GGS:บทที่ 1110 ข้อแม้

หลังจากที่ประธานาธิบดีอเมริกาและผู้นำหน่วยงานรัฐได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้วก็ได้ทรุดนั่งลงด้วยสายตาที่โง่งมซึมกระทือ
ไม่นานทุกคนได้สะดุ้งราวกับพึ่งจะตื่นนอนและไม่ได้มีท่าทีแข็งกร้าวต่อชายแปลกหน้าคนนี้อีกต่อไป พวกเขานั้นได้แสดงท่าทีที่เคารพและนอบน้อมก่อนที่จะพร้อมในกันพูดออกมาว่า “นายท่าน”
ชายแปลกหน้าคนนี้ก็คือซูจิ้งนั่นเอง เขาได้แปลงโฉมตัวเองโดยการใช้ผงแปลงโฉมที่ได้มาจากขยะห้วงเวลาฯวิถีแห่งจอมปีศาจ
เอาจริงๆเขานั้นสามารถเข้ามาที่นี่ได้โดยไม่ต้องเผยตัวเองออกมาได้เลยด้วยซ้ำเพราะในตอนนี้พลังจิตของเขานั้นสามารถใช้งานด้วยระยะทางกว่าหมื่นเมตร นี่รวมถึงระยะที่เขาสามารถจะสะกดจิตได้ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่ามันง่ายกว่าการเข้ามีที่นี่ซะอีก
นี่ยังไม่รวมถึงระบบเฝ้าระวังดีขนาดไหน เขาก็สามารถใช้กระแสจิตของตัวเองปิดได้แทบจะในทันทีด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม การใช้วิธีการดังกล่าวนั้นก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดทำให้ตัวตนของเขาหลุดลอดออกไปได้เหมือนกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาในกรณีเหล่านั้น เขาจึงเลือกที่จะแปลงโฉมและมาที่นี่ด้วยตัวเอง

ความจริงแล้วซูจิ้งอยากจะทำการสะกดจิตสมบูรณ์ผู้บริหารประเทศอเมริกาทั้งหมดตั้งแต่มีเรื่องอยู่แล้วเพื่อที่จะได้เกิดสัญญาประนีประนอมขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากว่าเขาทำอย่างนั้นไปแล้ว ด้วยการที่อยู่ๆประเทศอเมริกาจะเปลี่ยนท่าทีก็คงจะเป็นเรื่องแปลกเกินไปสำหรับคนที่คอยจับตาดูเรื่องนี้ และอาจจะทำให้ประเทศอื่นนั้นจะแสดงท่าทีไม่พอใจต่อประเทศจีนขึ้นมาแทน
ด้วยเหตุนี้ซูจิ้งจึงเลือกที่กระทำการสามอย่างกับอเมริกา นั่นก็คือปล่อยข้อมูลลับของซีไอเอ ปล่อยวัตถุบินปริศนาไปจมกองเรืออเมริกาที่ช่องแคบมะละกา และใส่ชุดไอร่อนแมนไปถล่มฐานทัพอเมริกา
ตอนนี้ ถึงแม้ว่าอเมริกานั้นจะถูกกำราบลงและทั่วทั้งโลกกลับตั้งขอสงสัยกับประเทศจีนอีกครั้งจนอยากจะพิสูจน์ให้ได้ว่าประเทศจีนซ่อนขุมกำลังทางทหารไว้จริงๆหรือไม่ก็ตาม

