บทที่ 1157 ไม่สมบูรณ์?

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1157 ไม่สมบูรณ์?

ฮึ่ม**!**

ทันทีที่มู่เฉินลืมตาขึ้นก็ราวกับว่ามีแสงพร่างพราวปกคลุมไปทั่วบริเวณ ไม่มีใครกล้ามองไปตรงๆ ทุกคนเลือกที่จะหลีกเลี่ยง

แหล่งกำเนิดของแสงก็คือดวงตาของมู่เฉิน

แต่ในขณะนี้ดวงตาของเขาดูดำสนิทยิ่งขึ้น ราวกับว่ามีทะเลสาบสวรรค์ในส่วนลึกของดวงตาซึ่งดูลึกซึ้งมาก

ตู้ม!

ในเวลาเดียวกันความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังก็กวาดออกจากร่างกายมู่เฉินพุ่งทะยานระหว่างฟ้าดิน

“คลื่นหลิงแปรปรวนนี้…น่าจะเป็นระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุด!” จอมยุทธ์หลายคนดวงตาเป็นประกายเมื่อสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังงาน ดูเหมือนมู่เฉินจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดจากพิธีชำระขั้นสมบูรณ์ครั้งนี้

แต่ก็ไม่มีใครแปลกใจ ตรงกันข้ามพวกเขาค่อนข้างงงงัน ทำไมการชำระล้างที่สมบูรณ์แบบที่สุดกลับพามู่เฉินมาถึงแค่ระดับนี้เท่านั้น?

เพราะตอนแรกมู่เฉินก็อยู่ในขั้นเก้าระยะต้นอยู่แล้ว ใช้เวลาอีกเล็กน้อยในการปรับแต่งคลื่นหลิงก็สามารถเข้าสู่ขั้นเก้าระยะปลายสุด

ดังนั้นผลลัพธ์ในยามนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อเลยทีเดียว

“โอ้ เดี๋ยวก่อน… คลื่นหลิงของมู่เฉินยังคงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!” ขณะที่ผู้คนกำลังงงงวย ทันใดนั้นพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากร่างกายมู่เฉินยังไม่คงที่และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ตู้ม ตู้ม!

ระลอกคลื่นหลิงแผ่กระจายออกมาราวกับน้ำท่วมทรงพลัง ไต่ปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็วจนถึงขีดสุดของระยะปลายสุด ก่อนจะพยายามบุกโจมตีระยะเต็ม

ทว่านั่นก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แตะได้เพียงขอบเขตระยะเต็มเท่านั้น

แต่โชคดีที่ความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากมู่เฉินแกร่งกร้าวมาก หลังจากพยายามหลายครั้งในที่สุดก็ก้าวผ่านขอบเขต คลื่นหลิงของเขาแผ่กระจายออกไปในลักษณะของกระแสพลัง

มู่เฉินบรรลุขั้นเก้าระยะเต็มเรียบร้อย!

ด้วยความช่วยเหลือของพิธีชำระล้างทะเลสาบสวรรค์ขั้นสมบูรณ์ มู่เฉินก้าวข้ามจากระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นสู่ระยะเต็มได้!

“การชำระล้างขั้นสมบูรณ์สมคำล่ำลืออย่างแท้จริง” หลายคนถอนหายใจในหัวใจ การชำระล้างดังกล่าวเปรียบกับเวลาการเพาะบ่มพลังหลายปีของพวกเขาเลยทีเดียว

ทว่าไม่มีใครรู้สึกประหลาดใจกับความสำเร็จในการบรรลุสองขั้นของมู่เฉิน เพราะนี่คือการชำระล้างขั้นสมบูรณ์เลยนะ

ขณะที่ทุกคนกำลังอุทานเกี่ยวกับพละกำลังที่เพิ่มขึ้นของมู่เฉิน หญิงสาวทั้งสามคนก็มุ่นคิ้วบางเบา บางทีคนอื่นอาจคิดว่ามู่เฉินพอใจที่สามารถเพิ่มขุมพลังได้สองขั้น แต่พวกนางไม่ได้มีมุมมองแบบเดียวกัน เนื่องจากพวกนางเห็นว่ายากเพียงใดที่มู่เฉินจะก้าวเข้าสู่การพัฒนา เขาต้องพยายามหลายครั้งกว่าจะก้าวผ่านขอบเขตของระยะเต็มได้

