ประกายสีม่วงที่ดอกใบไม้ดำดอกใหญ่ที่สุดซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายสิบลี้ดอกนั้นแผ่ออกมา ช่างระยิบระยับจับตาถึงเพียงนั้น ช่างชวนให้คนมึนเมา แม้กระทั่งยอดเคารพซื่อฝา จักรพรรดิเป่ยเหอและบรรดาผู้คนที่ชมดูอยู่ข้างๆ จำนวนหนึ่งทั้งพรั่นพรึงทั้งถูกดึงดูดด้วยสิ่งนี้ พวกเขามองดูเงาร่างหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่เดินมาถึงบนใบไม้ดำตรงกึ่งกลางผู้นั้นแล้ว แต่ละตนต่างก็เกิดความพรั่นพรึง ความอิจฉาริษยา และความเหลือเชื่อขึ้นในใจ…
ความรู้สึกต่างๆ นานา ช่างสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
“เขาถึงกับสามารถขึ้นไปแล้วเดินไปถึงจุดศูนย์กลางได้เชียวหรือ” ยอดเคารพซื่อฝามีสถานะเช่นนี้ ก็ยังอดที่จะเอ่ยพึมพำเสียงต่ำกับตนเองมิได้ ทะเลสาบใบไม้ดำก็อยู่บนเกาะของเขา เขาทดสอบดูตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ภายใต้ความกดดันอันน่าหวาดหวั่นนั้น วิญญาณของเขาก็ต้านทานไม่อยู่ ได้แต่หยุดฝีเท้าเอาไว้เท่านั้น
“คิดไม่ถึงว่าข้าเชิญเขามาช่วยเหลือ ในท้ายที่สุดแล้วกลับกลายเป็นเขาที่ได้รับผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่สุดไป!” จักรพรรดิเป่ยเหอก็หยุดลงเก็บสะสมน้ำค้างบุปผา เขาเป็นจักรพรรดิที่ก้าวหน้าขึ้นมาใหม่ที่สุด แต่กลับกลายเป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจักรพรรดิในตอนนี้ ก็เพราะพยายามไขว่คว้าโอกาสทุกครั้งเอาไว้ ขณะนี้เขาเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่าใบไม้ดำที่อยู่ตรงกลางนั้นให้ความรู้สึกกดดันน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ และประกายอันลึกลับที่ดอกไม้สีม่วงแผ่ออกมาในขณะนี้ หากไม่มี ‘โอกาสอันยิ่งใหญ่’ ตัวเขาเองก็ยังไม่เชื่อเลย!
เขาปรารถนาให้โอกาสเช่นนี้หล่นมาใส่มือตน
แต่เขาย่อมไม่มีทางเหยียบไปบนใบไม้ตรงกลางจุดศูนย์กลางได้ ไม่มีคุณสมบัติจะไปสู้ ไม่ต้องพูดถึงเขาเลย แม้กระทั่งยอดเคารพก็ยังไม่สามารถป่ายปีนขึ้นไปได้เลย
ในขณะนั้นทุกคนต่างก็กำลังมองดูอยู่ มองอย่างอิจฉาริษยา แต่กลับไม่สามารถไปสู้ด้วยได้
“นั่นคือสิ่งใดหรือ”
“ของสิ่งใดกัน”
ยอดเคารพซื่อฝาและคนอื่นๆ ตกตะลึงในทันใด
เห็นเพียงว่าในขณะที่ดอกใบไม้ดำที่เป็นแก่นสำคัญที่สุดนั้นกำลังเปล่งประกายสีม่วงระยิบระยับไปทั่วทุกทิศทุกทาง ทันใดนั้นหยาดน้ำค้างเรืองรองหยดแล้วหยดเล่าก็ลอยขึ้นมา หยาดน้ำค้างหยดแล้วหยดเล่านั้นสามารถมองเห็นได้อย่างลางๆ กลางอากาศ มันหักเหแสงภายใต้ประกายระยิบระยับ เพียงแต่ว่าในหยาดน้ำค้างนี้มีเงาร่างสิ่งมีชีวิตอันแปลกประหลาดอยู่ร่างหนึ่ง หยาดน้ำค้างเหล่านี้คล้ายจะได้รับแรงดึงดูดอันไร้รูปร่างแล้วลอยไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงจนหมดสิ้น ก่อนจะดูดซึมเข้าไปในร่างกายเขา
“ใช่น้ำค้างบุปผาหรือไม่”
“น้ำค้างบุปผาของดอกใบไม้ดำหรือ ไม่ถูกสิ ดูคล้ายว่าจะแตกต่างกันอยู่บ้าง” พวกยอดเคารพซื่อฝาและจักรพรรดิเป่ยเหอสังเกตการณ์อยู่ทว่ากลับได้แค่คาดเดาอย่างสุ่มๆ เท่านั้น
******
ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปถึงใบไม้ดำตรงกลางนั้นเอง ดอกไม้ดอกนั้นก็เปล่งประกายสีม่วงระยับจับตาออกมา หยาดน้ำค้างที่หักเหแสงสายนั้นลอยเข้ามา สามารถมองเห็นเงาร่างสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดภายในนั้นได้รางๆ ถึงแม้จะรู้ว่าหยาดน้ำค้างนี้ไม่ธรรมดา แต่สิ่งมีชีวิตก็มีความมุ่งมาดปรารถนาอย่างหนึ่งตามธรรมชาติ บวกกับนี่เป็นเพียงแค่ร่างแยกร่างหนึ่งเท่านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้หลบเลี่ยง ปล่อยให้หยาดน้ำค้างเหล่านั้นหยดลงบนร่างกาย แล้วถูกร่างกายดูดซึมไป
“ปัง!”
