หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1156 ความแข็งแกร่งเพิ่มพูน
โฮก**!**
ทะเลสวรรค์บนท้องฟ้าสั่นสะเทือน แม่น้ำที่ไหลลงมาราวกับมังกรใหญ่โฉบตัวที่มีพลังท่วมท้น ทำให้กระทั่งมิติยังแตกออก
คลื่นกระแทกที่รุนแรงช่างดูน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร
ร่างเทพสุริยะยืนตระหง่านในอากาศ มู่เฉินปรากฏตัวบนศีรษะแล้วนั่งขัดสมาธิลง เวลานี้ดวงตะวันสีทองกำลังหมุนคว้างอย่างช้าๆ
ครืน!
แม่น้ำที่ราวกับมังกรพุ่งลงมาภายใต้สายตาอิจฉานับไม่ถ้วน ตกลงบนร่างมู่เฉิน
ขณะนี้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานหลิงที่ไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งเข้าสู่ร่างกายจากกระหม่อม ทำให้ร่างกายของเขาพองตัวขึ้นเรื่อยๆ
ความรู้สึกคล้ายกับมีมังกรพุ่งเข้ามาในร่างกายบินฉวัดเฉวียนภายในแล้วกวาดหายนะ
ถ้าพลังงานนี้ถูกควบคุมโดยบางคนในตอนนี้ ร่างของมู่เฉินคงระเบิดเป็นฟองเลือดไปแล้ว
แต่โชคดีที่คลื่นหลิงเหล่านี้ไม่มีเจ้าของ นอกจากนี้ความบริสุทธิ์ก็อยู่ไกลเกินจินตนาการของมู่เฉินนัก
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพุ่งเข้ามาในหัวก่อนที่จะไหลบ่าบ้าคลั่ง ทำเอามู่เฉินเจ็บปวดรุนแรง ทว่าภายใต้ความเจ็บปวดเขาก็รู้สึกได้ไม่ว่าจะเป็นเส้นลมปราณ กระแสเลือดและเนื้อก็มีร่องรอยของประกายแสงละเอียดอยู่
แม้ว่าจะดูไม่มีนัยสำคัญ แต่มู่เฉินก็สัมผัสได้ชัดเจนถึงพลังที่น่ากลัว
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ทุกอณูแข็งแกร่งมากขึ้นไปด้วย
ในเวลาเดียวกันก็มีริ้วเลือดสีดำไหลออกมาจากภายในหรือบนพื้นผิวของร่างกาย
นั่นคืออาการบาดเจ็บที่ซ่อนอยู่ ซึ่งมู่เฉินได้รับมาจากการต่อสู้ในอดีต แต่ยามนี้กำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย กระทั่งมู่เฉินที่เป็นคนสุขุมก็รู้สึกมีความสุข ความแข็งแกร่งของพลังกายเขาทรงพลังมากอยู่แล้ว ดังนั้นจึงยากสำหรับเขาที่จะเพิ่มพูน แม้ว่าจะใช้สมบัติทางธรรมชาติบางอย่างก็มีข้อจำกัดมาก นอกเหนือจากสมบัติธรรมชาติบางสิ่ง ซึ่งกระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังถูกดึงดูดเข้าไป ถึงแม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนยิ่งใหญ่จากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาก็จ่ายไม่ไหว
ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าพิธีการรับการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ของทะเลสาบสวรรค์สามารถปรับปรุงร่างกายได้ นี่ทำให้เขามีความสุขมาก
