บทที่ 1867 ตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1867 ตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์

 

เทพอมตะบัวสวรรค์ เทพอมตะสวรรค์พิภพ และเทพปีศาจคลั่ง?” หัวใจของฟางหยวนสั่นไหว

 

ตามคําอธิบายของชนพื้นเมือง ฟางหยวนสามารถเชื่อมโยงถึงผู้อมตะระดับเก้าในประวัติศาสตร์

 

ความคิดต่างๆพุ่งผ่านจิตใจของฟางหยวน พวกเขามาที่นี่งั้นหรือ? ในชั้นเจ็ด ข้าเห็นเส้นทางที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้อมตะระดับเก้าเพียงสามสายพวกมันเป็นของเทพอมตะตะวันเดือดเทพปีศาจจิตวิญญาณและเทพอมตะสวรรค์พิภพนี่หมายความว่ามีผู้อมตะระดับเก้าอย่างน้อยห้าคนมาที่นี่

 

ฟางหยวนรู้สึกสับสนและตกตะลึงเล็กน้อย

 

“ดูเหมือนผู้อมตะระดับเก๋คนอื่นๆจะมาที่นี่เช่นกัน บางที่เส้นทางที่พวกเขาทิ้งไว้อาจถูกทําลายไปตามกาลเวลา

 

เทพปีศาจบัวแดงถือกําเนิดขึ้นเมื่อหนึ่งล้านปีก่อนในยุคโบราณ เขาปรากฏตัวขึ้นหลังจากเทพปีศาจคลั่ง

 

ในยุคกลางเมื่อสามแสนปีก่อน เทพอมตะบัวสวรรค์ เทพปีศาจปล้นสวรรค์ และเทพอมตะตะวันเดือดปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง บรรพชนผมยาวอยู่ในยุคนี้ เนื่องจากเขาเป็นมนุษย์ขนที่มีอายุยืนยาวเขาจึงสามารถร่วมงานกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์และเทพอมตะตะวันเดือด

 

หลังจากนั้นก็เป็นยุคปลายเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน เทพปีศาจจิตวิญญาณ และเทพอมตะสวรรค์พิภพปรากฏตัวขึ้นในยุคนี้

 

ในยุคปัจจุบัน ตามคําทํานาย เทพอมตะแห่งความฝันจะถือกําเนิดขึ้น นางจะเป็นเทพอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด

 

เทพอมตะตะวันเดือด เทพปีศาจจิตวิญญาณ และเทพอมตะสวรรค์พิภพทิ้งเส้นทางของพวกเขาเอาไว้ในชั้นที่เจ็ดของปีศาจคลั่ง นั่นเป็นร่องรอยที่พวกเขาพุ่งทะยานเข้าไป

 

ทั้งสามเป็นผู้อมตะระดับเก้า ดังนั้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ของพวกเขาจึงคงอยู่มาถึงปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ตามแม้ผู้อมตะระดับเก้าจะทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเดีเอาไว้แต่พวกมันก็จะเลือนหายไปตามกาลเวลา

 

ความสงสัยของฟางหยวนได้รับค่าตอบมากขึ้นในเวลานี้

 

“เหตุใดผู้อมตะระดับเก้ามากมายจึงมาที่นี่?

 

“ปีศาจคลั่งดึงดูดตัวตนระดับนี้จริงๆ

 

“พวกเขาไปถึงชั้นเก๊หรือไม่?

 

“ค่ายกลวิญญาณอมตะของชั้นเก้ยังทํางานอยู่ หากพวกเขาไปถึงชั้นเก่า เหตุใดพวกเขาไม่ทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะและนําวิญญาณอมตะระดับเก้าออกไป?

 

หากพวกเขาไปไม่ถึงชั้นเก้าและหยุดอยู่ที่ชั้นแปด เหตุใดพวกเขาจึงสร้างโลกของตนเอง?

 

ฟางหยวนไตร่ตรองและต้องการไปดูโลกของผู้อมตะระดับเก้าเหล่านั้น

เขาไม่สามารถหาเส้นทางเพื่อไปยังชั้นเก้า

 

ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ชั้นเจ็ด เขาไม่เคยคิดว่าจะพบฉากที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ในชั้นแปด

 

บางทีเขาอาจพบเบาะแสบางอย่างจากโลกของผู้อมตะระดับเก้า

 

แม้มันจะไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับชั้นเก้า แต่โลกเหล่านั้นอาจมีมรดกของพวกเขาเก็บไว้

 

แม้มันจะไม่มีมรดกที่แท้จริง แต่ตราบเท่าที่มีบางสิ่งทิ้งไว้ กระทั่งมันจะไม่มีนัยสําคัญต่อผู้อมตะระดับเก้าแต่มันอาจมีประโยชน์อย่างมากต่อฟางหยวน

 

“น่าสนใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าโลกเหล่านั้นอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนถาม

 

มนุษย์หมอกส่ายศีรษะ พวกเขาไม่รู้ พวกเขาเคยได้ยินมาเพียงเท่านี้

 

“ท่านนักปราชญ์ เราอยู่ในโลกใบนี้และไม่สามารถออกไปข้างนอกอันตรายเกินไปสําหรับพวกเรา”

 

ฟางหยวนขมวดคิ้ว “แล้วพวกเจ้ารู้ข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไร?”

