ตงป๋อเสวี่ยอิงอ้าปากค้าง
ผู้แกร่งกล้าทั่วไปล้วนพยายามสกัดกั้นเขตลวง แต่ยอดเคารพซื่อฝาผู้นี้กลับเป็นฝ่ายปล่อยให้ตนเองเข้าสู่เขตลวง ช่างมั่นใจในตนเองเกินไปแล้ว! ทว่าเกลับกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด จนต้องถูกบีบบังคับให้ทำลายเขตลวงอย่างสุดกำลัง กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นของตนจึงแผ่ออกมาภายนอกบ้าง เดิมทีกลิ่นอายของเผ่ามรณะทมิฬก็ชั่วร้ายและน่าหวาดหวั่นอยู่แล้ว ตามปกติแล้ว ยอดเคารพซื่อฝา’ ผู้นี้เพียงแค่เก็บงำเอาไว้เท่านั้น หากแพร่ออกมาภายนอกตามปกติ ก็เพียงพอจะสังหารระดับอ๋องทั้งหมดได้แล้ว แม้แต่บรรดาแม่ทัพเทพในระดับจักรพรรดิก็ต้องถูกกระแทกจนกระเด็นไป หรือถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ จะมีก็แต่ระดับ ‘จักรพรรดิ’ เท่านั้นที่ยังคงสามารถต้านทานการโจมตีของกลิ่นอายเอาไว้ได้ค่อนข้างสบาย
“ให้พวกเราเข้าไปหรือ” จักรพรรดิเป่ยเหอเผยสีหน้ายินดีออกมา ขอบคุณยอดเคารพซื่อฝา”
“มีจ้าวหิมะเหินอยู่ทั้งคน ต่อให้ข้าขัดขวาง ก็ขวางพวกเต้าเอาไว้มิได้อยู่ดี” ยอดเคารพซื่อฝากล่าว “ไป ข้าจะพาพวกเจ้าไปเอง หากพวกเจ้าค่อยๆ บินไป ก็ไม่รู้ว่าจะต้องบินไปถึงเมื่อใด”
จักรพรรดิเป่ยเหอก็มิได้ปฏิเสธ
ขณะเดียวกันเขาก็ลอบมองสำรวจตงป๋อเสวี่ยอิงและยอดเคารพซื่อฝา เขาอยากรู้มากว่า ที่แท้แล้วเมื่อยอดเคารพซื่อฝาอยู่ภายใต้กระบวนท่าทางด้านวิญญาณของจ้าวหิมะเหิน จะส่งผลกระทบต่อพลังมากน้อยสักเท่าใดกัน ทว่าในเมื่อหาญกล้า เป็นฝ่ายเข้าสู่เขตลวงเอง จะต้องต้านทานเขตลวงล้วนๆ ผลกระทบก็คงไม่มากสักเท่าใดนัก
“หากร่วมมือกับจ้าวหิมะเหินไปจัดการกับยอดเคารพ เกรงว่าคงจะเปลืองแรงอยู่บ้าง” จักรพรรดิเป่ยเหอลอบพึมพำ “ทว่าอย่างน้อยก็ลดความแตกต่างระหว่างข้ากับยอดเคารพลงได้บ้าง! นอกจากนี้ เมื่อมีจ้าวหิมะเหินอยู่ ข้าก็ไม่เกรงกลัวการล้อมโจมตีอันใดอีกแล้ว เสียดายก็แต่ว่า จ้าวหิมะเหินไม่ยินยอมติดตามข้า ก่อนหน้านี้ยังถึงขั้นเคยช่วยเหลือวายุทิพย์มาครั้งหนึ่งด้วย!”
“ฟิ้ว”
พละกำลังอันไร้รูปร่างของยอดเคารพซื่อฝาปกคลุมโดยรอบ จักรพรรดิเป่ยเหอยังคงปกป้องตงป๋อเสวี่ยอิงและแม่ทัพเทพทั้งสิบเอาไว้
สวบ!