ในขณะที่หยาดน้ำค้างตกกระทบร่างกายนั้นเอง
สติรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงก็คำรามดังลั่น
ในขณะนี้เขา ‘มองเห็น’ แล้ว
เห็นอย่างกระจ่างชัดเป็นอย่างยิ่งว่าที่กลางมิติคละถิ่นอันมืดสลัวมีสัตว์ตัวใหญ่สูงตระหง่านหาใดเปรียบกำลังบินทะยานอยู่ มันมีกรงเล็บหลายสิบอัน บนร่างกายมีดวงตากว่าพันดวงอยู่กันอย่างแน่นขนัด ดวงตาเหล่านี้บ้างก็เป็นดวงตาสีเทา บ้างก็เป็นดวงตาสีทอง เพียงแต่ว่าในขณะนี้ดวงตาเหล่านี้ต่างก็ปิดสนิทอยู่
เพราะก่อนหน้านี้ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยเห็นดวงตาสีเทาและดวงตาสีทองมามากมายเหลือเกิน ถึงแม้ดวงตาเหล่านี้จะปิดอยู่ทั้งหมด แต่มองปราดเดียวก็สามารถตัดสินได้แล้ว ก็เพราะเคยเห็นดวงตาลึกลับเหล่านั้นบนเกาะลอยคว้างแห่งแล้วแห่งเล่ามาก่อนแล้ว
ที่บริเวณไกลออกไปมีประกายสว่างไสวเรืองรอง นั่นคือโลกกำเนิดอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่งที่ปล่อยระลอกคลื่นซัดสาดออกมาปะทะกับมิติคละถิ่นบริเวณรอบๆ
แต่สัตว์ร่างใหญ่มหึมาตนนี้เหินบินอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าจะเชื่องช้า แต่การบินตลอดความยาวของโลกกำเนิดแห่งหนึ่ง กลับใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง เพราะว่าสัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้ตัวโดเหลือเกิน!
มีโลกกำเนิดอันกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ไกลออกไปแห่งนั้นเปรียบเทียบ! ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงประมาณได้ว่า ‘สัตว์ร่างใหญ่มหึมา’ ตนนี้มีขนาดใหญ่ราวๆ หนึ่งในสิบเท่าของโลกกำเนิดแห่งหนึ่ง!
“ตัวมันเองมีขนาดใหญ่โตถึงเพียงนี้เลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นตระหนก
สัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้งดงามเกินไปแล้ว
แฝงไว้ด้วยความงดงามของ ‘กฎเกณฑ์’
แผ่นเกล็ดบนร่างและระหว่างเกล็ดประกอบกันเป็นมิติแห่งแล้วแห่งเล่า บริเวณต่างๆของร่างกายขนาดใหญ่มหึมา การไหลของเวลากำลังเปลี่ยนแปลงและบิดเบือน แต่ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร เจ้าสัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้กลับมีอยู่ในทั้งอดีต อนาคตและปัจจุบัน ไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงขนาดที่มีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่ามาถึงระดับขั้นเช่นนี้แล้ว สัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้ควรจะ ‘เป็นอมตะตลอดกาล’ จึงจะถูกต้อง
ดูคล้ายว่าเดิมทีมันก็ควรจะปรากฏตัวในอนาคตอยู่แล้ว!
