บทที่ 1870 ข้าจะรับผิดชอบเจ้า

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1870 ข้าจะรับผิดชอบเจ้า

 

ถ้ําสวรรค์วรรณกรรม

 

แม่น้ําขนาดใหญ่ไหลไปทางทิศตะวันออก

 

“แม่น้ําหยกทอดตัวยาวไปทั่วแผ่นดิน ส่องสะท้อนหัวใจสีแดงของผู้คน เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึง ความสามารถอันไร้ที่เปรียบของจักรพรรดิกเหวิน เขาสามารถสร้างสรรค์บทกวีได้ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดขวบ” ซูฉีฮั่นถอนหายใจขณะจ้องมองแม่น้ําอันกว้างใหญ่

 

นางเป็นธิดาของเสนาบดีใหญ่ นางเป็นหญิงที่งดงาม นอกจากนั้นนางยังมีความพรสวรรค์ทางวรรณกรรม จิตใจของนางเต็มไปด้วยบทกวี นางมีความรู้มากมายที่มักทําให้ผู้ชายส่วนใหญ่ต้องอับอาย

 

“คุณหนู ลมเริ่มพัดแล้ว กลับห้องกันเถอะ” สาวใช้ของนางกล่าว

 

ซูฉีฮั่นถอนหายใจแต่ยังยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือและมองแม่น้ําที่ไหลริน

 

สาวใช้กล่าวต่อ “คุณหนู ท่านกังวลเกี่ยวกับการเดินทางเช่นนั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าคนชั่วผู้นั้นถูกบังคับให้อยู่ห่างจากท่านแล้วงั้นหรือ? เราเลือกนักปราชญ์แปดในสิบคนแล้ว พวกเราเพียงต้องเลือกอีกสองคนเท่านั้น”

 

ซูฉีฮั่นส่ายศีรษะ “เจ้าไม่เข้าใจ การคัดเลือกสิบนักปราชญ์ไม่ใช่เพียงคําสั่งของจักรพรรดิแต่มันเกี่ยวข้องกับความรุ่งโรจน์ของตระกูลซูของข้า”

 

สาวใช้ยิ้ม “คุณหนู ข้าไม่เข้าใจกฏเกณฑ์เหล่านี้ แต่คุณหนูต้องดื่มยาเดี๋ยวนี้”

 

ซูฉีฮั่นเผยรอยยิ้มขมขึ้น “ยาสมุนไพรทั่วไปจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของข้าได้อย่างไร? มันเป็นเพียงการปลอบใจตัวเองเท่านั้น ไม่ว่าข้าจะดื่มหรือไม่มันก็ไม่สาคัญ”

 

สาวใช้ไม่พอใจ “คุณหนู อย่าพยายามหลอกขา ยาสมุนไพรนี้อาจไม่มีผลต่ออาการบาดเจ็บของท่าน แต่คุณหนูแพ้อากาศเย็นมาตั้งแต่เด็ก หากคุณหนูไม่ดื่มยาอุ่นๆถ้วยนี้ ปอดของคุณหนูอาจเสียหาย ดังนั้นคุณหนูต้องดื่มยาถ้วยนี้!”

 

“ก็ได้ ก็ได้ เอามาให้ข้า” ซูฉีฮั่นหยิบถ้วยยาขึ้นมาดื่มในที่สุด

 

หลังจากนางดื่มมัน เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น

 

ไม่นานหลังจากนั้นร่างหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาบนเรือ

 

“ผู้ใด?”

 

“โจรชั่วผู้นั้นอีกแล้ว!”

