บทที่ 1869 ความก้าวหน้าของร่างหลัก

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1869 ความก้าวหน้าของร่างหลัก

 

ชั้นที่แปดของถ่าปีศาจคลั่งกว้างใหญ่เกินความคาดหมายของฟางหยวน

 

หลังจากที่เขารู้ว่าผู้อมตะระดับเก้าหลายคนมาที่นี่ เขาเริ่มค้นหาแต่ยังไม่มีความคืบหน้า

 

อย่างไรก็ตามแม้เขาจะไม่พบโลกของผู้อมตะระดับเก้า แต่เขายังเข้าใจชั้นที่แปดมากขึ้น

 

“มันเหมือนห้วงอวกาศอันไร้ขอบเขต

 

เดิมที่ชั้นที่แปดควรเป็นเพียงถแต่การจัดเตรียมของเทพปีศาจไร้ขอบเขตกลับทําให้มันกลายเป็นมิติที่ไร้ขอบเขต

 

“บางทีข้าอาจเคลื่อนไหวเป็นวงกลมอยู่ในสถานที่เล็กๆ ข้าอาจไม่พบโลกของผู้อมตะระดับเก้หากข้ายังไม่เข้าใจกฏของที่นี่

 

ฟางหยวนคาดเดา

 

เพื่อบรรลุเป้าหมายในครั้งนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งภูตผี

 

เส้นทางแห่งภูตผีเป็นเส้นทางสายย่อยของเส้นทางแห่งกฏ

 

อย่างไรก็ตามเส้นทางสายเล็กๆนี้กลับมีความสําคัญ

 

เส้นทางแห่งภูตผีมุ่งเน้นไปที่ภาพมายา หากไม่มีวิธีตอบโต้ที่เฉพาะเจาะจง พวกเขาจะไม่พ่ายแพ้

 

การเปลี่ยนเป็นภาพมายาเป็นพื้นฐานของเส้นทางแห่งภูตผี เมื่อหอคอยดวงตาสวรรค์เปลี่ยนเป็นภาพมายามันจะปลอดภัยมาก นอกจากวิธีบนเส้นทางแห่งความฝัน วิธีการอื่นแทบไม่ส่งผลกระทบต่อมัน

 

มิติช่องว่างเทียมของวังสวรรค์ก็เป็นความสําเร็จบนเส้นทางแห่งภูตผีเช่นกัน

 

เนื่องจากฟางหยวนไม่สามารถยกระดับความสําเร็จได้โดยตรง เขาจึงต้องใช้วิธีอื่น

 

เขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชคเพื่อแสวงหาโอกาส

 

แม้หม้อปรุงโชคจะมีประโยชน์ไม่มากต่อร่างหลักของฟางหยวน แต่มันยังส่งผลกระทบบางอย่าง

 

อย่างน้อยฟางหยวนก็สามารถเปลี่ยนโชคที่อยู่ในหม้อปรุงโชค

 

เขายังตรวจสอบโชคของร่างแยกของเขา

 

โชคของร่างแยกกาลเวลายังเหมือนเดิม สายธารแห่งกาลเวลายังส่องประกายงดงาม แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดเขาพบปราณสีด่าก่อตัวอยู่บนผิวน้ํา

 

ร่างแยกกายาแห่งความฝันมีโชคน้อยที่สุด หลังจากทั้งหมดเขาเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับห้า

 

ร่างแยกที่โชคดีที่สุดคือร่างแยกมนุษย์มังกรคู่ส่วย ตอนนี้เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดเขามีวังมังกร และกําลังเพาะเลี้ยงกองทัพมด โชคมังกรม่วงที่แข็งแกร่งกําลังเคลื่อนที่อยู่บนคลื่นน้ําสีฟ้าใสนี่หมายความว่า เขากําลังได้รับความช่วยเหลือจากภายนอกซึ่งก็คือเผ่ากู้และเผ่ามนุษย์เงือกไข่มุกที่งดงามส่องประกายอยู่ใน ปากมังกรม่วงและสะท้อนภาพของพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ออกมานั่นคือภาพของวังมังกร

 

ไข่มุกขนาดเล็กกว่าอยู่ในกรงเล็บของมังกรม่วง ภายในไข่มุกชิ้นนี้สามารถมองเห็นมดจํานวนนับไม่ถ้วนมันคือตัวแทนของกองทัพมด

 