เพียงแต่ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้อยู่รางๆ ว่าสัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้น่าจะเป็นหนึ่งในสองสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นเป็นที่สุดที่ตายไปของ ‘หุบเขาเขี้ยวหัก’ ทำให้หยวนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังตายตกไปเสียแล้ว! ไม่รู้ว่าถูกหยวนโจมตี หรือว่าถูกหยวนและผู้แกร่งกล้าคละถิ่นคนอื่นๆ ล้อมสังหารจนตายกันแน่
“ช่างงดงามเสียจริง” สติรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังตื่นตะลึง
กรงเล็บนั้นแฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์การทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่นตามธรรมชาติ
ยามที่ร่างกายของมันแหวกว่ายก็มีความเร้นลับของห้วงอากาศที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าเร้นลับหาใดเปรียบ
ร่างกายของมันเกิดแรงดึงดูดอันน่าหวาดหวั่นอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าหากอยู่ใกล้มันมากๆ กลับก่อให้เกิดแรงผลักอันน่าหวั่นเกรง แรงดึงดูดและแรงผลักที่แฝงอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ก่อให้เกิดระลอกคลื่นพลังคละวิถีระลอกแล้วระลอกเล่าในมิติคละถิ่นหม่นสลัวอันกว้างใหญ่ไพศาลบริเวณที่มันผ่านไป
“พรึ่บ”
ทันใดนั้น
ดวงตาบนร่างของสัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้ก็ลืมตาขึ้นมาจนหมดแล้วมองไปยังทิศทางหนึ่ง
ดวงตากว่าพันดวง ครึ่งหนึ่งล้วนเป็นดวงตาสีทอง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งล้วนเป็นดวงตาสีเทา ถึงแม้ว่าจะมิได้จ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังรู้สึกว่าดวงตาสีเทามากมายมีแรงดึงดูดอันไร้ที่สิ้นสุด และดวงตาสีทองเหล่านั้นทั้งหมดต่างก็มีการโจมตีอันน่าหวาดหวั่น ทั้งสองรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ หนึ่งทำให้ศัตรูหลงใหลจนความระแวดระวังและการป้องกันอ่อนแอลง หนึ่งคอยรับการโจมตีของวิญญาณศัตรู รวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ จึงเป็นเคล็ดวิชาอันน่าหวาดหวั่น!
“พรึ่บ!”
จากนั้นภาพเหตุการณ์ที่เห็นก็เลือนหายไปจนสิ้น
ตงป๋อเสวี่ยได้สติกลับคืนมา ดอกใบไม้ดำที่อยู่เบื้องหน้าดอกนั้นยังคงเปล่งประกายสีม่วงอันชวนให้คนหลงใหลออกมาเช่นเดิม ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินเข้าไป เมื่อเข้าไปใกล้แล้วกลับพบว่ากลีบดอกไม้บานออกอย่างช้าๆ จนในที่สุดก็บานออกอย่างสมบูรณ์แบบ ภายในเกสรดอกไม้มีน้ำค้างบุปผาอยู่จำนวนหนึ่ง และที่ตรงกลางสุดคล้ายกับมี ‘หยาดฝน’ ที่ดูราวกับไข่มุกแก้วผลึกประดับอยู่ตรงกลางดอกไม้
เพราะว่าโปร่งแสงไปหมด มีประกายระยิบระยับ มองแวบแรกก็เหมือนกับหยาดน้ำค้างเป็นอย่างยิ่ง
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับรู้ว่านั่นมิใช่หยาดน้ำค้างแต่อย่างใด
“หยาดน้ำพันเนตร” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น
“หยาดน้ำพันเนตร!”
ไม่เพียงแค่ตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้น แม้กระทั่งยอดเคารพซื่อฝาที่คอยสังเกตการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่บนฝั่ง และจักรพรรดิเป่ยเหอที่หยุดเพื่อเก็บน้ำค้างบุปผา สายตาของพวกเขาล้ำเลิศเป็นอย่างยิ่ง จึงมองเห็นไข่มุกที่อยู่ตรงกลางเกสรดอกไม้นั้นได้อย่างกระจ่างชัด
หยาดน้ำพันเนตร!
สมบัติชั้นยอดภายในหุบเขาเขี้ยวหัก!