 

มนุษย์หมอกตอบ “บางเวลา ศิษย์ของนักปราชญ์เหล่านั้นจะเดินทางข้ามความว่างเปล่ามายังโลกต่างๆเพื่อทําธุรกรรมหรือปล้นสะดมพวกเราได้รับข้อมูลเหล่านี้มาจากพวกเขา”

 

รม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง “ศิษย์ของผู้อมตะระดับเก้างั้นหรือ? พวกเขามีความแข็งแกร่งระดับใด?พวกเขาต้องมีความสามารถพิเศษที่ทําให้พวกเขาสามารถเดินทางข้ามโลก!”

 

แต่หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ตระหนักถึงสิ่งผิดปกติและเปิดปากถาม “หากมีศิษย์ของนักปราชญ์อยู่มากมายเหตุใดพวกเจ้าจึงเรียกข้าว่านักปราชญ์ทันทีเมื่อเห็นข้า?”

 

มนุษย์หมอกตอบ “เพราะนักปราชญ์ทุกคนมีลักษณ์เหมือนท่าน แต่ศิษย์ของพวกเขามีรูปร่างทุกแบบ”

 

ฟางหยวนเข้าใจทันที ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีมนุษย์ สิ่งที่เรียกว่าศิษย์ของนักปราชญ์อาจเป็นเผ่าพันธุ์อื่นเหมือนมนุษย์หมอกเหล่านี้

 

กล่าวถึงเรื่องนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยเห็นมนุษย์หมอก พวกเขาไม่ใช่สัตว์หรือพืชพวกเขาไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์ แต่พวกเขามีรูปลักษณ์ที่คลุมเครือที่ดูคล้ายมนุษย์

 

“ท่านนักปราชญ์โปรดช่วยเราด้วย!”

 

“ท่านนักปราชญ์โปรดกอบกู้โลกใบนี้!

 

มนุษย์หมอกจํานวนมากอ้อนวอน

 

“แน่นอน” ฟางหยวนยิ้มและเริ่มโจมตี

 

“ท่านนักปราชญ์!”

 

“ท่านกําลังทําสิ่งใด?”

 

“อา…”

 

มนุษย์หมอกกรีดร้องด้วยความตกใจ

 

ในเวลาเพียงสองลมหายใจ ฟางหยวนก็จับมนุษย์หมอกเหล่านั้น

 

ข้อมูลที่ได้รับจากการซักถามจะเชื่อถือได้อย่างไร?

 

เขาต้องค้นวิญญาณมนุษย์หมอกเหล่านี้

 

แต่ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าอึดอัดใจ

 

เพราะมนุษย์หมอกเหล่านี้ไม่มีดวงวิญญาณ!

 

หากปราศจากดวงวิญญาณ แล้วพวกเขาจะถือเป็นสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่?

 

ฟางหยวนมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตระหนักถึงบางสิ่ง ดูเหมือนโลกใบเล็กใบนี้จะไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่นี่จึงไม่มีดวงวิญญาณ

 

นี่เป็นการค้นพบใหม่ที่น่าสนใจ

 

ในห้าภูมิภาคและสองสวรรค์ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีดวงวิญญาณเป็นของตนเองเนื่องจากการคงอยู่ของร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

 

อย่างไรก็ตามมนุษย์หมอกเหล่านี้กลับไม่มี

 

การขุดค้นความทรงจําของพวกเขากลายเป็นเรื่องยาก

 

แต่ปัญหานี้ถูกฟางหยวนแก้ไขอย่างรวดเร็ว

 

ฟางหยวนได้รับข้อมูลทั้งหมดของมนุษย์หมอกเหล่านี้

 

จากข้อมูล เขาพบว่ามนุษย์หมอกไม่ได้หลอกเขา พวกเขาไม่เคยออกจากโลกใบนี้ แม้ศิษย์ของนักปราชญ์จะมาที่นี่และทําธุรกรรมกับพวกเขา มันก็เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ช่วงเวลานั้นสั้นเกินไปดังนั้นความคิดของมนุษย์หมอกเหล่านี้จึงค่อนข้างเรียบง่าย

 

ฟางหยวนยังพบว่ามนุษย์หมอกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ พวกเขาไม่สามารถออกจากที่นี่

 

“มนุษย์หมอกเหล่านี้คล้ายกับจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดิน” ฟางหยวนคิด

 

นี้หมายความว่ามนุษย์หมอกเหล่านี้คือตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดินงั้นหรือ? หากข้าสามารถทําความเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ข้าจะสามารถสร้างจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดินหรือไม่?

