ในมือของจักรพรรดิเป่ยเหอก็มีกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ประกายกระบี่แปรเปลี่ยนกลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกรากสายหนึ่ง กระแสน้ำไหลมาล้อมรอบตงป๋อเสวี่ยอิงและจักรพรรดิเป่ยเหอเอาไว้
แต่ยอดเคารพซื่อฝาได้รับอิทธิพลของเขตลวง ฝ่ามือที่โจมตีเข้ามาชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด พลังคุกคามลดทอนลงไปไม่น้อย แต่ก็ยังคงทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกถึงพลังคุกคามอันไร้ที่สิ้นสุด
“ครืน…”
ฝ่ามือนี้โจมตีเข้ามาเป็นลำแสงสีดำอันไร้ที่สิ้นสุด ทำให้กระแสน้ำประกายกระบี่ของจักรพรรดิเป่ยเหอบิดเบี้ยวไปเสียแล้ว จักรพรรดิเป่ยเหอพาตัวตงป๋อเสวี่ยอิงร่นถอยไปอย่างรวดเร็วในทันที!
บริเวณที่ฝ่ามือปะทะกับกระแสน้ำประกายกระบี่ก็มีกลิ่นอายดำทะมึนจำนวนนับไม่ถ้วนแปรเปลี่ยนเป็นงูเล็กหลายตัวเลื้อยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง! งูเล็กเหล่านี้ส่งเสียง ฉึกๆๆ ภายใต้การขัดขวางของประกายกระบี่ หดตัวลงอย่างต่อเนื่องจนหมดสิ้นไปในที่สุด แต่ก็ยังมีงูเล็กสีดำจำนวนหนึ่งเลื้อยมาถึงตัวตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิเป่ยเหอก็ฟาดฟันกระบี่อย่างต่อเนื่องด้วยความเดือดดาลจึงฝืนเปิดออกได้จนหมด
“ยอดเคารพซื่อฝา ท่านต้านทานพวกเราไม่อยู่หรอก” จักรพรรดิเป่ยเหอเอ่ยคำราม
ระลอกการโจมตีต่อสู้ของสองฝ่ายปะทะไปทุกทิศทุกทาง ทั้งยังส่งผลกระทบบนร่างตงป๋อเสวี่ยอิง ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงมิอาจหายใจได้ ผิวหนังก็เจ็บแปลบราวกับถูกฉีกทึ้ง มีบาดแผลจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้น
“น้องหิมะเหิน แม้กระทั่งสิ่งนี้เจ้าก็ต้านทานไม่ไหวหรือ” จักรพรรดิเป่ยเหอได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็อดถ่ายเสียงไม่ได้ พลังคุกคามอันร้ายกาจเขาก็ต้านทานเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เพียงแค่ระลอกคลื่นการโจมตีเท่านั้น ระดับอ๋องสามัญธรรมดาของเผ่ามรณะทมิฬและชนพื้นเมืองดั้งเดิมต่างก็สามารถต้านทานได้ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับต้านไม่อยู่
“น่าอายนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจ พลังยุทธ์ของตัวเขาอ่อนแอเกินไป ได้แต่เอาร่างกายไปต้านทานเท่านั้น ถึงแม้ว่าร่างกายจะนับว่าร้ายกาจในบรรดาผู้บำเพ็ญ พลังถอดถอนก็นับได้ว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่กลับไม่มีทางเทียบกับผู้แกร่งกล้าชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่มีสายโลหิตได้ ก็ยิ่งไม่มีทางเปรียบกับเผ่ามรณะทมิฬได้เลย ร่างกายของเผ่ามรณะทมิฬก็แข็งแกร่งกว่าชนพื้นเมืองดั้งเดิมอยู่ขั้นหนึ่ง
ยอดเคารพซื่อฝาหยุดลงเสียแล้ว
เขายืนอยู่บนใบไม้สีดำใบไม้สีดำใบหนึ่งอย่างเงียบๆ ใบไม้สีดำและดอกไม้สีม่วงที่อยู่บริเวณรอบๆ ก็เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ดอกไม้แหลกสลายไปมากพอสมควร แต่ยอดเคารพซื่อฝาก็มิได้ใส่ใจ เพราะดอกไม้ก็จะเบ่งบานได้ใหม่ตามกาลเวลา
“พวกเจ้าช่างโชคดีเสียจริง” ยอดเคารพซื่อฝาเอ่ยเสียงต่ำ