หุบเขาเขี้ยวหักมีสมบัติชั้นยอดอยู่ทั้งสิ้นสองชิ้น หนึ่งก็คือ ‘หยาดน้ำพันเนตร’ ส่วนอีกอย่างคือ ‘ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษ’
พวกมันสามารถทำให้ผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดคนใดๆ ของหุบเขาเขี้ยวหักริษยาจนแทบคลั่งได้ เพราะว่าเมื่อใดที่ได้มาครอง ก็สามารถอาศัยสิ่งนี้เข้าไปยัง ‘ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ’ สถานที่ต้องห้ามในตำนานของหุบเขาเขี้ยวหักได้ ทางเดินเขี้ยวอสรพิษอันตรายเกินไป บริเวณทางเข้าน่ากวาดกลัวยิ่งนัก ถ้าหากเหล่ายอดเคารพเข้าไปทั้งอย่างนั้นก็ยังต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย จำเป็นต้องพกเอาหยาดน้ำพันเนตรหรือไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษเข้าไปด้วย
“แย่แล้ว”
ในขณะที่ดอกใบไม้ดำบานออกมาอย่างสมบูรณ์ เผยหยาดน้ำพันเนตรหยดนั้นให้เห็น แรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นที่เดิมทีแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่งกลับจางหายไปในทันที
ในขณะที่หายลับไปนั้นเอง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้ว่าไม่ได้การเสียแล้ว!
เหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่โดยไม่มีใครสามารถมาขัดขวางหรือทำลายได้ ก็เพราะแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นทำให้พวกยอดเคารพซื่อฝาไม่สามารถเข้ามาได้
“สวบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง ตอบสนองโดยสัญชาตญาณ แขนพุ่งสะบัดราวกับสายฟ้า นิ้วมือก็คว้าจับหยาดน้ำพันเนตรหยดนั้นเอาไว้แล้วเก็บเข้าไปอย่างรวดเร็ว!
ปัง! ปัง!
ยอดเคารพซื่อฝาและจักรพรรดิเป่ยเหอต่างก็เคลื่อนไหวแล้ว
“หยาดน้ำพันเนตร” ยอดเคารพซื่อฝาเองก็ยังคิดไม่ถึงว่าตรงจุดศูนย์กลางทะเลสาบใบไม้ดำของตนจะเก็บซ่อนหยาดน้ำพันเนตรหยดหนึ่งเอาไว้ ถึงแม้ว่า ‘หยาดน้ำพันเนตร’ และ ‘ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษ’ จะมีอยู่เป็นจำนวนพอสมควร แต่ก็กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่งในหุบเขาเขี้ยวหักอันกว้างใหญ่ อีกทั้งการจะได้มาครองนั้นก็ยังยากลำบากเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย! ในประวัติศาสตร์คล้ายว่าจะมีเพียงเหล่ายอดเคารพเท่านั้นที่ได้มาครอง ก็เพราะว่าความยากลำบากในการได้มาครองนั้นช่างมากมายเหลือเกิน
จำนวนครั้งที่บรรดาจักรพรรดิทั้งหลายได้มาครองก็มีอยู่เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ในประวัติศาสตร์ ยอดเคารพซื่อฝาเข้าไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษทั้งหมดสามครั้ง! ก็เพราะเคยเข้าไปแล้ว เขาก็ยังคิดอยากจะเข้าไปอีก!
“ยอดเคารพซื่อฝา หยุดมือนะ!” จักรพรรดิเป่ยเหอช่างล้ำเลิศอย่างแท้จริง การตอบสนองของเขารวดเร็วกว่ายอดเคารพซื่อฝาอยู่ขั้นหนึ่ง! บวกกับเดิมทีก็อยู่ในระยะใกล้กับใบไม้ดำเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว ระยะทางสั้นๆ เพียงแค่พันกว่าลี้สำหรับจักรพรรดิเป่ยเหอก็เป็นเพียงแค่ก้าวยาวๆ ก้าวเดียวเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่ายอดเคารพซื่อฝาจะสามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้
แต่ในความเป็นจริงแล้วระยะทางเล็กน้อยเพียงแค่นี้ การเคลื่อนที่ในพริบตาก็ยังเร็วสู้เหินทะยานมิได้! การเคลื่อนที่ในพริบตานั้นจะมาจากห้วงมิติแห่งหนึ่ง ไปยังมิติอีกแห่งหนึ่งก็จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาเพียงน้อยนิด
“ไสหัวไป!” ยอดเคารพซื่อฝาสะบัดฝ่ามือออกไปอย่างเดือดดาล นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลงมือกับพลพรรคของพวกตงป๋อเสวี่ยอิง
“น้องหิมะเหิน เขตลวง!” จักรพรรดิเป่ยเหอก็ตะโกนถ่ายเสียง
“ทราบแล้ว!” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขตลวงโลกเทียมอันน่าหวาดหวั่นเคลื่อนตรงเข้ามา สำแดงการจัดการกับยอดเคารพซื่อฝาผู้นั้นอย่างสุดกำลัง
…………………………………………………