 

กลุ่มผู้รักษาความปลอดภัยเร่งเข้ามาปกป้องเจ้านายของเขา

 

แต่หลังจากต่อสู้ กลุ่มผู้รักษาความปลอดภัยกลับเป็นฝ่ายนอนอยู่บนพื้น

 

“พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถอยไป” การแสดงออกของซูฉีฮั่นกลายเป็นเคร่งขรึม นางเดินออกไปและเตรียมพร้อมต่อสู้

 

ฝ่ายตรงข้ามมีใบหน้าที่น่าเกลียดและดุร้าย เขามีร่างกายใหญ่โตและมีผิวสีดําอมน้ําเงินที่ดูไม่น่ามอง

 

“คุณหนูซู” เขาทักทายด้วยรอยยิ้มกว้างและเผยให้เห็นฟันอันแหลมคม

 

ซูฉีฮั่นเผยรอยยิ้มเย็นชา “โจรฉลาม เจ้าแพ้ข้าเมื่อไม่นานมานี้ บทเรียนครั้งนั้นยังไม่เพียงพออกงั้นหรือ?”

 

โจรฉลามหัวเราะชั่วร้าย “คุณหนูซู ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน แต่ก่อนหน้านี้ท่านดื่มยานั่น ท่านไม่รู้สึกว่าแขนขาของท่านอ่อนแรงบ้างเลยงั้นหรือ?”

 

การแสดงออกของซูฉีฮั่นเปลี่ยนไปทันที

 

“ยาถูกเปลี่ยน!?” นางมองสาวใช้

 

สาวใช้สายศีรษะด้วยใบหน้าซีดเผือด “เป็นไปไม่ได้! ยาอยู่ในสายตาของข้าตลอดเวลา คุณหนู ท่านต้องเชื่อข้า!”

 

“ยาไม่มีปัญหา แต่สมุนไพรมี มันถูกดัดแปลง” ในจังหวะนี้แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคนก็ขึ้นมาบนเรือ

 

คิ้วของซูฉีฮั่นขมวดแน่น หัวใจของนางจมดิ่งลง “ปีศาจยา เจ้ายังมีชีวิตอยู่!”

 

ปีศาจยาดูเหมือนชายชราแต่แท้จริงแล้วเขาอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพิษและทดลองยามากมาย นั่นทําให้เขาได้รับผลกระทบและแก่ชราก่อนวัย

 

ดวงตาของปีศาจยาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ต้องขอบคุณลูกพี่ลูกน้องของเจ้า แม้ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่การได้ลิ้มรสร่างกายของคุณหนูซูก่อนตาย มันก็คุ้มค่าแล้ว”

 

ใบหน้าของซูฉีฮั่นกลายเป็นซีดขาวขณะที่นางก้าวถอยหลัง “เจ้าให้ข้าดื่มยาชนิดใด?”

 

นางรู้สึกว่าร่างกายของนางเริ่มอ่อนแรง

 

ปีศาจยาหัวเราะเสียงดัง “แน่นอนว่าเป็นยาปลุกกําหนัดที่รุนแรงที่สุด! มันจะทําให้หญิงสาวที่บริสุทธิ์กลายเป็นนางโสเภนี้ที่บ้ากามที่สุด!”

 

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ โจรฉลามก็กระโจนไปข้างหน้าแล้ว

 

“บีม บีม บีม!”

 

เสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่ซูฉีฮั่นถูกบังคับให้ล่าถอย

 

“คุณหนู หนีไป ข้าจะรั้งพวกเขาเอาไว้!” ในช่วงเวลาสําคัญ สาวใช้ของนางก้าวออกมาและช่วยถ่วงเวลาให้ซูฉีฮั่น

 

ซูฉีฮั่นลังเล

“คุณหนู หนีไปเร็วเข้า!” สาวใช้ของนางใช้ทักษะต้องห้าม พลังการต่อสู้ของนางพุ่งสูงขึ้นแต่หลังจากนี้นางต้องตายอย่างแน่นอน

 

ซูฉีฮั่นร้องไห้ขณะกระโดดออกจากเรือ “โจรฉลาม ปีศาจยา ข้าจะไม่มีวันอภัยให้พวกเจ้า ราชสํานักจะประหารพวกเขาเก้าชั่วโคตร!”