ซึ่งนั่นเกิดจากการที่มีพลังงานไม่เพียงพอ

สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับฉินจิงเจ๋อและจิ่วโยว ซึ่งพวกเขารับการชำระล้างขั้นสูงเท่านั้นขณะที่ของมู่เฉินเป็นขั้นสมบูรณ์แบบนะ! ในเมื่อการชำระล้างของทะเลสาบสวรรค์เป็นหนึ่งในรากฐานของวังสวรรค์บรรพกาล พิธีการชำระล้างขั้นสมบูรณ์จึงถูกมองว่ามีความสำคัญมาก ว่ากันว่าในเวลานั้นศิษย์คนใดที่สามารถได้รับกระบวนการนี้จะเป็นจอมยุทธ์คนสำคัญของวังโบราณอย่างไม่ต้องสงสัย

ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่าการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ทรงพลังเพียงใด

ดังนั้นภายใต้การคาดการณ์นี้ มู่เฉินก็น่าจะเข้าสู่ระยะเต็มแบบง่ายดาย แต่สถานการณ์นี้ทำให้พวกนางงงงวย

ยิ่งไปกว่านั้น… เมื่อพวกนางมองไปที่ร่างเทพสุริยะที่เอิบอาบด้วยประกายแสงสีทองคล้ายกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ซึ่งดูลึกลับ เห็นได้ชัดว่าได้รับการปรับปรุงอย่างดีเยี่ยมผ่านการชำระล้าง

แต่… การเพิ่มประสิทธิภาพนั้นก็ไม่เป็นไปตามที่พวกนางคาดไว้

หญิงสาวทั้งสามคนแลกเปลี่ยนสายตกัน คลื่นหลิงในพิธีการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ไม่ให้มู่เฉินบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มอย่างง่ายดายและไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับร่างเทห์สวรรค์อย่างมาก แล้วพลังงานทั้งหมดนั้นไปไหน?

หรือการชำระล้างขั้นสมบูรณ์อ่อนแอลงเมื่อเวลาผ่านไป?

หากเป็นเช่นนั้นมู่เฉินก็สูญเสียมากเกินไปแล้ว

หญิงสาวทั้งสามคนถอนหายใจด้วยความเห็นอกเห็นใจมู่เฉิน ตอนแรกเขาน่าจะยืนในตำแหน่งเดียวกับจู้เยี่ยนและจาโหลหลัวจากความช่วยเหลือของพิธีชำระล้าง แต่เมื่อมองจากเวลานี้ดูเหมือนว่าความหวังกลายเป็นความว่างเปล่าแล้ว

แม้ว่ามู่เฉินจะถือว่าก้าวเข้าสู่ระยะเต็ม แต่ก็ยังมีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันในระดับเดียวกันยกตัวอย่างเช่นฉินจิงเจ๋อ หากเขาต่อสู้กับจาโหลหลัวผลลัพธ์จะจบลงด้วยการถูกบดขยี้

แน่นอนว่ามู่เฉินไม่สามารถตัดสินด้วยวิธีธรรมดา ตอนที่เขาอยู่ในขั้นเก้าระยะต้น เขาก็สามารถฆ่าเซี่ยหยู่ที่อยู่ในระยะเต็มได้ ในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแม้ว่าเขาจะพบใครบางคนที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับนี้ก็ตาม

แต่ตอนนี้คงเป็นปัญหาเล็กน้อยสำหรับเขาที่จะทำเช่นนั้น

ขณะที่หญิงสาวทั้งสามถอนหายใจ คลื่นหลิงทรงพลังที่เอิบอาบร่างมู่เฉินก็หดกลับอย่างรวดเร็ว ร่างเทพสุริยะก็จางหายไป

มู่เฉินก้มมองร่างเทพสุริยะด้วยสีหน้าสงบ ไม่มีความผิดหวังบนใบหน้า

ในฐานะจอมยุทธ์ที่ผ่านพิธีชำระล้างขั้นสมบูรณ์ เขารู้ดีว่าตอนแรกความแข็งแกร่งของร่างเทพสุริยะกับตัวเขาจะสามารถเพิ่มในระดับที่สูงขึ้นกว่านี้

“ฮะฮ่า ดูเหมือนว่าเจ้าจะดวงจู๋นะ” ทันใดนั้นเสียงเยาะเย้ยก็ดังขึ้น มู่เฉินเห็นจาโหลหลัวมองมาด้วยท่าทางสองมือไพล่หลัง

เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกได้ว่าการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ของมู่เฉินไม่สมบูรณ์

“ใช่สิ” มู่เฉินพยักหน้าอย่างใจเย็นตอบสนองต่อการเยาะเย้ยของจาโหลหลัว

เมื่อจาโหลหลัวเห็นท่าทางสงบของมู่เฉินก็ยิ้มบาง “น่าเสียดายตอนแรกข้าคิดว่าจะมีการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างพวกเรา แต่เมื่อมองตอนนี้เจ้าล้มเหลวในการคว้าโอกาสนี้ซะแล้ว”