พวกเขาทะลุตรงผ่านอากาศไป จนถึงส่วนลึกที่ใจกลางของเกาะแห่งนี้
“ถึงแล้ว”
เสียงของยอดเคารพซื่อฝาสะท้อนก้อง
มิติตรงหน้าเปลี่ยนแปรไป ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปรอบด้าน ด้านข้างกลับเป็นทะเลสาบสีแดงเพลิงแห่งหนึ่ง น้ำทะเลสาบสีแดงเพลิงแผ่อุณหภูมิสูงเสียจนชวนให้คนตกใจ ทำเอาอากาศบิดเบี้ยวไปหมด เหนือทะเลสาบแห่งนี้ยังมีใบไม้สีดำมากมายลอยละล่องอยู่ ใบไม้สีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมพื้นที่กว่าหมื่นลี้ รายล้อมวงแล้ววงเล่า ยิ่งถัดเข้าไปวงด้านใน ใบไม้สีดำก็ยิ่งใหญ่โตขึ้น
ใบไม้สีดำตรงใจกลางสุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าร้อยลี้ ส่วนใบไม้รอบนอกสุด เพียงพอให้คนทั่วไปยืนได้สามคนห้าคนเท่านั้น
นอกจากใบไม้สีดำ ยังมีดอกไม้สีม่วงมากมายผลิบานอยู่
เมื่อทอดสายตามองไป ก็เห็นดอกไม้อันงดงามกว่าร้อยดอก ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางเท่าไหร่ ดอกไม้สีม่วงที่เบ่งบบานก็ยิ่งใหญ่โตขึ้นเช่นกัน ใบไม้สีดำตรงกลางสุดนั้น ก็มีดอกไม้สีม่วงขนาดใหญ่ที่สุดดอกหนึ่งผลิบานอยู่ตรงนั้นด้วย ดอกไม้สีม่วงดอกนั้น…กินพื้นที่ราวหนึ่งในสามของใบไม้สีดำตรงกลางใบนั้น
“ฟิ้ว…”
ใบไม้สีดำและดอกไม้สีม่วงซึ่งแผ่กำจายปกคลุมทั่วพื้นที่กว่าหมื่นลี้ของทั้งทะเลสาบ ได้แผ่กลิ่นอายของแรงกดดันอันไร้รูปร่างออกมา ทำให้ผู้แกร่งกล้าทั้้งหลายในที่นั้นรู้สึกเหมือนหยุดหายใจ
“เป่ยเหอ” ยอดเคารพซื่อฝาที่อยู่ด้านข้างพูดยิ้มๆ “ทะเลสาบใบไม้ดำอยู่ตรงนี้แล้ว ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าสามารถเก็บน้ำค้างบุปผาได้มากเท่าไหร่ ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าเอาไป แต่เจ้าควรรู้ไว้ว่าน้ำค้างบุปผาของทะเลสาบใบไม้ดำมิได้เก็บได้ง่ายถึงเพียงนั้น”
“วางใจเถิด ข้าเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว” จักรพรรดิเป่ยเหอโบกมือคราหนึ่งแล้วเก็บแม่ทัพเทพทั้งสิบด้านข้างลงไป เขากังวลว่าเมื่อถึงคราวเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผา เหล่าแม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาจะถูกยอดเคารพซื่อฝาโจมตี ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงน่ะหรือ ครั้งนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงมาก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น จึงได้นำร่างแยกมามากมาย ร่างแยกบางร่างอยู่ภายในคูหาสวรรค์สมบัติล้ำค่าที่จักรพรรดิเป่ยเหอพกติดตัวเอาไว้
ต่อให้ร่างแยกที่อยู่ภายนอก ถูกลอบสังหารและทำลายล้างไป ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวม
จักรพรรดิเป่ยเหอเหลือบมองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง
“จักรพรรดิเข้าไปเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาให้เต็มที่เถิด ข้าจะดูอะไรไปเรื่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูรอบด้านด้วยความสนอกสนใจ
“ได้” จักรพรรดิเป่ยเหอพยักหน้า จากนั้นก็สาวเท้าออกไปก้าวหนึ่งแล้วทะยานไปยังใบไม้สีดำรอบนอกสุด หลังจากร่อนลงบนใบไม้ใบหนึ่งอย่างแผ่วเบาแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปยังดอกไม้สีม่วงดอกหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด…