 

ในสถานที่ห่างออกไป

 

ศาลาริมน้ํา

 

สองคนอยู่ที่นี่

 

หนึ่งคือร่างแยกหลี่เสี่ยวไปของฟางหยวน อีกหนึ่งคืออาจารย์เจียง

 

อาจารย์เจียงมองแม่น้ําในยามค่ําคืนและกล่าวกับหลี่เสี่ยวไป์ “คิดบทกวีและท่องให้ข้าฟัง เจ้ามีเวลาสิบก้าว”

 

สิบก้าวหมายถึงเวลาที่มนุษย์ธรรมดาเดินไปข้างหน้าสิบก้าว

 

พรสวรรค์ของหลี่เสี่ยวไปไม่ดีเท่ากับร่างหลักของฟางหยวน แต่ด้วยการทํางานหนักในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขามีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก

 

เขาสามารถคิดบทกวีสองท่อนได้ทันที

 

หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็สามารถคิดอีกสองท่อน

 

อาจารย์เจียงเงียบก่อนจะส่ายศีรษะ “เสียวไป๋ เจ้ามีความก้าวหน้ามากในช่วงนี้ แต่ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เจ้ายังไม่สามารถต่อสู้เพื่อตําแหน่งนักปราชญ์”

 

“ท่านอาจารย์ ข้ารู้เกี่ยวกับการคัดเลือกสับนักปราชญ์ของจักรพรรดิกเหวิน ราชสํานักจะคัดเลือกนักปราชญ์ สิบคนทุกยี่สิบปี ตอนนี้ข้าเรียนจบแล้วแต่เหตุใดท่านอาจารย์จึงไม่ให้ข้าเข้าร่วมในการคัดเลือก?” หลีเสียวไปถามด้วยความสับสน

 

อาจารย์เจียงหันหน้ากลับมาหาศิษย์ของเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวไป๋ เจ้ายังไม่รู้สถานการณ์ทั้งหมด การคัดเลือกสิบนักปราชญ์อาจดูเหมือนการแข่งขันทั่วไป แต่ในความเป็นจริงมันเป็นการแข่งขันเพื่อคัดเลือกเจ้าหน้าที่ของราชสํานักในอนาคต”

 

“ท่านอาจารย์ ท่านกําลังกล่าวถึงการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะงั้นหรือ?” หลี่เสี่ยวไปรู้สึกประหลาดใจ

 

แน่นอนว่ามันเป็นเพียงการแสดงของหลี่เสียวไปเท่านั้น ในความเป็นจริงเขารู้ทุกอย่างอยู่แล้ว

 

กายาสวรรค์เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า มันสามารถตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างของถ้ําสวรรค์

 

ผู้คนส่วนใหญ่ในถ้ําสวรรค์วรรณกรรมบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งข้อมูล ทุกครั้งที่ผู้ใช้วิญญาณสร้างสรรค์วรรณกรรมที่ดี พวกเขาจะได้รับรางวัลจากถ้ําสวรรค์

 

จักรพรรดิกเหวินเป็นผู้อมตะที่ฉลาดและเต็มไปด้วยพรสวรรค์ เขาสร้างราชสํานักขึ้นมาและปกครองถ้ําสวรรค์วรรณกรรมทั้งหมด

 

ในช่วงปีหลังๆ เขาจะคัดเลือกนักปราชญ์สิบคนที่มีความสามารถโดดเด่นเพื่อเลี้ยงดูพวกเขาให้เป็นผู้อมตะ ก่อนที่จะแต่งตั้งพวกเขาป็นข้าราชสํานัก

 

ด้วยเหตุนี้ราชสํานักจึงกลายเป็นมหาอํานาจในถ้ําสวรรค์วรรณกรรม ข้าราชสํานักระดับสูงทุกคนต่างเป็นผู้อมตะโดยไม่มีข้อยกเว้น

 

จักรพรรดิองค์ปัจจุบันเป็นผู้อมตะเช่นกัน สําหรับผู้อมตะระดับแปดที่ปกป้องถ้ําสวรรค์แห่งนี้ เขาเป็นจักรพรรดิที่เกษียณแล้วจากสามรุ่นก่อนหน้า

 

การคัดเลือกสิบนักปราชญ์ดูเหมือนการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติ แต่มันเต็มไปด้วยกระแสน้ําอันเชี่ยวกรากและกลิ่นคาวเลือด

 

