสมบัติที่จะเข้าสู่หอคอยทมิฬ และถูกปลดออกจากตำแหน่งมหาจักรพรรดิทันที”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว จัดการการประลองให้ข้าเถอะ ข้าจะรับคำท้าประลอง”

“ขอรับ!”

ข่าวที่มู่เฉียนซีเพิ่งเข้ามาในหอคอยทมิฬและได้เปิดการประลองในทันทีนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่ว และได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนเป็นอย่างมาก

“หญิงสาวผู้นี้ช่างอวดดียิ่งนัก คาดว่าคงต้องตายในชั้นแรกเป็นแน่ นางคิดว่าหอคอยทมิฬของพวกเราจะเหมือนกับพวกไร้ประโยชน์ในหอคอยแห่งความตายกับหอคอยโลหิตอย่างนั้นเหรอ”

“รีบไปลงชื่อสมัครเร็วเข้า มิเช่นนั้นจะพลาดโอกาสดีไปนะ”

หลงฉือได้เห็นสถานการณ์ทุกอย่างในตอนนี้ เขายิ้มพลางกล่าวขึ้นว่า “ไป๋อี คนงามของเจ้าผู้นี้ ช่างใจร้อนยิ่งนัก!”

กู้ไป๋อีกล่าว “หลงฉือ หากเจ้ายังดูเช่นนี้ต่อไป ข้าก็จะไม่เกรงใจใช้พิษทำให้เจ้าตาบอด”

หลงฉือกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ใช้พิษ! นึกไม่ถึงว่าเจ้า…ไป๋อีจะใช้พิษเป็นด้วย เจ้าเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย”

กู้ไป๋อีที่เขารู้จักนั้น ใช้เพียงแค่พลังความแข็งแกร่งเอาชนะคู่ต่อสู้ บดขยี้คู่ต่อสู้ และฆ่าสังหารคู่ต่อสู้อย่างไร้ความปรานีเท่านั้น

กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “จะเปลี่ยนไปหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้า!”

หลงฉือโบกมือไปคราหนึ่ง และคนในกระจกนั้นก็ได้อันตรธานหายไป

“ไม่ดูก็ได้ ดูจากท่าทางของเจ้าแล้ว ไป๋อี ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจในตัวนางมาก เช่นนั้นข้าจะรอให้นางขึ้นมาถึงชั้นเก้าก็ได้”

ในตอนนี้ โฆษกชั้นแรกของหอคอยทมิฬได้กล่าวขึ้นว่า “ในวันนี้ ผู้ที่รับการท้าประลองก็คือ ท่านมหาจักรพรรดิโยว มู่เฉียนซี และท่านแรกที่ท้าประลองก็คือ ท่านมหาจักรพรรดิเหลย ทั้งสองเชิญขึ้นบนลานประลองได้”

ร่างในชุดม่วงเคลื่อนไหว หญิงสาวหน้าตางดงามอย่างไร้ที่เปรียบไม่เป็นสองรองผู้ใดในใต้หล้าได้ย่างเท้าก้าวขึ้นสู่ลานประลองแล้ว

ส่วนอีกผู้หนึ่งมาพร้อมกับสายฟ้าและได้ปรากฏกายต่อหน้ามู่เฉียนซี

ครืน ครืน!

บนร่างของเขาเปล่งประกายไปด้วยสายฟ้าสีเงิน

“นึกไม่ถึงเลยว่าข้าจะจับฉลากได้เป็นคนแรก คนงาม ถึงแม้ว่าเจ้าอยากจะมีชีวิตต่ออีกหลายชั่วยามก็เกรงว่าจะเป็นเพียงแค่การเพ้อฝันแล้ว” มหาจักรพรรดิเหลยเหลือบมองมู่เฉียนซีพลางกล่าว

“เจ้าช่างโชคร้ายยิ่งนัก! ยิ่งขึ้นมาเร็วมากเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งตายเร็วมากเท่านั้น” มู่เฉียนซีแสยะปากพลางกล่าว

ดวงตาของมหาจักรพรรดิเหลยเบิกกว้างขึ้น “น้ำเสียงของเจ้า ช่างเย่อหยิ่งยิ่งนัก!”

เมื่อโฆษกประกาศเริ่มการประลอง มหาจักรพรรดิเหลยก็ลงมือกับมู่เฉียนซีทันที

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!

สายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวนั้นเริ่มโจมตีขึ้นบนลานประลอง

“พลังของมหาจักรพรรดิเหลยนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมไม่น้อยเลย!”

“พลังสายฟ้าของเขานั้น ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่สตรีผู้บอบบางอย่างนางจะสามารถต้านทานได้”

“แค่คิดว่าคนงามเช่นนี้จะถูกสับจนเละเป็นโจ๊กแล้ว อันที่จริงข้าก็รู้สึกเจ็บปวดใจอยู่มากเหมือนกันนะ”

สายฟ้านั่นได้ผ่าเข้าบนร่างของมู่เฉียนซี ทว่านั่นเป็นเพียงแค่ร่างมายาเท่านั้น

ทันทีที่ผ่าลงมาบนร่างมายานั้นมันก็สลายหายไป มันไม่ได้ทำให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

“ความเร็วของนางช่างรวดเร็วยิ่งนัก!”

“หญิงสาวผู้นี้ได้ฝึกฝนท่าร่างอันใดกัน ความเร็วของนางถึงได้เหนือกว่าสายฟ้าของมหาจักรพรรดิเหลยได้เช่นนี้”

“……”

“มังกรวารีพิฆาต” พลังวิญญาณถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่แล้ว นับว่าอยู่ในระดับกลางของพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิ

ทันทีที่มังกรวารีพุ่งออกไป พลังของมันนั้นแข็งแกร่งกว่าครั้งที่พลังวิญญาณของนางอยู่ในระดับสามมาก

มังกรวารีสีฟ้าอันเย็นยะเยือกกับสายฟ้าสีเงินได้ปะทะกัน

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!

“ฮ่าฮ่าฮ่า พลังธาตุวารีช่างอ่อนแอเกินไปแล้วจริง ๆ คิดจะสู้กับพลังธาตุสายฟ้าของข้า เหอะ ไม่มีทาง!” มหาจักรพรรดิเหลยพุ่งออกไปโจมตีมู่เฉียนซีอีกครั้ง และหัวเราะขึ้นอย่างลำพองใจ

ร่างของเขาไล่ตามมู่เฉียนซีอย่างรวดเร็วราวกับเป็นสายฟ้าเสียเอง

แสงของสายฟ้าเหล่านั้นได้ก่อตัวกันขึ้นเป็นตาข่ายขนาดใหญ่และพยายามจะดักจับร่างของมู่เฉียนซีไว้

“บุปผาหลังสายฝน!”

วารีเหล่านั้นได้กลายเป็นคมศร และพุ่งออกไปทั่วทั้งแปดทิศ

“ผนึกมังกรวารี!”

“มังกรวารีสะท้านสวรรค์!”

ทักษะวิญญาณพลังธาตุวารีของนางนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้นางสูญเสียพลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย

ร่างหนึ่งโจมตีไป ส่วนอีกร่างหนึ่งก็รับการโจมตีนั้นทำให้ผู้คนต่างก็มองกันไม่หวาดไม่ไหว

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ความรู้สึกนี้ไม่เลวเลย

หากเป็นเมื่อก่อน แล้วต้องมารับมือกับคู่ต่อสู้ระดับนี้อย่างมหาจักรพรรดิเหลย ก็คงจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อนางมาก ทว่าในตอนนี้…

พอที่จะรับมือไหว!

“สายฟ้าพิฆาต!” มหาจักรพรรดิเหลยก็ลงมือเช่นกัน

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! นี่เป็นการปะทะกันที่งดงามเหลือเกินระหว่างผู้บำเพ็ญธาตุวารีกับผู้บำเพ็ญธาตุสายฟ้า

พลังของมหาจักรพรรดิเหลยคือขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า แต่คู่ต่อสู้ของเขานั้นเป็นเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่เท่านั้น

ห่างชั้นกันถึงห้าระดับ แต่การต่อสู้ของทั้งสองนั้นสูสีกันมาก การประลองครั้งนี้ช่างแปลกประหลาดเกินไปแล้ว

โชคดีที่เมืองเฮยตูของพวกเขานั้นส่วนมากจะมีแต่พวกวิปริต หลังจากที่ตกตะลึงพรึงเพริดไปชั่วขณะ พวกเขาก็กลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง และในตอนนี้เองมีคนคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้น่าจะบอกได้แล้วว่าใครคือผู้ชนะ!”