แต่ในเมื่อประเทศเหล่านั้นยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าประเทศจีนอยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีทางเลยที่ประชาคมโลกจะประณามเรื่องนี้ให้เป็นความผิดของจีนได้อยู่ดี นี่คือสิ่งที่ซูจิ้งต้องการมากที่สุด
มาตอนนี้ต่อให้เขาไม่ต้องสะกดจิตเหล่าผู้บริหารประเทศของอเมริกาเพราะเรื่องทุกอย่างถือได้ว่าจบลงแล้วก็ตาม แต่ซูจิ้งก็ยังคิดว่าการสะกดจิตคนเหล่านี้เอาไว้เป็นไพ่ลับบนมือก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
แถมการกระทำเช่นนี้ยังถือว่าเป็นการป้องกันการลอบกัดจากอเมริกาในอนาคตได้อีกด้วย นี่จึงเรียกได้ว่าทำน้อยแต่ได้มากอย่างแน่นอน
“ติ๊งงงงงง” ตอนนั้นเองหลังจากที่ซูจิ้งสะกดจิตสมบูรณ์สำเร็จได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือของซูจิ้งก็ได้ดังขึ้นมา เมื่อเขาหยิบมาดูก็พบว่าเป็นฉิงหยุนโทรมาหาเขา
ฉิงหยุนหรือก็คือระบบปัญญาประดิษฐ์ของสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯของซูจิ้งนั่นเอง ด้วยการที่ระบบโทรจิตของฉิงหยุนนั้นค่อนข้างแคบโดยจำกัดอยู่แค่ภายในประเทศจีนและพื้นที่ใกล้เคียงประเทศจีนอีกไม่กี่กิโล คราวนี้ฉิงหยุนจึงต้องโทรมาหาซูจิ้งแทน

ซูจิ้งเองที่เห็นรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันทีว่าฉิงหยุนโทรมาทำไม เขาได้รียรับโทรศัพท์ในทันที โดยฉิงหยุนได้พูดออกมาว่า “ท่านเจ้าของ ด้วยการที่ท่านเจ้าของทำการสะกดจิตเมื่อสักครู่นี้และคนที่ถูกสะกิดจิตเมื่อสักครู่นี้คือเหล่าผู้มีอำนาจของโลกใบนี้ทำให้ค่าการใช้ประโยชน์เกิดการคิดลบอย่างมหาศาลเนื่องจากส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้าง ทำให้ค่าการใช้ประโยชน์ถูกลดไป 53,145 หน่วยค่ะ”
“ห้ะ” สมองซูจิ้งแทบจะตอบสนองไม่ทันเมื่อได้ยินว่าค่าการใช้ประโยชน์หายไปมากมายถึงขนาดนี้
เขานิ่งไปพักใหญ่ก่อนที่จะรีบถามออกมาอย่างร้อนรนว่า “การสะกดจิตครั้งนี้ทำให้เกิดการลดค่าการใช้ประโยชน์ขนาดนี้ได้ยังไงกัน ยังไม่ต้องพูดถึงจำนวนที่ลดนะ ที่ฉันสะกดจิตคนพวกนี้ก็เพื่อให้โลกนี้สงบสุขนะ และทำไมถึงกลายเป็นผลร้ายล่ะ”