การชำระล้างขั้นสมบูรณ์ของมู่เฉินไม่สมบูรณ์ แม้ว่าความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นจาโหลหลัวก็รู้สึกว่ายังมีช่องว่างระหว่างเขากับมู่เฉินอยู่

ตัวเขาอยู่ในระยะเต็มมานานหลายปี ผ่านการขัดเกลาตามเวลาเพื่อสะสมรากฐาน ขณะที่มู่เฉินเป็นเพียงจอมยุทธ์ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ระยะนี้ด้วยพื้นฐานที่อ่อนแอกว่า

ดังนั้นจาโหลหลัวมั่นใจว่าจะเป็นคนที่ได้รับชัยชนะหากพวกเขาต่อสู้

ทว่าเผชิญกับคำพูดพวกนี้ มู่เฉินก็จ้องมองไปที่จาโหลหลัวก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ก็น่าเสียดายจริงๆ”

เสียงราบเรียบอีกตามเคย

แต่รอยยิ้มของจาโหลหลัวกลับค่อยๆ หายไปขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาหรี่แคบลง หรือว่าไอ้นี่ผิดหวังจนไม่สนใจอะไรแล้ว?

ทว่าจาโหลหลัวก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงฟื้นสติอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพยักหน้าให้มู่เฉินด้วยรอยยิ้ม “หวังว่าเจ้าจะยังคงสงบสติอารมณ์แบบนี้ได้ เมื่อข้าทำลายร่างเทพสุริยะของเจ้า”

“ได้”

มู่เฉินคลี่ยิ้มอีกครั้ง แต่คราวนี้เหมือนจะมีความหมายอื่นซ่อนอยู่หลังรอยยิ้ม

เมื่อเห็นรอยยิ้มของมู่เฉินเปลือกตาของจาโหลหลัวก็กระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกไม่สบายใจในใจ

“ไอ้สารเลวที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ขั้นเก้าระยะเต็มด้วยรากฐานที่อ่อนแอ ทักษะและร่างเทห์สวรรค์ก็ไม่สามารถเทียบกับข้าได้ ยังคิดจะพลิกสถานการณ์เรอะ? แค่ปลอมเป็นเทพเพื่อหลอกผีก็หวังจะทำให้ข้าตกอยู่ในความสงสัย เพ้อฝันเกินไปแล้ว!”

จาโหลหลัวหายใจเข้าลึกพร้อมกับคลื่นในใจขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะโบกมือ กลายเป็นร่างแสงพุ่งออกไปจากทะเลสาบสวรรค์อย่างรวดเร็ว

เมื่อจาโหลหลัวไปแล้ว ทะเลสาบสวรรค์ก็ระเบิดความโกลาหลอีกครั้ง ทุกคนเริ่มผละไป อย่างไรก็ตามทะเลสาบสวรรค์เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย ยังมีหอของเหล่าจอมพลและจักรพรรดิฟ้าในตำนานรออยู่

หากพวกเขาสามารถได้รับหนึ่งในมรดกเหล่านั้น พวกเขาก็จะมีตำแหน่งยิ่งใหญ่ในมหาพันภพแน่นอน

จู้เยี่ยนมองไปที่มู่เฉินและเซียวเซียว ซึ่งหญิงสาวก็สังเกตเห็น นางมองกลับไปด้วยความเฉยเมย

จู้เยี่ยนไม่ได้พูด แต่ดวงตาลุกโชนด้วยไฟการต่อสู้ก่อนที่เขาจะกระทืบเท้ากลายเป็นลูกไฟพุ่งจากไป

ซูซิงหยิงยิ้มให้มู่เฉินพลางมองมาด้วยความสนใจ แต่สุดท้ายก็โบกมือจากไป

เมื่อทุกคนจากไป มู่เฉินก็ปรากฏตัวขึ้นใกล้พรรคพวก เขาเงยหน้าขึ้นมองส่วนลึกวังโบราณด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถอะการชำระล้างที่ทะเลสาบสวรรค์สิ้นสุดลงแล้ว เราเดินทางกันต่อเถอะ”

เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือหอคัมภีร์เทพซ่อน

ซึ่งมีวิธีการวิวัฒนาการของร่างเทพสุริยะ

ในเวลานั้นจะเป็นศึกมรณะระหว่างเขากับจาโหลหลัว

มู่เฉินมองไปยังทิศทางที่จาโหลหลัวออกไป มุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มพร้อมกับดวงตาวูบไหว

เพื่อที่จะรับมือกับแก ข้าเตรียมตัวมาจนถึงระดับนี้แล้ว หวังว่าถึงตอนนั้นแกจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