ทุกกองกําลังต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้รับมัน

 

“นักปราชญ์เฉินที่แข่งกับอาจารย์เจียงคราวนั้นเคยเป็นหนึ่งในสิบนักปราชญ์ที่ได้รับการคัดเลือก แต่ความสามารถทางการเมืองของเขาไม่โดดเด่นนัก ดังนั้นเขาจึงเป็นได้เพียงผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด

 

อาจารย์เจียงผู้นี้ก็เช่นกัน เขาเคยเป็นหนึ่งในสิบนักปราชญ์ แต่เขาไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นข้าราชสํานัก

 

“พรสวรรค์ของข้าแทบไม่ถึงมาตรฐานของการเข้ารับการคัดเลือก ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังเป็นศิษย์ของเขา ราชสํานักจะไม่ชอบข้า แม้ข้าจะผ่านการคัดเลือก ข้าก็ไม่สามารถเป็นข้าราชสํานักระดับสูง อย่างมากที่สุดข้าก็จะเป็นเพียงข้าราชสํานึกระดับต่ํา สิ่งนี้จะทําให้การบ่มเพาะของข้าล่าช้า หากไม่มีผู้ใดให้การสนับสนุน การบ่มเพาะของข้าจะล่าช้าไปตลอดชีวิต

 

“อาจารย์เจียงและนักปราชญ์เฉินอาจตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เต็มใจที่จะเป็นข้าราชสํานักต่อไปและเดินออกมา คนหนึ่งเปิดสถานศึกษาขณะที่อีกคนท่องเที่ยวไปทุกหนทุกแห่ง

 

หลี่เสี่ยวไปเข้าใจอย่างชัดเจน

 

ไม่ใช่ว่าอาจารย์เจียงกับนักปราชญ์เฉินไม่มีอนาคต หากพวกเขาสามารถไขความลึกลับของการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขายังมีโอกาสกลายเป็นผู้อมตะ

 

แต่ถ้ําสวรรค์วรรณมีขนาดเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับโลกภายนอก ทรัพยากรมีอยู่อย่างจํากัด สิ่งสําคัญก็คือราชสํานักควบคุมทรัพยากรอมตะเกือบทั้งหมดเอาไว้ มันยากมากที่อาจารย์เจียงและนักปราชญ์เฉินจะกลายเป็นผู้อมตะ

อาจารย์เจียงเรียกหลีเสียวไปมาพบเพราะต้องการเกลี้ยกล่อมศิษย์ของเขาให้เลิกล้มความตั้งใจที่จะเป็นสิบนักปราชญ์รุ่นปัจจุบัน

 

พรสวรรค์ของหลี่เสียวไป์ธรรมดาเกินไป แม้มันจะบรรลุถึงมาตรฐานขั้นต่ํา แต่มันก็ไม่มีความหวัง

 

การคัดเลือกสิบนักปราชญ์เหมือนวังน้ําวนที่คร่าชีวิตบัณฑิตวัยเยาว์ไปมากมาย อาจารย์เจียงใช้ความพยายามอย่างมากในการสั่งสอนหลี่เสี่ยวไป เขาไม่ต้องการให้ศิษย์ของเขาจบชีวิตอย่างน่าสังเวช

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าหลี่เสี่ยวไปรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว เขารู้วิธีการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะอย่างชัดเจน

 

แต่มันยังไม่ถึงเวลา

 

หลีเสียวไปซักถามก่อนจะยอมแพ้อย่างไม่เต็มใจ เขาขอบคุณอาจารย์เพียงอย่างจริงใจและบอกว่าเขาจะละทิ้งทางเลือกนี้

 

เด็กผู้นี้มีค่าคู่ควรแก่การสั่งสอน!” อาจารย์เฉียงรู้สึกโล่งใจและจากไปด้วยหัวใจที่ผ่อนคลาย

 

หลี่เสี่ยวไปเดินไปตามริมแม่น้ําเพื่อกลับบ้าน

 