“ด้วยการที่ว่าความสงบสุขประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นความสงบสุขที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นค่ะ ความสงบสุขที่ระบบยอมรับนั้นต้องเป็นความสงบสุขที่ต่อให้ไม่ต้องเข้าไปควบคุมก็สามารถเกิดได้ด้วยตัวเองเท่านั้น
ท่านเจ้าของคะ ท่านเจ้าของอาจจะยังไม่รู้ว่าห้วงเวลาและกาลอวกาศที่นับไม่ถ้วนและไม่สิ้นสุดนี้ยังมีสถานที่อื่นที่มีสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแบบนี้อยู่อีกนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีจ้าวแห่งความตายได้เข้ามาเป็นเจ้าของสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแบบท่าน เขาคนนั้นไม่ได้มุ้งเน้นที่จะสร้างค่าการใช้ประโยชน์แบบท่าน
เขาได้เล็งเห็นหนทางที่ชั่วร้ายโดยการพยายามที่จะหาทางลัดของระบบวิธีการต่างๆของสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาที่ได้กำหนดเอาไว้
เขาได้ศึกษาวิธีการคำนวนค่าการใช้ประโยชน์อย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นการทำเงินแค่ไหนถึงจะเพิ่มค่าการใช้ประโยชน์
ต้องทำให้คนประหลาดใจและตกใจแค่ไหนและต้องสร้างเรื่องดีๆต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขนาดไหนถึงทำให้ค่าการใช้ประโยชน์เพิ่มสูงขึ้น
หลังจากรับรู้สิ่งเหล่านั้นไปแล้วเขาจึงได้ควบคุมคนทั้งดินแดนของเขาพร้อมทั้งให้คนทั้งดินแดนมอบเงินทั้งหมดให้แก่เขาเพื่อจะเพิ่มค่าการใช้ประโยชน์ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังให้คนเหล่านั้นสรรเสริญเขาประดุจดั่งพระเจ้าพร้อมทำสิ่งดีๆให้สังคม ตอนนั้นทำให้เรียกได้ว่าเป็นดินแดนที่สงบสุขเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าค่าการใช้ประโยชน์เองก็ไหลรินเข้ามาดั่งสายทะเลด้วยเช่นเดียวกัน
สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนั้นเองก็ได้ทำการยกระดับอย่างรวดเร็วก็จริง อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ระบบทางสังคมนั้นไม่ได้พัฒนาไปอย่างที่ควรจะเป็นทำให้สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนั้นไม่ได้รับค่าการใช้ประโยชน์ดีอย่างที่คาดไว้ อีกทั้งขยะห้วงเวลาฯที่เจ้าของคนนั้นได้ละเลยมานานและไม่ได้มีคิดจะจัดการจนทำให้กองสุมจนท่วมล้น
ผลสุดท้ายคือขยะห้วงเวลาฯเหล่านั้นส่งผลต่อดินแดนทั้งดาวจนกลายเป็นดาวขยะที่เต็มไปด้วยมลพิษจากขยะห้วงเวลาฯ
ด้วยเรื่องนั้นทำให้เหล่าผู้จัดการสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯในครานั้นต้องเปลี่ยนกฎเกณฑ์การคำนวนนี้ใหม่ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการที่เข้าไปควบคุมวิถีแห่งสังคมไม่เพียงจะไม่เพิ่มค่าการใช้ประโยชน์แม้แต่น้อย กลับกันยังใช้การตัดแต้มนี้เป็นการตักเตือนอีก” ฉิงหยุนร่ายยาวออกมา
“ก่อนหน้านี้ฉันเองก็ใช้การสะกดจิตมากก่อนนี่นา ไม่เห็นระบบจะหักแต้มแบบนี้เลย” ซูจิ้งรีบถามออกมาในทันที
“การสะกดจิตที่ผ่านมานั้นแน่นอนว่าย่อมส่งผลหักลบต่อค่าการใช้ประโยชน์ค่ะ เพียงแต่ว่าท่านเจ้าของเองไม่ได้สนใจเท่านั้นเอง
ฉิงหยุนเข้าใจว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะค่าดังกล่าวนั้นเล็กน้อยมากจนทำให้ท่านไม่ได้สนใจ นี่เป็นรายการค่าการใช้ประโยชน์ที่ผ่านมาค่ะ หากท่านไม่เชื่อสามารถตรวจสอบดูได้ แน่นอนว่ามีรายการที่บอกเอาไว้เกี่ยวกับการหักลบเพราะทำการสะกดจิตควบคุมผู้คนด้วยเช่นเดียวกัน” ฉิงหยุนพูดออกมาก่อนจะส่งรายการที่เกี่ยวกับค่าการใช้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่เริ่ม
ในรายการดังกล่าวนั้นมีตั้งแต่การสะกดศัตรู พนักงานของสถาบันวิจัยฯของเขา ทีมตรวจสอบจากนานาประเทศ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ให้ค่าติดลบทั้งสิ้น
แต่ก็เป็นดังที่ฉิงหยุนว่าคือค่าเหล่านี้เล็กน้อยมากๆ น้อยชนิดที่เรียกว่าหน่วยเดียวหรือสองหน่วยและมากที่สุดก็แค่ไม่กี่สิบหน่วยเท่านั้นเอง เมื่อเทียบค่าการเพิ่มของค่าการใช้ประโยชน์แล้วเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีตัวตนเลยจริงๆ

“แล้วการสะกดจิตและควบคุมผู้บริหารของอเมริกาทำไมถึงได้ส่งผลลบมากนักล่ะ” ซูจิ้งถามออกมา
“เหตุผลก็เพราะว่าคนเหล่านี้มีอิทธิพลต่อสังคมในวงกว้างค่ะ ดูจากตัวเลขแล้วหมายความว่าคนพวกนี้ส่งผลกระทบต่อคนทั้งโลกนี้เลย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดค่าติดลบมากขนาดนี้” ฉิงหยุนตอบกลับมา
“แล้วกลับคนใหญ่โตของประเทศจีนก่อนหน้านี้ล่ะ” ซูจิ้งถามออกมาอีกครั้ง
“คนเหล่านั้นถูกควบคุมอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาจะยกระดับเป็นระดับหนึ่งและคนเหล่านั้นแล้วไม่ได้ถูกนายท่านเป็นคนลงมือกระทำจึงไม่ถูกนับรวมค่ะ
แน่นอนว่าหากท่านเจ้าของเป็นคนควบคุมคนเหล่านั้นหลังจากที่สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้ยกระดับ แต่หากท่านเจ้าของต้องการล่ะก็แน่นอนว่าระบบสามารถนำมานับรวมด้วย…” ฉิงหยุนตอบออกมา
ซูจิ้งที่ได้ยินดังนั้นจึงรีบพูดออกมาทันทีว่า “ไม่ไม่ไม่ไม่ เอาอย่างที่เธอพูดนั่นแหล่ะ คนพวกนั้นนอกจากจะควบคุมมาก่อนหน้าการยกระดับแล้วยังไม่ใช่ฉันเป็นคนทำเองอีก ฉันไม่สมควรจะนำค่าพวกนั้นมานับรวมด้วยจริงๆจ้า…”
แน่นอนว่าฉิงหยุนไม่ได้คิดจะนำค่าจากการสะกดจิตคนใหญ่คนโตของจีนมานับรวม เธอแค่อยากจะหยอกเล่นนิดหน่อยเท่านั้น

ตอนนี้ซูจิ้งกำลังดูค่าการใช้ประโยชน์ทั้งหมดที่เขามีอยู่ตอนนี้ ก่อนหน้าที่เขาจะเริ่มตอบโต้การกระทำของอเมริกา เขามีค่าการใช้ประโยชน์อยู่ 171,025 หน่วย แต่ในตอนนี้เขานั้นมีค่าการใช้ประโยชน์อยู่ที่ 175,035 หน่วย ถึงแม้ว่าอัตราการเพิ่มค่าการใช้ประโยชน์ของเขานั้นจะถูกหักลบไปกว่าห้าหมื่นหน่วยก็จริง แต่ก็ดูเหมือนว่าอัตราการเพิ่มค่าการใช้ประโยชน์เองก็ยังไม่ได้ถึงกับติดลบแต่อย่างใด
ความจริงแล้วสิ่งที่ซูจิ้งกระทำต่ออเมริกานั้นทุกอย่างล้วนแล้วแต่ทำให้ลดอัตราการเพิ่มของค่าการใช้ประโยชน์แล้วทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่การที่เขาได้กวาดล้างกองทัพอเมริกาจนสร้างความตื่นตระหนกและมลพิษมากมาย
อย่างไรก็ตามค่าที่โดนลบนั้นไม่ได้มากมายอะไร โดยที่ซูจิ้งเองก็ได้เห็นค่าติดลบนี้อยู่ท้ายรายการเช่นเดียวกัน ซึ่งนี่น้อยกว่าที่ซูจิ้งคาดเอาไว้มากนัก
อีกเหตุผลหนึ่งนั้นนั่นก็เพราะระบบไม่ได้จะใจร้ายจนกระทั่งละเลยผลกระทบด้านดีๆที่เกิดขึ้นจากการกระทำร้ายๆของซูจิ้งแต่อย่างใด
ด้วยการกำราบอเมริกาได้ในครั้งนี้ช่วยให้โลกนี้มีสันติสุขมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ไหนจะความประหลาดใจและความประทับใจที่เกิดขึ้นจากยานบินปริศนาและเกราะไอร่อนแมนที่ซูจิ้งใช้ที่มีแต่คนถวิลหาตามความฝันยามเด็กนั่นอีก