“เป็นน้องหิมะเหินต่างหากที่โชคดี” จักรพรรดิเป่ยเหอพูดยิ้มๆ การประมือเมื่อครู่ทำให้เขายิ่งมีความมั่นใจว่าพลังยุทธ์ของยอดเคารพซื่อฝายังคงเหลืออยู่ราวๆ เจ็ดส่วน! ถึงแม้ว่าจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเป่ยเหออย่างเขาอยู่บ้าง แต่ข้อได้เปรียบเล็กน้อยนี้ก็สามารถห้ำหั่นได้เป็นแสนเป็นล้านปีโดยยากจะบอกแพ้ชนะได้! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าใต้บังคับบัญชาของเขา จักรพรรดิเป่ยเหอจะยังมีแม่ทัพเทพสิบคนอยู่ด้วย
นี่ก็เป็นเพราะเขาเจตนาเลือกสิบอันดับแรกในบรรดาสามสิบหกแม่ทัพเทพมา แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของยอดเคารพซื่อฝา ภายใต้อิทธิพลของเขตลวง ก็สามารถเพิกเฉยต่อภัยคุกคามได้
“ข้าต้านทานพวกเจ้าไม่อยู่” ยอดเคารพซื่อฝาพยักหน้ายอมรับ “แต่ว่าหยาดน้ำพันเนตรมีอยู่เพียงหยดเดียวเท่านั้น พวกเจ้าสองคนจะแบ่งกันอย่างไรเล่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงและจักรพรรดิเป่ยเหอประสานสานตากันคราหนึ่ง
แบ่งกันอย่างไรหรือ
“น้องหิมะเหิน ตอนนี้พวกเราสองคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่สามารถแยกจากกันได้หรอก”
จักรพรรดิเป่ยเหอถ่ายเสียง “มีเพียงการร่วมมือกันเท่านั้นจึงจะสามารถจากไปได้อย่างปลอดภัย”
“จ้าวหิมะเหิน” ยอดเคารพซื่อฝาร่อนลงบนใบไม้สีดำใบหนึ่งเบาๆ พลางเอ่ยปากพูดว่า “พลังยุทธ์ของเจ้าในตอนนี้ ไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษก็มิได้มีความหมายมากมายสักเท่าใดนักหรอก ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังไปไม่ถึงขั้นสุดยอดเลยเสียด้วยซ้ำ! เช่นนี้มิสู้เจ้ากับข้าทำข้อตกลงกันสักอย่าง ให้เจ้าทอดทิ้งเป่ยเหอผู้นี้ เอาหยาดน้ำพันเนตรให้ข้า แล้วเจ้าอยากจะได้อะไรก็จงบอกมาให้หมด! ข้าจะทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อให้เจ้าได้มันมาครอง”
ห้ายอดเคารพ นี่เป็นครั้งแรกที่มียอดเคารพให้คำมั่นสัญญาเช่นนี้กับตงป๋อเสวี่ยอิง
“เป่ยเหอ” ยอดเคารพซื่อฝามองไปทางจักรพรรดิเป่ยเหอ “ถึงแม้ว่าจ้าวหิมะเหินผู้นี้จะอยู่ภายใต้การคุ้มกันของเจ้า แต่เจ้าก็สามารถสังหารเขาได้ตลอดเวลา แต่ได้ยินมาว่าเขามีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วน ถึงเจ้าจะทำลายร่างแยกเหล่านี้ของเขาทิ้งไปก็ไม่มีผลกระทบอันใดต่อเขาหรอก สำหรับ ‘หยาดน้ำพันเนตร’ เมื่อไม่มีความช่วยเหลือของจ้าวหิมะเหินแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถหนีออกไปจากเกาะซื่อฝาอันรกร้างของข้าไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่กันเล่า เพื่อหยาดน้ำพันเนตรหยดนี้ ข้ายอมขายหน้าสักครั้งหนึ่ง ล้อมโจมตีเจ้าพร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าได้นะ! พอถึงเวลา เจ้าไม่เพียงแต่จะไม่มีหยาดน้ำพันเนตรเท่านั้น แม้กระทั่งชีวิตก็จะไม่มีด้วย!”
จักรพรรดิเป่ยเหอสีหน้าไม่น่าดู
ใช่แล้ว
ถ้าหากตงป๋อเสวี่ยอิงเลือกที่จะช่วยยอดเคารพซื่อฝา จักรพรรดิเป่ยเหอก็จะประสบภยันตรายถึงชีวิตจริงๆ หากเป็นยามปกติ ยอดเคารพก็ย่อมรังเกียจการล้อมโจมตีอยู่แล้ว
แต่ ‘หยาดน้ำพันเนตร’ นั้นเกี่ยวโยงกับโอกาสในการเข้าสู่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ สำหรับห้ายอดเคารพแล้วก็มีเพียงการสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเท่านั้นจึงจะสามารถทำให้พวกเขาไม่สนใจหน้าตา ลงมือโดยไม่เลือกวิธีการได้!