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองจักรพรรดิเป่ยเหอหยิบเครื่องมืออันซับซ้อนที่เตรียมมาเป็นอย่างดีเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาด้วยความระมัดระวังแวบหนึ่ง แล้วก็มองไปรอบๆ แทน รอบด้านมีสิ่งก่อสร้างทอดยาวต่อเนื่องกัน แม้แต่ทะเลสาบแห่งนี้ก็ยังอยู่ภายนอกสวนดอกไม้ขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง รอบด้านยังมีกำแพงลานอยู่ด้วย
“ครั้งนี้ก็เป็นเพราะมีจ้าวหิมะเหินอยู่ มิเช่นนั้นแล้ว เป่ยเหอผผู้นั้นก็คงมาไม่ถึงตรงหน้าทะเลสาบใบไม้ดำหรอก” ยอดเคารพซื่อฝาเดินมาถึงข้างกายตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “จ้าวหิมะเหิน ด้วยผลสำเร็จบนเส้นทางวิญญาณของเจ้า ไยจึงต้องช่วยเหลือเป่ยเหอด้วยเล่า เชื่อว่าบัดนี้จักรพรรดิเหล่านั้นก็คงต้องแย่งกันมาผูกสัมพันธ์กับเจ้ากระมัง หากเจ้าไม่ช่วยเป่ยเหอ เป่ยเหอก็คงทำอะไรเจ้ามิได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะ
ที่เขาช่วยเหลือจักรพรรดิเป่ยเหอ ก็เพราะต้องการหลบเลี่ยงการต่อสู้เป็นหลัก แน่นอนว่าเป็นเพราะจักรพรรดิเป่ยเหอเกรงอกเกรงใจเขามาตลอดด้วย ช่วยก็ช่วยเถิด
“จักรพรรดิเป่ยเหอสามารถให้ในสิ่งที่ข้าต้องการได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดจบก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ยอดเคารพ เหตุใดแรงกดดันของทะเลสาบใบไม้ดำแห่งนี้จึงน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ได้เล่า”
ตนยืนอยู่ริมตลิ่ง ก็รู้สึกเหมือนหยุดหายใจ
“มีเพียงตรงริมตลิ่งเท่านั้นที่จะสามารถสัมผัสถึงอานุภาพกดดันได้บ้าง” ยอดเคารพซื่อฝาพูดยิ้มๆ “หากเหยียบลงไปบนใบไม้นั่นแล้ว เข้าไปใกล้ใจกลางมากขึ้น แรงกดดันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และถึงขั้นน่าหวาดหวั่นขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ต่อให้เป็นข้า ก็มิอาจเหยียบย่างลงบนใบไม้สีดำตรงกลางสุดใบนั้นได้”
“ยอดเคารพก็มิอาจขึ้นไปได้อย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง
ยอดเคารพมีพลังระดับใดกัน เพียงแค่แรงกดดันเท่านั้น ก็ทำให้ยอดเคารพมิอาจเดินไปถึงใบไม้ตรงกลางสุดได้อย่างนั้นหรือ
“ทะเลสาบใบไม้ดำแห่งนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งสักท่านหนึ่งในสองท่านที่สิ้นชีวิตไปตอนนั้น” ยอดเคารพซื่อฝาทอดถอนใจ “สิ้นใจไปตั้งนานแล้ว ทะเลสาบใบไม้ดำที่เปลี่ยนแปรมาจากพละกำลังที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดก็ยังทำให้ข้ามิอาจเข้าใกล้ได้ ไม่รู้จริงๆ ว่า หากทั้งสองท่านนั้นยังมีชีวิตอยู่ จะน่าหวาดหวั่นสักเพียงใดกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า เพราะถึงอย่างไรก็สามารถทำให้หยวนได้รับบาดเจ็บได้ ต่อให้สู้หยวนไม่ได้ ก็เกรงว่าคงจะแตกต่างกันไม่มากสักเท่าใดนัก