ร่างแยกที่โชคดีเป็นอันดับสองคือร่างแยกฟางตี้เฉิง

 

โชคของเขาค่อนข้างพิเศษ มันเหมือนต้นไม้ยักษ์ ลําต้นของมันไม่หนามาก มีใบไม้จํานวนมากทับซ้อนกันและก่อตัวเป็นรูปลักษณ์ของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้านบนรากของต้นไม้ต้นนี้พัวพันกับรากของต้นไม้เล็กๆอีก หลายต้นที่อยู่รอบๆ นี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างฟางเฉิงกับตระกูลฟาง

 

นอกจากนี้ยังมีโชคของเจิ้งปู่ดู่และหลี่เสี่ยวไป

 

โชคของเจิ้งปัติเหนือกว่าหลี่เสี่ยวไปมาก มันเหมือนนกอินทรีย์ที่แข็งแกร่งก่าลังกางปีกโบยบินอยู่บนท้องฟ้า

 

เจิ้งปู่กลายเป็นผู้อมตะระดับหกไปแล้วขณะที่หลี่เสียวไปยังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์

 

โชคของหลี่เสี่ยวไปเป็นดอกไม้บานที่มีเกสรตัวผู้จํานวนมากอยู่ภายใน นี่เป็นผลมาจากการทํางานหนักของหลี่เสี่ยวไป นอกจากนี้ยังมีผีเสื้อสีขาวบริสุทธิ์กระพือปีกอยู่ใกล้ๆกับดอกไม้ดอกนี้ท่ามกลางสายลม

 

โชคนี้… ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

ผีเสื้อคือผู้หญิง มันต้องการเก็บน้ําหวานจากเกสรดอกไม้ มันจะฉกฉวยผลประโยชน์จากดอกไม้

 

“พิจารณาจากขนาดของผีเสื้อ มันใหญ่กว่าดอกไม้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามสายลมค่อยข้างรุนแรงมันเป็นตัวขับเคลื่อนทุกสิ่งผีเสื้อเป็นเพียงตัวละครที่เล่นไปตามบท

 

สถานการณ์ของหลี่เสียวไปตอนนี้ยังดีอยู่ แต่อนาคตของเขาดูไม่สดใสนัก หากมีเหตุร้ายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นลมแรงอาจพัดมาและทําให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา ผีเสื้อที่อยู่ใกล้กับดอกไม้อาจเป็นการเผชิญหน้าโดยบังเอิญ

 

ร่างแยกหลี่เสียวไปพยายามพิชิตล้ําสวรรค์วรรณกรรม แต่ถ้ําสวรรค์วรรณกรรมแตกต่างจากถ้ําสวรรค์นักรบอสูรเพราะมีผู้อมตะระดับแปดปกป้องมันอยู่ ฟางหยวนไม่สามารถใช้กําลังยึดครองมันได้โดยตรง

 

ฟางหยวนสามารถใช้กลยุทธ์โจมตีถ้ําสวรรค์นักรบอสูร แต่เขาไม่สามารถทําสิ่งใดกับถ้ําสวรรค์วรรณกรรม

 

ด้วยเหตุนี้การสนับสนุนด้านโชคจึงกลายเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสําหรับร่างแยกหลี่เสียวไป

 

ฟางหยวนใช้หม้อปรุงโชคเพิ่มโชคให้หลี่เสี่ยวไป์ ณ จุดนั้น

 

ดอกไม้ของหลี่เสี่ยวไปักลายเป็นสีแดงราวกับดอกท้อในฤดูใบไม้ผลิ นี่คือโชคดอกท้อที่ใช้อธิบายถึงความสัมพันธ์เชิงชู้สาว

 

การเปลี่ยนแปลงของโชคไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่มแต่มันเป็นไปตามกฎบางอย่าง

 

ตัวอย่างเช่นหลังจากโชคของหลี่เสี่ยวไปักลายเป็นโชคดอกท้อ มันจะมีประสิทธิภาพในการล่อลวงผีเสื้อเป็นสองเท่า

 

“ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับร่างแยกของข้าแล้วว่าจะสามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ได้หรือไม่” ฟางหยวนคิด

 

โชคเป็นเพียงตัวแปรหนึ่ง เมื่อโอกาสมาถึง มันขึ้นอยู่กับคนผู้นั้นว่าจะฉกฉวยโอกาสเอาไว้หรือไม่

 

หือ?” ฟางหยวนขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน

 