“น้องหิมะเหิน ยอดเคารพซื่อฝาผู้นี้เชื่อถือมิได้หรอก” จักรพรรดิเป่ยเหอถ่ายเสียงพูด “หรือว่าเจ้ายังไม่รู้อุปนิสัยของเผ่ามรณะทมิฬอีกเล่า อารมณ์เปลี่ยนแปรไปมา เป็นมารไปจนเข้ากระดูก!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเงียบงัน
จักรพรรดิเป่ยเหอยิ่งกระวนกระวาย!
เขาก็อยากได้หยาดน้ำพันเนตรมาครองเป็นที่สุด อีกทั้งยังเป็นกังวลถึงความปลอดภัยในชีวิตอีกด้วย
“แปลกประหลาดนัก” ขณะนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหยาดน้ำพันเนตรเอาไว้ แต่กลับสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นสายแล้วสายเล่า หลังจากที่สติรับรู้แทรกซึมไปแล้วก็รู้สึกได้อย่างลางๆ ว่าภายในคือโลกลวงแห่งหนึ่ง คือ ‘โลกพันเนตร’ อันลึกลับหาใดเปรียบ!
“นี่ก็คือสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นตนนั้น เป็นสถานที่ซึ่งความลึกลับของดวงตาสีเทา และการผลาญสังหารของดวงตาสีทองสามารถสำแดงออกมาได้พร้อมกันอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มเข้าใจ เป็นถึงยอดฝีมือทางด้านวิถีเขตลวงโลกเทียม เขาก็เข้าใจกระจ่างดียิ่งว่าอย่างเช่นท่าไม้ตายแรกของวิถีเขตลวงโลกเทียมที่ตนคิดค้นขึ้นนั้นสามารถทำให้ศัตรูจ่อมจมได้
ศักยภาพของท่าไม้ตายนี้ก็คือโลกลวงแห่งหนึ่งไปห่อหุมศัตรูเอาไว้! แล้วฉุดลากวิญญาณของศัตรูให้เข้าไปภายในเขตลวงนี้
ส่วนดวงตาสีทองนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็จดจำส่วนประกอบเขตลวงภายในดวงตาสีทองมากมายเอาไว้แล้ว ถึงขนาดที่ตอนนี้ยังมีร่างแยกไปบุกเกาะแก่งแต่ละแห่งที่มีดวงตาสีเทาและดวงตาสีทองกับ ‘แม่ทัพเทพรัศมีศิลา’ แม่ทัพเทพอันดับหนึ่งภายใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิวายุทิพย์อย่างต่อเนื่องอีกด้วย เขาจดจำส่วนประกอบเขตลวงของดวงตาลึกลับเอาไว้มากขึ้นเรื่อยๆ
กับการจดจำส่วนประกอบเขตลวงของดวงตาสีทอง การเข้าใจและเรียนรู้มัน ไปตระหนักรู้ท่าไม้ตายที่สอง ก็เริ่มมีโครงร่างคร่าวๆ แล้ว
แต่ท่าไม้ตายที่หนึ่งกับท่าไม้ตายที่สองในจินตนาการนั้นไม่มีทางที่จะสำแดงต่อศัตรูคนหนึ่งพร้อมกันได้
เพราะว่าท่าไม้ตายทั้งสองล้วนเป็นโลกเขตลวงทั้งสิ้น!
โลกเขตลวงแห่งหนึ่งทำให้ศัตรูหลงใหล
โลกเขตลวงอีกแห่งหนึ่งผลาญสังหารศัตรูภายในเขตลวง
เขตลวงทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
และวิญญาณของศัตรูก็สามารถถูกฉุดลากเข้าไปยังเขตลวงได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เมื่อเข้าไปในเขตลวงแห่งหนึ่งแล้วก็ไม่มีทางเข้าไปยังเขตลวงแห่งที่สองในเวลาเดียวกันได้อีก ทั้งสองนั้นเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกัน! ถึงอย่างไรยามอยู่ที่เทพจักรวาลชั้นที่หนึ่ง เวลานั้นห้าสายของวิถีโลกเทียมก็มิได้ผสานรวมซึ่งกันและกัน เคล็ดวิชาค่อนข้างผิวเผิน อย่างเช่นการล่อลวงก็เป็นการล่อลวงเพียงอย่างเดียวล้วนๆ ‘โลก’ ก็เป็นโลกเขตลวง ‘ผลาญสังหาร’ ก็ผลาญสังหารวิญญาณโดยตรง! ในทางกลับกันก็สามารถสำแดงพร้อมๆ กันได้
แต่มาถึงระดับพลังยุทธ์อย่างตงป๋อเสวี่ยอิง เขตลวงโลกเทียมกระบวนท่าเดียวก็แฝงเอาไว้ด้วยความเร้นลับมากมาย ‘วิถีโลกา’ ก็ผสานรวมกันไปก่อนแล้วจึงมีพลังคุกคามอันน่าหวาดหวั่นเช่นนั้นได้