ด้วยการคำนวนที่ละเอียดละออของระบบนี้ทำให้ในที่สุดแล้วอัตราการเพิ่มของค่าการใช้ประโยชน์นี้เพิ่มขึ้นมาราวกับจรวด
“ไม่คิดเลยว่าเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้อัตราการเพิ่มของค่าการใช้ประโยชน์ยังคงเพิ่มได้ขนาดนี้อีก….เฮ้อ…..แต่ดูเหมือนว่านับแต่นี้ฉันคงไปสะกดจิตพวกคนใหญ่คนโตตามใจนึกไม่ได้แล้วสินะ นอกซะจากจะแน่ใจแล้วว่ามันจะเป็นการดีจริง ไม่อย่างนั้นต่อให้ค่าการใช้ประโยชน์มากมายขนาดไหนก็คงจะไม่พอ
ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็การที่จะทำให้ค่าการใช้ประโยชน์ขึ้นไปจนถึงหนึ่งล้านหน่วยนี่คงต้องรอไปอีกสิบปีแน่ๆ” ซูจิ้งพูดออกมา
“ท่านเจ้าของคะ นี่ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียวนะคะ ตอนนี้ท่านเจ้าของได้ควบคุมคนเหล่านี้ไปแล้ว
แต่ในทำนองเดียวกันตอนนี้ท่านยังไม่ได้ให้คนพวกนี้ทำอะไรที่ส่งผลเสีย
ท่านสามารถยกเลิกการสะกดจิตได้และนั่นจะทำให้อัตราการเพิ่มค่าการใช้ประโยชน์ที่ติดลบเหล่านั้นหายไปได้ด้วยเช่นกัน” ฉิงหยุนได้พูดออกมา
“อ้อ ฉันยังทำแบบนั้นได้ด้วยนี่เนาะ” ซูจิ้งนั้นรู้สึกดีใจขึ้นมาในทันที เขาหันไปมองเหล่าผู้บริหารประเทศอเมริกาและนิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจได้ยาก แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ยกเลิกการสะกดจิตคนเหล่านี้ นั่นก็เพราะในระยะยาวนั้น ต่อให้เขาต้องติดลบอัตราการเพิ่มจากเรื่องนี้กว่าห้าหมื่นหน่วยแต่นั่นก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้

ในตอนนี้ประเทศจีนนั้นยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะไม่โดนประเทศอื่นข่มเหงรังแก ก่อนหน้านี้เองเขาก็มุ่งหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเจอและส่งเสริมประเทศได้ในทันทีที่ทำได้
แต่นี่คงจะโทษได้เพียงสิ่งเดียวก็คือเวลาที่เขาจะทำให้ประเทศนี้แข็งแกร่งขึ้นนั้นไม่พอ
และเพราะเหตุนี้ทำให้เขานั้นไม่สามารถทำให้ประเทศจีนแข็งแกร่งพอที่จะเทียบเคียงอเมริกาและกลายเป็นประเทศผู้ปกป้องโลกนี้อย่างแท้จริงได้
“ค่าที่หักไปแล้วก็แล้วกันไปแล้วกัน” ซูจิ้งตัดสินใจอยู่นานจนพูดออกมา เขาได้เข้าไปพูดคุยกับเหล่าผู้บริหารของอเมริกาเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้แล้วเขาก็จากไป
หลังจากที่ซูจิ้งออกมาแล้ว เหล่าผู้บริหารของประเทศอเมริกายังคงประชุมกันอย่างเคร่งเครียดเหมือนเดิม แต่ที่ต่างออกไปก็คือหัวข้อการประชุมที่เปลี่ยนแปลงไป