“แม้จะมีดอกใบไม้ดำกว่าร้อยดอก แต่ความสามารถในการต้านทานแรงกดดันของเป่ยเหอก็ยังสู้ข้ามิได้เลย เกรงว่าเขาคงทำได้เพียงเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาบนดอกใบไม้ดำได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ดอกใบไม้ดำครึ่งหนึ่งก็ยังเป็นดอกที่เล็กที่สุดอีกต่างหาก” ยอดเคารพซื่อฝาพูดพลางหัวเราะเบาๆ ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางมากขึ้นเท่าไหร่ ดอกไม้ก็ยิ่งใหญ่โตขึ้นเท่านั้น ดอกไม้สีม่วงตรงกลางสุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงหลายสิบลี้เลยทีเดียว เกรงว่าน้ำค้างบุปผาภายในนั้นคงจะมากกว่าดอกอื่นๆ ทั้งหมดรวมกันเสียอีก
“ข้าสามารถลองขึ้นไปดูได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“แน่นอนว่าต้องได้อยู่แล้ว” ยอดเคารพซื่อฝาพูดยิ้มๆ “ทว่าจะต้องระวังด้วย อย่าได้แตะต้องน้ำทะเลสาบเหล่านั้นเป็นอันขาด น้ำทะเลสาบร้อนระอุ ด้วยพลังของเจ้า เกรงว่าเมื่อแตะถูกก็คงจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที”
“เข้าใจแล้ว”
จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทะยานขึ้นไป มุ่งหน้าไปยังใบไม้สีดำด้านนอกสุด
“เขาก็ไปด้วยหรือ”
“จ้าวหิมะเหินผู้นี้ก็ไปด้วยอย่างนั้นหรือ” ผู้ใต้บังคับบัญชาของยอดเคารพซื่อฝามองดูอยู่ไกลๆ พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ส่วนใหญ่รู้สึกไม่ยินยอมสักเท่าใดนัก! เผ่ามรณะทมิฬไม่มีคนอารมณ์ดีสักคน
จักรพรรดิเป่ยเหอที่กำลังเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาก็หันมามองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง เมื่อเห็นเข้าก็ยิ้มร่า เขาถ่ายเสียงพูดประโยคหนึ่งว่า “พี่หิมะเหิน ต้องระวังหน่อยล่ะ” จากนั้นเขาก็เก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาต่อไป
เขาร่อนลงเบาๆ ปลายเท้าแตะลงบนใบไม้สีดำ ใบไม้สีดำนุ่มหยุ่นสามารถรั้งเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“เป็นอานุภาพกดดันที่แข็งแกร่งนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้สนใจน้ำค้างบุปผาเหล่านั้นเลย อย่างแรกคือตนมิได้ต้องการ อีกอย่างคือตนมิได้มีเครื่องมือพิเศษในการเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผา
เขาสนอกสนใจอานุภาพกดดันของทะเลสาบใบไม้ดำมาก ใบไม้ตรงกลางสุด ถึงขั้นทำให้ยอดเคารพมิอาจขึ้นไปได้ นี่มันออกจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
“ตึ้กๆๆ…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปก้าวแล้วก้าวเล่าอย่างสบายๆ ราวกับเดินเล่นอย่างไรอย่างนั้น
เพราะถึงอย่างไรใบไม้จำนวนนับไม่ถ้วนก็แผ่คลุมบริเวณกว่าหมื่นลี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังนับว่าเดินไปได้ค่อนข้างเร็ว เขาเดินผ่านใบไม้สีดำใบแล้วใบเล่า ใบไม้สีดำใต้ฝ่าเท้าก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แรงกดดันนั้นก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
“เป็นอานุภาพกดดันที่แข็งแกร่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึงในใจ
อานุภาพกดดันนั้นพุ่งเป้าตรงไปที่วิญญาณ
เมื่อเข้าไปใกล้ ก็ประหนึ่งภูเขาใหญ่อันไร้ที่สิ้นสุดกดทับลงบนวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น
“ยากจริงๆ เสียด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยายามเดินไป
“อะไรกัน”