ดังนั้นเขาจึงเร้ากายามังกรหงส์โดยไม่ลังเลใดๆ เกลียวแสงสีทองระเบิดขึ้นมาบนร่างกายนับไม่ถ้วน จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่สถิตอยู่ในแขนก็ตื่นขึ้น โจนทะยานออกจากร่างเขาหมอบตัวที่หัวไหล่ ปล่อยให้การชำระล้างของทะเลสาบสวรรค์ชำระร่างกายอีกครั้ง…และอีกครั้ง
จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงได้รับการชำระมากขึ้น พื้นผิวกายของสองเทพอสูรก็ยิ่งเปล่งประกายระยิบระยับ
แม่น้ำยังทำให้มิติสั่นสะเทือน ผู้คนก็รู้สึกได้ว่าความผันผวนที่เล็ดลอดออกมาจากร่างมู่เฉินทรงพลังขึ้นอย่างรวดเร็ว
ยิ่งกว่านั้นการเพิ่มพูนก็ไม่ได้จำกัดแค่ร่างกายมู่เฉินเท่านั้น การชำระที่ร่างเทพสุริยะได้รับยิ่งน่าทึ่ง จึงทำให้เพิ่มพูนได้ยิ่งมาก
แสงสีทองพวยพุ่งบนร่างใหญ่โตขึ้นไปบนขอบฟ้าส่องสว่างรัศมีหมื่นลี้
ทุกคนที่นี่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงพลังน่าสะพรึงกลัวที่มาจากร่างเทพสุริยะ ที่ทำให้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มยังต้องมีสีหน้าเปลี่ยนไป
บริเวณไกลออกไปจาโหลหลัวก็รับการชำระล้างอยู่ แต่เมื่อเทียบกับการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ของมู่เฉินก็ทำเอาซีดไปเลยทีเดียว
ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงเย็นชามาก ขณะที่จ้องมองร่างเทพสุริยะที่อยู่ใต้ฝ่าเท้ามู่เฉิน ไอสังหารแรงกล้าพล่านในดวงตา
เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าพลังของร่างเทพสุริยะของมู่เฉิน กำลังจะแซงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
ด้วยพิธีชำระล้างขั้นสมบูรณ์ การเพิ่มความแข็งแกร่งของมู่เฉินทำให้แม้แต่จาโหลหลัวยังตกใจและเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเสียใจ ถ้าเขารู้เรื่องนี้มาก่อนละก็ เขาคงจะฆ่ามู่เฉินให้เร็วกว่านี้
ตอนนี้มู่เฉินทำให้เขารู้สึกถูกคุกคามแล้ว
ทว่าไม่มีอะไรที่สามารถทำได้ จาโหลหลัวรู้สึกได้แม้ว่ามู่เฉินจะรับการชำระล้างแต่สายตาก็ยังจับจ้องมาที่เขาตลอด หากเขาโจมตี มู่เฉินก็จะสามารถใช้พลังการชำระล้างซัดเขาไม่ยั้งแน่
“เวรเอ้ย” จาโหลหลัวหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หลุบตาลง สีหน้ากลับมาเป็นเฉยเมย แม้ว่านี่จะเกินความคาดหมายไปเล็กน้อย แต่ก็ยังยอมรับได้เนื่องจากความแตกต่างระหว่างเขากับมู่เฉินไม่ใช่สิ่งที่สามารถครอบคลุมได้ด้วยการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ เขาจะต้องหาโอกาสหลังจากนี้เพื่อฆ่ามู่เฉินให้เร็วที่สุด
สำหรับตอนนี้มุ่งเน้นไปที่การรับการชำระล้างให้เสร็จก่อน ไม่ว่าอย่างไรสิ่งนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อเขาเช่นกัน
เมื่อจาโหลหลัวดึงดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาฆ่ากลับ ดวงตาของมู่เฉินก็สั่นไหว ตัวเขาคอยตั้งระวังจาโหลหลัวอยู่ก็จริง มากจนตั้งใจล่อให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาจัดการเขาด้วยซ้ำ หากเป็นเช่นนั้นมู่เฉินจะสามารถยืมพลังพิธีชำระล้างเพื่อทำลายล้างจาโหลหลัวได้
แต่ความระมัดระวังของจาโหลหลัวเกินความคาดหมายของมู่เฉินไปเล็กน้อย เนื่องจากเขาสามารถระงับจิตสังหารในใจและเลือกนิ่งเงียบลงเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง
“เป็นศัตรูที่ยากจะต่อกรจริงๆ” มู่เฉินถอนหายใจในใจ ทั้งความคิดและแผนการของจาโหลหลัวเป็นสิ่งที่เขาประมาทไม่ได้
แต่เนื่องจากจาโหลหลัวเลือกที่จะนิ่งเงียบ มู่เฉินก็ไม่จำเป็นต้องเบี่ยงเบนความสนใจและรับการชำระล้างบาปได้อย่างเต็มที่ เขาและจาโหลหลัวจะต้องสู้กันด้วยศึกมรณะ เขารู้สึกว่าถูกคุกคามอย่างมากจากอีกฝ่าย ดังนั้นเขาคว้าโอกาสทั้งหมดที่จะได้รับเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง
มู่เฉินปรือตามองไปที่ร่างเทพสุริยะดำเมื่อมที่อยู่ใต้เท้าของจาโหลหลัวพร้อมกับแสงแวบในดวงตา
จากการสัมผัสทำให้มู่เฉินรู้ว่าหากเทียบเรื่องพลังและความหนาแน่นคลื่นหลิงของร่างเทห์สวรรค์ จาโหลหลัวคงจะแข็งแกร่งกว่าอยู่เล็กน้อย
การปะทะกันซึ่งหน้า มู่เฉินจะไม่ได้เปรียบแน่นอน
สุดท้ายจาโหลหลัวก็ฝึกฝนร่างเทพสุริยะมานานกว่ามาก กระทั่งตำหนักเทพปีศาจยังเลี้ยงดูเขาด้วยทรัพยากรมากมาย ดังนั้นเห็นได้ว่าประมุขตำหนักเทพปีศาจให้ความสำคัญกับเขามากเพียงใด
จาโหลหลัวอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มมาเป็นเวลานาน ซึ่งได้ค้นหาโอกาสบุกทะลงเข้าไปแตะระดับตี้จื้อจุนแล้ว ขณะที่มู่เฉินเพิ่งบรรลุขั้นเก้าระยะต้นเท่านั้น มีช่องว่างระหว่างพวกเขาซึ่งแม้แต่มู่เฉินก็ยังต้องยอมรับ
“การต่อสู้ระหว่างข้ากับจาโหลหลัวคงจะเกิดในอีกไม่นานและก็ไม่ง่ายเลยที่จะเหนือกว่าจาโหลหลัว นอกจากนี้ต่อให้เราสองคนจะใกล้เคียงกัน แต่ถ้าต่อสู้กันก็คงไม่สามารถได้เปรียบอย่างเต็มที่” แม้ว่าเขาจะมีไพ่ตายมากมายรวมทั้งพัดเทพสายลม แต่เขาเชื่อว่าจาโหลหลัวจะไม่มีอาวุธมหสวรรค์ของแท้ ดังนั้นหากเขาต้องการเอาชนะ เขาก็ต้องเตรียมการบางอย่างแล้ว
มู่เฉินลดศีรษะลงมองร่างเทพสุริยะก็หรี่ตาลงก่อนจะค่อยๆ หลับตา
ทันใดนั้นแสงสีทองจากร่างเทพสุริยะก็หยุดขยายออกไป การเสริมสร้างพลังร่างเทห์สวรรค์เริ่มช้าลง
มู่เฉินแอบโยกย้ายการชำระล้างไปยังจุดอื่นอย่างเงียบ ๆ
หลังจากทำเช่นนี้แล้วเขาก็หลับตาลง เกลียวแสงสีทองระเบิดออกจากร่างกาย จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบนไหล่ส่งเสียงคำรามพึงพอใจ คลื่นหลิงและพลังกายของเขาก็ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วจากการชำระล้างนี้