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่ล้ําค่า

 

เขาต้องการค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่โลกใบนี้กําลังจะถูกทําลาย เขามีเวลาไม่พอ

 

“ไม่เป็นไร ข้าเพียงต้องค้นหาต่อไป”

 

โลกเช่นนี้หายากแต่มันยังมีอยู่

 

“หากข้าพบโลกของผู้อมตะระดับเก้ นั่นจะดีที่สุด!

 

จากนั้นฟางหยวนก็เริ่มออกเดินทางไปในความว่างเปล่าเพื่อค้นหาเป้าหมายต่อไป

 

“พรวด!”

 

เพิ่งซานกระอักเลือดและกําวถอยหลัง

 

เขามีร่างกายใหญ่โต เพียงก้าวเดียวก็ส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก มันไม่มีปัญหาหากมันเป็นพื้นดินธรรมดาแต่ที่นี่คือชั้นเจ็ดของปีศาจคลั่ง ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋

 

“ข้าไม่พบร่องรอยของฟางหยวนเลย” เพิ่งซานกล่าวขณะเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของตน

 

ผู้อมตะเงียบ

 

นักวางแผนถอนหายใจ

 

ปีศาจอมตะทั้งสามมารวมตัวกันแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาแยกกันเพื่อป้องกันฟางหยวน แต่ตอนนี้หลังจากเสียงปีศาจจบลงพวกเขาก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

 

ด้านหนึ่งพวกเขารู้สึกว่าแม้ฟางหยวนจะมีชีวิตอยู่แต่เขาย่อมอยู่ในสภาพที่ไม่เป็นภัยคุกคาม

 

อีกด้านหนึ่งพวกเขาต้องการช่วยฟางหยวน

 

“เรารู้จักชั้นเจ็ดเป็นอย่างดี ความหวังที่ฟางหยวนจะมีชีวิตอยู่…” เพิ่งซานสายศีรษะ

“ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะตายเช่นนี้” ผู้อมตะปู่ถอนหายใจ

 

นักวางแผนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

 

พวกเขาไม่มีความคิดที่จะกําจัดความชั่วร้าย เป้าหมายในชีวิตของพวกเขามีเพียงการสํารวจถ้ําปีศาจคลั่งเพื่อค้นหาชีวิตนิรันดร์เท่านั้น

 

ฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟาง

 

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่ในอากาศและปลดปล่อยแสงสีเขียวหยกออกมา

 

ฟางกง ฟางฮั่วเฉิง ฟางเล้ง และฟางหยุนกําลังเฝ้ามองมันจากสถานที่ห่างออกไป

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสีเขียวหยกยิงสายฟ้าสีเขียวออกไปทุกทิศทาง

 

“บีม บีม บีม…”

 

สายฟ้าแสงสีเขียวตกกระทบพื้นและส่งฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

 

เมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง ต้นหญ้าสีเขียวก็เริ่มเติบโตขึ้นจากหลุมก่อนจะกลายเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่

 

นี่คือท่าไม้ตายอมตะของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ สายฟ้าหมื่นชีวิต!

 

ท่าไม้ตายนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของฟางตี้เฉิง

 

ประตูวังเปิดออก ร่างแยกฟางตี้เฉิงของฟางหยวนเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“ดี!” ฟางกงหัวเราะเสียงดัง “ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สอง นี้เป็นผลงานครั้งใหญ่ของเจ้า”

 

“ด้วยวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลฟางของเราจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคและลุกขึ้น!” ฟางหยุนอุทาน

 

ฟางตี้เฉิงยิ้ม “ด้วยวังหลังนี้ พวกเราจะไม่ถูกกดขี่อีกต่อไป แต่ไม่จําเป็นต้องรีบร้อน มีบางส่วนที่เรายังต้องจัดการทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์ต้องใช้เวลาเตรียมการล่วงหน้า”

 

“อย่ากังวล เจ้าสามารถใช้ทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งไม้จากคลังสมบัติของเราได้ตามที่เจ้าต้องการฟางกงหัวเราะอีกครั้ง