ตอนนี้มิติลายพระเจ้ากำลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

หัวใจของชายหนุ่มนั้นเต้นรัวไม่เป็นจังหวะด้วยความรู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา

“รนหาที่ตาย!”

พลังโลกอันหนักหน่วงได้พุ่งทะยานออกมาในวินาทีนั้นเข้าปะทะกับร่างของเย่หยวนในทันที

แต่ร่างของเย่หยวนกลับจางหายไปกับช่องว่างแห่งมิติ

นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเบิกตากว้าง “แนวคิดแห่งห้วงมิติ!”

ในวินาทีนี้เขาไม่ได้คิดจะออมมือใดๆ อีกต่อไปแล้ว ใช้พลังของเทพสวรรค์ออกมาอย่างเต็มที่

คลื่นพลังอันบ้าคลั่งนี้มันทำให้ผู้คนที่ด้านล่างต่างหน้าซีดเผือด

คลื่นพลังนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่ชายหนุ่มมาถึงเป็นเท่าตัว

เหล่าคนนั้นหลายเข้าใจได้ทันทีว่าชายหนุ่มนั้นไม่คิดจะล้อเล่นอีกต่อไป!

ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องราวมันจะพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้

เย่หยวนที่อยู่อาณาจักรนภาสวรรค์กลับสามารถบังคับเทพสวรรค์ให้เอาจริงได้?

แค่คิดมันก็แทบทำให้หน้ามืด

เพราะไม่ว่ายังไงเสียต่อหน้าเทพสวรรค์นั้นต่อให้พวกเขาแค่ยืนเฉยๆ นภาสวรรค์ทั้งหลายมันก็ไม่อาจจะขยับทำร้ายใดๆ พวกเขาได้เลย

นี่คือความแตกต่างของอาณาจักรพลังบ่มเพาะ รวมไปถึงความแตกต่างในความเข้าใจแนวคิด มันย่อมไม่อาจจะมีอะไรมาทดแทนได้

แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับทำได้!

แล้วเจ้าลายสีฟ้าทั้งหลายนั้นมันคืออะไรกัน?

อย่าว่าแต่นักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์ แม้แต่เทพสวรรค์ทั่วๆ ไปเองก็ยังไม่อาจรับรู้ถึงตัวตนของลายพระเจ้านี้ได้

เพราะนี่มันคือพลังของระดับจักรพรรดิเทพสวรรค์!

แต่ชายหนุ่มคนนี้ย่อมมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาแน่ถึงสามารถมองออกได้ทันทีว่าลายที่ปรากฏตรงหน้านี้คือลายพระเจ้า!

ทำไมนักยุทธนภาสวรรค์คนหนึ่งถึงมีลายพระเจ้าใช้ได้กัน?

ชายหนุ่มนั้นไม่ทราบได้ แต่เขาก็ไม่มีเวลาไปคิดให้มากความ

เพราะลายพระเจ้านั้นอันตรายเกินไป!

“ดัชนีอสูร!”

ชายหนุ่มชี้นิ้วออกมาพร้อมด้วยคลื่นพลังแสนรุนแรงฟ้าถล่มดินทลายทำให้ทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต้องสั่นสะเทือน

เมื่อนิ้วนี้ปะทะเข้าแล้วเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ทั้งหมดคงแหลกเละเป็นแน่

“อ่อก!”

พลังของนิ้วนี้ยังไม่ทันมาถึงแต่เย่หยวนก็ไม่อาจทนรับพลังกดดันของมันได้จนต้องกระอักเลือดและถูกบีบออกมาจากช่องว่างมิติ

นั่นทำให้ลายพระเจ้าทั้งหลายต่างตกร่วงลงด้วยพลังของดัชนีนี้จนไม่อาจก่อตัวเป็นมิติลายพระเจ้าขึ้นมาได้

เย่หยวนกระอักเลือดคำโตร่างกายปลิวออกมาเหมือนศรที่ออกจากคัน

สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มีเลือดไหลออกตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นสภาพที่สุดแสนน่าหวาดกลัว

พลังของเทพสวรรค์นั้นช่างแข็งแกร่ง!

ชายหนุ่มคนนั้นมองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่เย็นชา “เดิมทีข้าแค่คิดมาเตือนเจ้า แต่เมื่อเจ้าคิดรนหาที่ตายแล้วเทพสวรรค์คนนี้ก็จะไปส่งเจ้าเอง! จงจำไว้ นามของผู้ที่สังหารตัวเจ้าคือหลินฉางชิง!”