ในจังหวะนี้เขาเห็นปลายักษ์กําลังเคลื่อนที่อยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ความเร็วของมันเหมือนช้าแต่ในความเป็นจริงมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่ากลัวมาก

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเห็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถเดินทางออกมานอกโลกใบเล็กเหล่านั้น

 

นี่ควรจะเป็นศิษย์ของนักปราชญ์ที่มนุษย์หมอกกล่าวถึง” ฟางหยวนคาดเดา

 

ปลาตัวนี้เหมือนปลาทองสีเทา เมื่อมันมองเห็นฟางหยวน มันตกใจมากและเร่งทําความเคารพ “ศิษย์ของนักปราชญ์ปฐพี่สีเหลืองคารวะท่านนักปราชญ์!”

 

ปลาทองสีเทาตัวนี้มีร่างกายใหญ่โตเหมือนปลาวาฬแต่มันกล่าวด้วยน้ําเสียงของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ

 

“ดี ดี ข้ากําลังตามหาปฐพี่สีเหลือง หากเจ้าบอกข้า เจ้าจะได้รับผลประโยชน์” ฟางหยวนหัวเราะ

 

แต่ปลาทองสีเทากลับสายศีรษะ “ท่านนักปราชญ์ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการช่วยท่าน แต่ข้าไม่สามารถหาที่ตั้งของปฐพี่สีเหลือง

 

“เจ้าถูกเนรเทศงั้นหรือ?” ฟางหยวนขมวดคิ้ว

 

ปลาทองสีเทาส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่ ไม่ การบ่มเพาะของข้าถึงจุดคอขวด ข้าออกจากปฐพี่สีเหลืองเพื่อฝึกฝนตนเอง”

 

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ดวงตาของปลาทองสีเทาก็จ้องมองฟางหยวนด้วยความคาดหวัง

 

หากนักปราชญ์ผู้นี้ให้คําชี้แนะบางอย่าง มันอาจสามารถทะลวงจุดคอขวด

 

แต่ฟางหยวนคือผู้ใด? เขาไม่สนใจพูดคุยกับมันอีกต่อไปแต่ค้นวิญญาณของมันโดยตรง

 

เป็นเช่นนี้

 

“แม้ปฐพี่สีเหลืองจะคงอยู่ตลอดกาลแต่มันเคลื่อนไหวตลอดเวลา

 

ปลาทองสีเทาตัวนี้ถือกําเนิดในปฐพีสีเหลือง ฟางหยวนมองเห็นฉากที่อุดมสมบูรณ์ของโลกใบนี้จากความทรงจําของมัน

 

ปฐพีสีเหลืองกว้างใหญ่ไม่น้อยกว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิ มันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเด่บนเส้นทางแห่งปฐพี่และเส้นทางอื่นๆ ในคลังสมบัติของมันมีวิญญาณระดับมนุษย์และวิญญาณอมตะจํานวนมากนอกจากนี้มันยังมีสิ่งมีชีวิตทุกชนิดแม้มันจะไม่มีมนุษย์ก็ตาม

 

แม้ฟางหยวนจะร่ํารวยมากแต่เขายังต้องการปฐพีสีเหลือง

 

“หากข้าสามารถยึดครองปฐพี่สีเหลืองและกลืนกินมัน ทรัพย์สินของข้าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสามเท่า!”

 

ฟางหยวนกําลังหลอมรวมวิญญาณอมตะจํานวนมาก มันมีค่าใช้จ่ายมหาศาล ทรัพยากรอมตะของเขากําลังลดลงเรื่อยๆ

 

หากเขาได้รับปฐพี่สีเหลือง มันจะเหมือนชายร่างผอมที่กลายเป็นคนอ้วนทันที

 

อย่างไรก็ตามมันยากที่จะไปถึงปฐพีสีเหลือง

 

ปฐพี่สีเหลืองมีสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เทพอมตะสวรรค์พิภพสั่งสอนให้พวกเขาไม่แบ่งแยก

สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนมีดวงวิญญาณขณะที่เทพอมตะสวรรค์พิภพทิ้งวิธีการบ่มเพาะเอาไว้ ดังนั้นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จึงสามารถบ่มเพาะและมีกระทั่งผู้อมตะอยู่ที่นั่นแม้จะมีจํานวนน้อยมากก็ตาม

 