ยอดเคารพซื่อฝาที่อยู่ริมตลิ่งเห็นเข้าก็ตกใจใหญ่ “เดินมาไกลขนาดนี้แล้วหรือ”
“เป็นไปได้อย่างไร เดินไปได้ไกลถึงเพียงนั้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยหรือ” ยอดฝีมือเผ่ามรณะทมิฬเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึงเหลือแสน
“นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน” แม้จะกำลังเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผา จักรพรรดิเป่ยเหอก็จับตามองรอบด้านตลอดเวลา เมื่อพบว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปได้ไกลลิบ ก็อดตกใจมิได้ เขาสนใจ ‘ทะเลสาบใบไม้ดำ’ เป็นอย่างยิ่ง จึงได้เก็บรวบรวมข้อมูลมาเป็นจำนวนมาก และรู้ว่าต่อให้เป็นตัวเขาเองก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเดินไปได้ไกลถึงเพียงนั้น
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เผยสีหน้าเหน็ดเหนื่อยออกมา แต่ก็เดินไปถึงใบไม้อีกใบหนึ่งที่อยู่ใกล้ใบไม้ตรงกลางมากที่สุดแล้ว ใบไม้ใบนั้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงสิบลี้
“เอ๊ะ แม้ข้าจะรู้สึกว่ายากมาก แต่ข้าก็อยู่ห่างจากใบไม้ตรงกลางสุดเพียงแค่ช่วงสุดท้ายแล้วนี่นา” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจมาก แม้วิญญาณของเขาจะเคยดูดซับโลหิตหัวใจของ ‘มารดามังกรหมื่นสัมผัส’ หยดหนึ่งมาก่อน ,แต่ถึงอย่างไรก็มีพื้นฐานเพียงเทพจักรวาลชั้นที่สองเท่านั้น โลหิตหัวใจของมารดามังกรหมื่นสัมผัสเพียงแค่ทำให้วิญญาณของร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงร่างนี้ แข็งแกร่งกว่าขั้นสุดยอดทั่วไปอยู่บ้างก็เท่านั้นเอง
เมื่อเทียบกับยอดเคารพแล้ว ก็ยิ่งแตกต่างกันมากเข้าไปใหญ่
ทว่าทางด้านปณิธาน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สูงส่งกว่าเผ่ามรณะทมิฬและชนพื้นเมืองซึ่งอาศัยพละกำลังสายเลือดล้วนๆ เหล่านี้มากนัก และนี่ก็คือข้อได้เปรียบของผู้บำเพ็ญ
นอกจากนี้ เมื่อคิดค้นท่าไม้ตายของวิถีเขตลวงโลกเทียมออกมาได้นั้น วิญญาณของเขาก็เกิดการวิวัฒน์พิเศษบางอย่างขึ้นมา นอกจากนี้ในฐานะที่เป็นอันดับหนึ่งทางสายวิญญาณอย่างไร้ข้อกังขา เขาสามารถควบคุมพละกำลังของวิญญาณให้แปรเปลี่ยนเป็นโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลและสกัดกั้นแรงกดดันของวิญญาณเออาไว้ได้อย่างง่ายดาย!
“คงไม่หรอกกระมัง!” ยอดเคารพซื่อฝาตกตะลึง
“หรือว่า.” แม้แต่จักรพรรดิเป่ยเหอที่กำลังเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาอยู่ก็หยุดการเก็บเกี่ยวลงชั่วคราว แล้วมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง
ภายใต้การสอดส่องของพวกเขา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เดินไปก้าวแล้วก้าวเล่าอย่างไม่หยุดหย่อน ในที่สุดก็เหยียบลงบนใบไม้สีดำตรงกลางสุดที่ใหญ่ที่สุดของทั้งทะเลสาบใบไม้ดำจนได้
“วิ้ง!”
ชั่วขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเหยียบลงบนใบไม้ตรงกลางสุดนั่นเอง ดอกใบไม้ดำที่ใหญ่ที่สุดดอกนั้นก็เปล่งแสงสีม่วงอันสะดุดตาออกมา สาดส่องไปทั่วทุกทิศทุกทาง และสาดส่องลงบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยเช่นกัน
………………………………………