สภาพของหลินฉางชิงในตอนนี้เขากำลังเจ็บแค้นในตัวเย่หยวนอย่างมาก

ในสายตาของเขานั้นเย่หยวนเป็นได้แค่มดปลวกที่ไม่มีทางต้านทานรับมือใดๆ เขาได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการโต้กลับเลย

แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกหวาดกลัว

เทพสวรรค์อย่างหลินฉางชิงนั้นกลับรู้สึกกลัวมดตัวน้อยนี้

นั่นทำให้เขาเกิดรู้สึกโกรธขึ้นมาเพราะความอับอายในตัวเอง

เมื่อดัชนีนี้ถูกปล่อยออกมาพลังของแนวคิดก็ได้ทำให้เกิดรอยแตกขึ้นในมิติที่มันผ่านทาง

และในศูนย์กลางของพายุนี้ก็มีศพของนักยุทธหลายคนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่ถูกลูกหลงจนกลายเป็นแค่เศษผงไป

นี่คือพลังที่มันอยู่เหนือล้ำโลกไปแล้ว

หลินฉางชิงนั้นมิใช่แค่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรเทพสวรรค์เท่านั้น แต่เขายังมีความเข้าใจต่อแนวคิดที่เหนือล้ำด้วย

“ตาย!”

ดวงตาของหลินฉางชิงเบิกกว้างพร้อมกับนิ้วที่ชี้ลงมาจนถึงที่สุด

แต่ในเวลานั้นเองที่กลับมีแสงสีชมพูพุ่งขึ้นไปรับดัชนีนั้นของเขาไว้

ภายใต้พลังดัชนีที่ทรงพลังนี้ เจ้าก่อนเนื้อสีชมพูนี้มันช่างดูเปราะบาง

หลินฉางชิงขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดขึ้น “หึ! เจ้าสัตว์โง่ แค่หมูตัวหนึ่งกลับกล้ามาคิดขวางทางข้า!”

“อู๊ด! อู๊ด!”

เจ้าก้อนเนื้อสีชมพูนั้นร้องออกมาอย่างไม่พอใจ มันจะยังเป็นใครไปได้นอกจากเจ้าหมูสมบัติ?

ภายใต้ฟ้าดินที่แตกสลายนี้ตัวของเจ้าหมูน้อยมันช่างเล็กจ้อยราวกับแค่ฝุ่นผงก้อนหนึ่ง

แต่จู่ๆ เจ้าหมูสมบัติก็ส่ายจมูกไปมาพร้อมอ้าปากกว้าง

“อะ… ชูว!”

เจ้าหมูสมบัติลอยตัวขึ้นไปบนฟ้าและจามครั้งใหญ่ใส่หลินฉางชิง

ภายในวินาทีคับขันนี้ภาพนี้มันช่างสุดแสนจะดูตลก

แต่ไม่มีใครคิดขำ

เพราะพลังลมที่ออกมาจากปากมันนั้นเข้าปะทะกับดัชนีอสูรของหลินฉางชิงอย่างรุนแรง

ตู้ม!

ภายใต้สายตาของทุกผู้คนนี้ ลมจากการจามนั้นมันกลับพัดเมฆหมอกไปจนสิ้นพร้อมๆ กับคลื่นพลังอันมหาศาลของดัชนีอสูรนั้น

หลินฉางชิงหน้าถอดสีทันทีที่ได้เห็นเช่นนั้น เรื่องราวตรงหน้ามันเกินกว่าที่เขาจะทำความเข้าใจได้อย่างสิ้นเชิง

การจามของเจ้าหมูสมบัติตรงหน้าเขานี้มันกลับปัดพัดร่างของเขาลอยปลิวได้ราวกับเขาเป็นแค่ใบไม้แห้งใบหนึ่ง

ปัง!

จากนั้นหลินฉางชิงก็รู้สึกว่าที่หน้าอกถูกแรงมหาศาลเหมือนค้อนเหล็กยักษ์ปะทะเข้าใส่

จากนั้นเขาก็พ่นเลือกคำโตออกมาร่างกายปลิวลอยไปพร้อมอาการบาดเจ็บที่หนักหนา

ทุกสิ่งอย่างปลิวลอยไปจนสิ้น

หมูสมบัตินั้นจามหนึ่งครั้งแล้วก็ม้วนตัวกลับไปนอนในอ้อมอกของตงน้อยอีกครั้งด้วยท่าทางแสนเหนื่อยหน่ายราวกับว่าไม่ได้มีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้น

เงียบกริบ!