“ข้าสามารถเป็นผู้อมตะได้ด้วยตนเอง แต่หากข้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะรวดเร็วเกินไป มันจะทําให้ผู้อมตะระดับแปดตื่นตัว เขาจะตรวจสอบข้า หากเขาพบเบาะแสหรือมีข้อสงสัย ข้าอาจตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง

 

นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่หลี่เสี่ยวไปและฟางหยวนต้องการ

 

ฟางหยวนต้องการให้ร่างแยกหลี่เสี่ยวไปช่วยเปิดทางหรือกระทั่งควบคุมถ้ําสวรรค์วรรณกรรมแห่งนี้

 

แม้นจะเป็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ แต่หากมันประสบความสําเร็จ มันจะช่วยประหยัดเวลาและพลังงานของฟางหยวนได้มาก

 

แน่นอนว่าเขามีแผนสํารอง

 

เมื่อหลี่เสี่ยวไปเดิบโตขึ้นถึงระดับหนึ่ง เขาจะร่วมมือกับร่างหลักเพื่อวางแผนต่อต้านผู้อมตะระดับแปดของถ้ําสวรรค์วรรณกรรม

 

“แต่มันยังเร็วเกินไปสําหรับเรื่องนั้น

 

รากฐานของข้ามีเพียงอาจารย์เจียง ข้าทํางานอย่างหนักและได้รับชื่อเสียงมาบ้าง แต่สภาพแวดล้อมนี้ยังไม่เพียงพอให้ข้าดําเนินการขั้นต่อไป

 

หากข้าได้รับเลือกให้เป็นนักปราชญ์ มันจะเป็นจุดเริ่มต้นสําหรับข้า น่าเสียดายที่ข้าไม่มีอํานาจหรือภูมิหลัง ข้ามีเพียงอาจารย์เจียง ข้าจะมีจุดจบที่น่าอนาถหากข้าเข้าร่วมในการคัดเลือก

 

“ในความเป็นจริงการเข้าสู่ราชสํานักถือเป็นทางเลือกที่ดี หลังจากทั้งหมดราชสํานักควบคุมทรัพยากรอมตะส่วนใหญ่เอาไว้ แม้ข้าจะกลายเป็นผู้อมตะในอนาคต แต่มันก็ยากที่จะประสบความสําเร็จโดยปราศจากทรัพยากรในการบ่มเพาะ

 

หลี่เสี่ยวไป่คร่ําครวญอยู่ในใจ

 

แต่ในจังหวะนี้เขากลับเห็นบางคนนอนอยู่ในพุ่มไม่ริมแม่น้ํา

 

“คุณหน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” หลังจากตรวจสอบ หลีเสียวไปเร่งเข้าไปช่วยหญิงสาว

 

เขาอุ้มหญิงสาวที่หมดสติขึ้นมาและพบว่าคนนี้คือซูฉีฮั่น

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?

 

“ซูฉีฮั่นเป็นธิดาของเสนาบดีคนปัจจุบัน นางเป็นผู้รับผิดชอบการแข่งขันคัดเลือกสิบนักปราชญ์ในครั้งนี้ นางได้รับบาดเจ็บจนหมดสติได้อย่างไร!?

 

เสนาบดีซูเป็นผู้อมตะระดับหก ซูฉีฮั่นเป็นข้าราชสํานักที่ถูกกําหนดไว้ล่วงหน้า นางต้องมีวิธีอมตะปกป้องตนเอง แต่นางกลับตกอยู่ในสภาพนี้ กระแสน้ําที่ซ่อนอยู่ในการคัดเลือกนักปราชญ์ช่างรุนแรงนัก

 

ในถ่าสวรรค์วรรณกรรม หญิงชายมีความเสมอภาพและสามารถเป็นข้าราชสํานักได้เช่นเดียวกัน ผู้หญิงหลายคนยังมีความสามารถเหนือกว่าผู้ชาย

 

ขณะที่เขากําลังคิด ซูฉีฮั่นก็ตื่นขึ้น

 

“เจ้าช่วยข้าไว้งั้นหรือ?” นางมองหลี่เสี่ยวไปด้วยสายตาเร้าร้อน

 

หลี่เสียวไป์คิด เหตุใดนางจึงมองข้าด้วยสายตาแปลกประหลาด?