ผู้อมตะเหล่านี้สามารถออกมาจากโลกใบเล็ก เมื่อพวกเขาพบอุปสรรคในการบ่มเพาะ พวกเขาจะออกจากโลกของพวกเขาและเดินทางฝึกตนไปรอบๆ

 

เมื่อพวกเขาออกจากปฐพีสีเหลือง พวกเขาจะไม่สามารถกลับบ้าน

 

แต่พวกเขาไม่กังวล เมื่อพวกเขาสามารถก้าวข้ามอุปสรรคในการบ่มเพาะ พวกเขาจะพบปฐพีสีเหลืองและสามารถกลับบ้านได้อย่างราบรื่น

 

นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่ฟางหยวนได้รับจากปลาทองสีเทา

 

ปลาทองสีเทาตัวนี้มีการบ่มเพาะระดับเจ็ดแต่มันกลับถูกฟางหยวนจับและค้นวิญญาณได้อย่างง่ายดาย

 

ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

เขาอนุมานบางอย่าง

 

“เมื่อโอกาสมาถึง พวกเขาจะสามารถกลับไปยังปฐพีสีเหลืองได้ตามธรรมชาติ นี่เป็นคํากล่าวที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นในโลกปฐพีสีเหลือง ตามความทรงจําของปลาทองสีเทาตัวนี้ผู้อาวุโสหลายคนเคยกลับไปในลักษณะนี้

 

“ดูเหมือนปฐพีสีเหลืองจะมีความสามารถในการติดต่อสิ่งมีชีวิตที่ออกมาข้างนอก ทุกช่วงเวลาหนึ่งผู้อมตะของปฐพีสีเหลืองจะออกมาฝึกฝนตนเอง เมื่อพวกเขาฝึกสําเร็จ ปฐพีสีเหลืองจะมารับพวกเขาด้วยตัวมันเอง

 

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?

 

มีคําตอบอยู่ในความทรงจําของปลาทองสีเทา

 

เนื่องจากโลกใบเล็กเหล่านี้ไม่ได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีสงครามระหว่างพวกเขา

 

สิ่งมีชีวิตของโลกแต่ละใบจะต่อสู้และบุกรุกโลกของกันและกัน

 

“ผู้อมตะระดับเก้าสร้างข้อตกลงเมื่อพวกเขาสร้างโลกของตนเองงั้นหรือ?

 

“แต่การต่อสู้ระหว่างสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีประโยชน์ใดต่อพวกเขา? เป้าหมายของผู้อมตะระดับเก้าเหล่านั้นคือสิ่งใด?

 

ฟางหยวนสายศีรษะ

 

เขาอาจได้รับคําตอบหากเขาพบผู้อมตะระดับเก่าบางคน

 

ฟางหยวนมองปลาทองสีเหลืองและเผยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการให้ข้าชี้แนะงั้นหรือ? การได้พบกับข้าคือโชคชะตาของเจ้า”

 

ร่างของปลาทองสีเทาสั่นสะท้านขึ้นและไม่สามารถกล่าวสิ่งใด

 

แม้มันจะพบฟางหยวนไม่นาน แต่มันตระหนักว่านักปราชญ์ผู้นี้น่ากลัวมาก เขาไม่ใช่คนดีเหมือนนักปราชญ์ของปฐพี่สีเหลืองอย่างแน่นอน

 

ขณะเดียวกันการวิ่งหนีฟางหยวนก็เป็นความคิดที่โง่เขลา

 

“เอาล่ะ แม้เจ้าจะไม่พูด ข้าก็รู้คําตอบของเจ้า” ฟางหยวนค้นความทรงจําของปลาทองสีเทามาแล้วเขามองเห็นอุปสรรคของมันอย่างชัดเจน

 

เขาชี้แนะปลาทองสีเทาทันที

 

ร่างของปลาทองสีเทาหยุดสั่น มันจมอยู่ในคํากล่าวของฟางหยวนและลืมสถานการณ์ปัจจุบันไปชั่วขณะ

 

“เหตุใดเจ้ายังไม่มีความคืบหน้า?” ฟางหยวนขมวดคิ้ว เขากล่าวจนปากแห้งแล้ว

 

ปลาทองสีเทายังงุนงง

 

แม้มันจะมีสติปัญญาแต่มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับมนุษย์

 

ฟางหยวนอดทนสั่งสอนมันต่อไป หากเขาทําให้มันก้าวข้ามอุปสรรคของการบ่มเพาะ ปฐพีสีเหลืองอาจปรากฏขึ้น