มีเขตลวงแห่งหนึ่งก็ไม่มีทางทำให้ศัตรูเข้าไปสู่เขตลวงแห่งที่สองในเวลาเดียวกันได้
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับสัมผัสหยาดน้ำพันเนตรหยดนี้
ภายในหยาดน้ำพันเนตรก็มีโลกลวงแห่งหนึ่งอยู่รางๆ
โลกแห่งนี้ทำให้เขตลวงมายาของดวงตาสีเทากับเขตลวงผลาญสังหารของดวงตาสีทองผสานเข้าด้วยกันโดยสมบูรณ์
“หยาดน้ำพันเนตรหยดนี้มีประโยชน์ต่อข้าเป็นอย่างยิ่ง”
“ดวงตาสีเทาและดวงตาสีทองทำให้ข้าสามารถมองวิถีสองสายออกได้”
“แต่หยาดน้ำพันเนตรหยดนี้กลับสามารถทำให้วิถีสองสายรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ นี่จึงจะเป็นท่าไม้ตายที่แท้จริงของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวั่นเกรงนั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ สองกระบวนท่ารวมเป็นหนึ่ง น่าหวาดหวั่นเพียงใด ในขณะเดียวกันกับที่ศัตรูกำลังต่อต้านภาพลวงอยู่นั้น เดิมทีพลังจิตก็ลดต่ำลงอย่างมหาศาลแล้ว ทั้งยังเผชิญกับการโจมตีผลาญสังหารวิญญาณ เกรงว่าคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งขึ้นอีก พอวิญญาณได้รับบาดเจ็บแล้วการต้านทานภาพลวงก็จะยิ่งกินแรงมากยิ่งขึ้นอีก
สองกระบวนท่าส่งเสริมซึ่งกันและกัน
“หยาดน้ำพันเนตรมีความสำคัญต่อข้าเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากข้าจะยึดครองเอาไว้คนเดียวเล่า ยอดเคารพซื่อฝาย่อมไม่มีทางรับปากแน่นอน ส่วนจักรพรรดิเป่ยเหอก็เกรงว่าคงจะไม่รับปากเช่นเดียวกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “ต่อให้เห็นด้วยชั่วคราวเพราะความปลอดภัยของชีวิต เกรงว่ายามที่ไปจากเกาะแห่งนี้แล้วก็อาจจะลงมือสังหารได้!”
“ยอดเคารพซื่อฝาเป็นชนเผ่ามรณะทมิฬ ไม่ควรค่าแก่การเชื่อถือ จักรพรรดิเป่ยเหอก็ยังพอจะเชื่อถือได้อยู่บ้าง”
“แต่ข้าไม่สามารถยึดครองเอาไว้คนเดียวได้ ก็ได้แต่ทำข้อตกลงกับเขาแล้วกระมัง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว
เขามีความสนใจในทางเดินเขี้ยวอสรพิษเป็นอย่างยิ่ง
แต่เขาก็ยังไม่มุ่งมาดปรารถนาเป็นการชั่วคราว! ข้อแรกคือเขาหวังจะไปถึงขั้นสุดยอดให้เร็วหน่อยมากกว่า เช่นนี้จึงจะสามารถช่วยเหลือญาติสนิทมิตรสหายของตนได้ก่อนมหาวินาศของโลกกำเนิดบ้านเกิด ข้อสอง ‘โลกลวง’ ที่แฝงอยู่ภายในหยาดน้ำพันเนตรต่างหากที่เป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญ เข้าไปเผชิญอันตรายในทางเดินเขี้ยวอสรพิษหรือ รอให้ตนสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดก่อนค่อยว่ากันเถิด
“จักรพรรดิเป่ยเหอ ท่านต้องการหยาดน้ำพันเนตรมากอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด
“พูดตามจริง ข้าย่อมต้องอยากได้มาครองแน่นอนอยู่แล้ว” จักรพรรดิเป่ยเหอหัวใจเต้นรัวเร็วยิ่งขึ้น เขามองตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วถ่ายเสียงพูด “บนเส้นทางการบำเพ็ญของข้าห่างจากระดับจักรพรรดิขั้นสมบูรณ์อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่ข้าเป็นผู้ที่เยาว์วัยที่สุดในบรรดาจักรพรรดิทั้งหมด ก็ยังไม่เคยไปที่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษมาก่อนเลย! ถ้าหากข้าสามารถไปได้ บางทีก็อาจจะสามารถสำเร็จเป็นยอดเคารพได้ แต่ถ้าหากน้องหิมะเหินต้องการ ก็สามารถคุยกันได้นะ”
……………………………………………