ในเมื่อเขาชะลอการเสริมสร้างร่างเทพสุริยะ เขาก็ต้องเพิ่มพลังของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นมู่เฉินจึงค่อยๆ อ้าแขนภายใต้แม่น้ำมังกรขนาดใหญ่
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตผันผวนตลอดเวลา
ทำให้ลอนคลื่นมากมายกระจายไปทั่วทะเลสาบสวรรค์ที่อยู่เบื้องล่าง
ขณะนี้ทุกคนกระตุ้นการรับการชำระล้างทุกระดับ ทว่าเมื่อเทียบพิธีของมู่เฉินของคนอื่นๆ ก็ดูน่าสงสารนัก
นอกเหนือจากความรู้สึกหดหู่จากการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ของมู่เฉิน คนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างพอใจเนื่องจากการชำระล้างทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้นและปูทางเส้นทางการเพาะบ่มในอนาคต
เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนจำนวนมากก็เสร็จสิ้นกระบวนการ ขณะที่ทะเลสาบสวรรค์ค่อยๆ สงบลงโดยเหลือจอมยุทธ์ไม่กี่คนที่ยังอยู่ในกระบวนการ
แน่นอนว่ามู่เฉินก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
กีด!
จิ่วโยวเสร็จสิ้นกระบวนการเรียบร้อย นางกลับคืนสู่ร่างต้นกำเนิด วิหคอนธโลกันตร์กางปีกขนาดใหญ่ปกคลุมหมู่เมฆ ทุกการกระพือทำให้กระแสพลังงานหลิงเปลี่ยนแปรไปด้วย
สามารถมองเห็นประกายระยิบระยับบนร่างวิหคอนธโลกันตร์ แม้ว่าจะไม่เด่นชัด แต่ก็ทำให้พลังกายของจิ่วโยวเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง
แสงสีดำสนิทเอิบอาบออกมาจากร่างวิหคอนธโลกันตร์ ก่อนที่จะเริ่มหดตัวลงกลายเป็นร่างงาม
จิ่วโยวยืนอยู่บนท้องฟ้าก่อนที่จะลืมตาขึ้นทันทีพร้อมกับเพลิงลุกโชนในตัว คลื่นหลิงทรงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย
เมื่อรู้สึกถึงความกดดัน ท่าทางของทุกคนก็เปลี่ยนไป เนื่องจากนางบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าหลังจากฉินจิงเจ๋อ จิ่วโยวก็สร้างพัฒนาการให้กับตัวเองด้วยความช่วยเหลือของกระบวนการชำระล้างขั้นสูงพุ่งเข้าสู่ขั้นเก้าระยะเต็มได้!
หลังจากจิ่วโยว เซียวเซียว หลินจิ้ง จู้เยี่ยน ซูชิงหยิงและจาโหลหลัวก็ทยอยเสร็จสิ้นกระบวนการ แต่ไม่มีใครที่เกิดพัฒนาการ นั่นเป็นเพราก้าวถัดไปของพวกเขาคือระดับตี้จื้อจุน
นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำสำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสะสมจนถึงจุดที่เหมาะสมถึงจะได้สามารถลองฝ่าฟันไป
แม้ว่าพวกเขาจะไม่บรรลุ แต่ใครๆ ก็สัมผัสได้ว่าพวกเขายิ่งลึกซึ้งไม่อาจหยั่งรู้ด้วยความช่วยเหลือของการชำระล้างครั้งนี้
เมื่อคนอื่นๆ เสร็จสิ้นกระบวนการก็พากันมองไปที่ทิศทางของมู่เฉิน
เนื่องจากในเวลานี้ฉากบนท้องฟ้าก็เริ่มจางหายไป แม่น้ำสายสุดท้ายก็ไหลเข้ากระหม่อมของมู่เฉิน
ดวงตาที่ปิดสนิทของมู่เฉินก็ลืมขึ้นในขณะนี้