เหล่าคนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างได้แต่หันมองหน้ากันไม่คิดอยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้

ดัชนีของเทพสวรรค์นั้นกลับถูกการจามนี้เป่าจนหายไป?

ที่สำคัญมันยังทำให้เทพสวรรค์บาดเจ็บด้วย!

ตงน้อยและหมูสมบัตินั้นติดตามเย่หยวนกลับมาด้วย แต่ทั้งสองนั้นดูไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาจึงไม่มีใครคิดจะสนใจแม้แต่น้อย

ใครจะไปคาดคิดว่าเจ้าหมูสีชมพูที่เย่หยวนพากลับมาด้วยนี้จะมีพลังมากมายเหลือขนาดนี้?

หนิงเทียนปิง อิ้งหมัวหู่และเล้งชิวหลิงต่างหันไปมองดูเจ้าหมูสมบัติด้วยความตื่นตกใจราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอมัน

พวกเขานั้นรู้ดีว่าเจ้าหมูสมบัตินั้นเป็นจอมตะกละที่กินโอสถของเย่หยวนไปอย่างมากมาย

พวกเขาก็รู้ด้วยว่าเจ้าหมูสมบัตินั้นชอบนอน วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากกินกับนอน

แต่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าเจ้าหมูสมบัติกลับจะมีพลังที่เหนือล้ำเช่นนี้

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาจากรอบทิศตงน้อยก็เงยหน้าขึ้นถาม “มองหาอะไร? ไม่เคยเห็นหมูตัวน้อยน่ารักหรือ?”

ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบ

“ให้ตายสิ! ให้ตาย! แค่พวกมดปลวก! ข้าจะทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของพวกเจ้าให้ราบคาบไป!”

หลินฉางชิงนั้นถูกซัดลอยไปปลายหมื่นกิโลเมตรแต่ก็ยังบินกลับมาพร้อมด้วยเลือดท่วมกาย

ดูท่าแล้วหลินฉางชิงคงโกรธแค้นอย่างไม่อาจทนเฉยได้อีกต่อไป

ตงน้อยขมวดคิ้วแน่นก่อนจะลอยตัวขึ้นไปหาหลินฉางชิง

“อู๊ด! อู๊ด!”

เจ้าหมูสมบัติในอ้อมแขนของตงน้อยเบิกตาทั้งสองกลอกขึ้นมองหลินฉางชิงด้วยความเบื่อหน่าย

หลินฉางชิงหน้าถอดสีทันทีราวกับได้เจอสัตว์ร้ายจากนรกก็ไม่ปาน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี้เขากลับรู้สึกเกรงกลัวขึ้นมา

แต่หากจะให้พูดจริงๆ สิ่งที่เขากลัวเกรงนั้นมันคือหมูสมบัติในอ้อมแขนของตงน้อยต่างหาก

หลินฉางชิงนั้นไม่อาจสัมผัสความอันตรายใดๆ ได้จากเจ้าหมูสมบัติหรือเด็กคนตรงหน้านี้เลย ไม่อาจสัมผัสได้เลยว่าเป็นตัวตนยิ่งใหญ่มาจากไหน

แต่การจามเมื่อสักครู่นั้นมันคือของจริง

ตงน้อยหันมองหลินฉางชิงและกล่าวขึ้น “เด็กน้อย เจ้าเลิกมาอวดอ้างพลังเสียเถอะ ข้าจะขอบอกเจ้าไว้เลยว่าเจ้านั้นไม่มีคุณสมบัติพอจะเลียรองเท้าเขาเสียด้วยซ้ำ เฮ้อ… มีเวลาอีกหน่อยแล้วเขาจะทำให้เจ้าได้รู้ถึงคำว่าสิ้นหวังเอง ตอนนี้ไสหัวไปเสีย”

คำพูดอวดดีทั้งหลายนี้มันฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลกเมื่อออกมาจากปากของตงน้อย

ตงน้อยนั้นยังมีน้ำเสียงของเด็กตัวเล็กๆ มันทำให้การพูดนี้เหมือนเป็นคำพูดจากปากของเด็กน้อยที่พ่อแม่ไม่สั่งสอนเสียมากกว่า

แต่ตอนนี้มันไม่มีใครกล้าคิดเช่นนั้นอีก

เพราะเจ้าหมูสมบัติในมือของเขานั้นมันแข็งแกร่ง!

หลินฉางชิงมองดูตงน้อยด้วยใบหน้าที่แฝงอารมณ์อันหลากหลาย เปลี่ยนสีไปมาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดลง

…………………………