 

เขาพยักหน้าและกําลังจะกล่าว

 

แต่ซูฉีฮั่นกลับปิดปากของเขาและกดหลี่เสี่ยวไปิ้ลงบนพื้นทันที

 

“นางกําลังจะทําสิ่งใด?” หลีเสียวไปมีนงงเล็กน้อย

 

ซูฉีฮั่นนั่งทับร่างของหลี่เสี่ยวไปและเริ่มถอดเสื้อผ้าของเขาออกอย่างเร่งรีบ

 

หลีเสียวไปกลายเป็นพูดตะกุกตะกัก “คุณหนูซู คุณหนูซู ท่านกําลังทําสิ่งใด?”

 

ซูฉีฮั่นหยุดเคลื่อนไหว “เจ้ารู้จักข้างั้นหรือ?”

 

หลี่เสี่ยวไปกลืนน้ําลาย หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ “คุณหนูซู ท่านกําลังคัดเลือกสิบนักปราชญ์ แน่นอนว่าขาย่อมต้องรู้จักท่าน คุณหนูซู ข้าเป็นศิษย์ของอาจารย์เจียงและพึ่งแยกกับท่านอาจารย์มาไม่นานนี้”

 

ซูฉีฮั่นเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด หลี่เสี่ยวไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง

 

ปัจจุบันคนทั้งสองอยู่ริมแม่น้ํา การแสดงออกของซูฉีฮั่นค่อยข้างแปลก ดังนั้นหลี่เสียวไปจึงกล่าวถึงอาจารย์ เพียงเพื่อป้องกันการถูกทําร้าย

 

ซูฉีฮั่นมองหลี่เสียวไปอย่างลึกซึ้ง ใบหน้าของนางแดงก่าขณะที่นางถอยหายใจอย่างรุนแรง “สายไปแล้ว อาจารย์ของเจ้าจากไปไกลแล้ว ตอนนี้ในระยะสิบลี้มีเพียงเจ้ากับข้าเท่านั้น”

 

“ท่านพยายามทําสิ่งใด? อา…” หลี่เสี่ยวไปถูกซูฉีฮั่นตบหน้าและตกอยู่ในความมีนงง

 

ตอนนี้เขากลายเป็นเนื้อที่วางอยู่บนเขียงโดยไม่สามารถท่าสิ่งใด

 

หากความลับของเขาถูกเปิดเผย มันจะเลวร้ายมาก

 

หลี่เสี่ยวไปต้องการรักษาความลับของตน แต่กระทั่งเขาจะใช้กําลังทั้งหมดแต่เขาก็ไม่สามารถขยับเขยื้อน

ในสภาพมึนงง เขารู้สึกเหมือนตนเองก่าลังเผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ําเข้ามา มันเคลื่อนที่ขึ้นลงอย่างรุนแรง

 

จากนั้นสายลมที่อบอุ่นก็พัดผ่านใบหน้าของเขา ในที่สุดเขาก็รู้สึกราวกับน้ําตกที่ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงและทําให้เขารู้สึกสดชื่น

 

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดเมื่อเขาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ

 

เขาหมดแรงและรู้สึกอ่อนล้ามาก

 

เขารีบตรวจสอบสถานการณ์และพบว่าเสื้อผ้าของเขาขาดไปหมดแล้ว ตอนนี้เขากําลังนอนอยู่ในถ้ําแห่ง หนึ่งขณะที่ซูฉีฮั่นกําลังแต่งตัวอยู่ด้านข้าง

 

“คุณ…คุณหนูซู… “หลี่เสี่ยวไปแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะพูด

 

ซูฉีฮั่นยังแต่งตัวโดยไม่มองเขา มีเพียงเสียงของนางที่ดังขึ้น”เราอยู่ด้วยกันมาสามวันสามคืนแล้ว”

 

“อย่ากังวล ข้า…“นางหยุดชั่วคราวก่อนที่นางจะกล่าวต่อด้วยเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อย”ข้าจะรับผิดชอบเจ้า”