เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1870 ข้าจะรับผิดชอบเจ้า
ถ้ําสวรรค์วรรณกรรม
แม่น้ําขนาดใหญ่ไหลไปทางทิศตะวันออก
“แม่น้ําหยกทอดตัวยาวไปทั่วแผ่นดิน ส่องสะท้อนหัวใจสีแดงของผู้คน เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึง ความสามารถอันไร้ที่เปรียบของจักรพรรดิกเหวิน เขาสามารถสร้างสรรค์บทกวีได้ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดขวบ” ซูฉีฮั่นถอนหายใจขณะจ้องมองแม่น้ําอันกว้างใหญ่
นางเป็นธิดาของเสนาบดีใหญ่ นางเป็นหญิงที่งดงาม นอกจากนั้นนางยังมีความพรสวรรค์ทางวรรณกรรม จิตใจของนางเต็มไปด้วยบทกวี นางมีความรู้มากมายที่มักทําให้ผู้ชายส่วนใหญ่ต้องอับอาย
“คุณหนู ลมเริ่มพัดแล้ว กลับห้องกันเถอะ” สาวใช้ของนางกล่าว
ซูฉีฮั่นถอนหายใจแต่ยังยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือและมองแม่น้ําที่ไหลริน
สาวใช้กล่าวต่อ “คุณหนู ท่านกังวลเกี่ยวกับการเดินทางเช่นนั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าคนชั่วผู้นั้นถูกบังคับให้อยู่ห่างจากท่านแล้วงั้นหรือ? เราเลือกนักปราชญ์แปดในสิบคนแล้ว พวกเราเพียงต้องเลือกอีกสองคนเท่านั้น”
ซูฉีฮั่นส่ายศีรษะ “เจ้าไม่เข้าใจ การคัดเลือกสิบนักปราชญ์ไม่ใช่เพียงคําสั่งของจักรพรรดิแต่มันเกี่ยวข้องกับความรุ่งโรจน์ของตระกูลซูของข้า”
สาวใช้ยิ้ม “คุณหนู ข้าไม่เข้าใจกฏเกณฑ์เหล่านี้ แต่คุณหนูต้องดื่มยาเดี๋ยวนี้”
ซูฉีฮั่นเผยรอยยิ้มขมขึ้น “ยาสมุนไพรทั่วไปจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของข้าได้อย่างไร? มันเป็นเพียงการปลอบใจตัวเองเท่านั้น ไม่ว่าข้าจะดื่มหรือไม่มันก็ไม่สาคัญ”
สาวใช้ไม่พอใจ “คุณหนู อย่าพยายามหลอกขา ยาสมุนไพรนี้อาจไม่มีผลต่ออาการบาดเจ็บของท่าน แต่คุณหนูแพ้อากาศเย็นมาตั้งแต่เด็ก หากคุณหนูไม่ดื่มยาอุ่นๆถ้วยนี้ ปอดของคุณหนูอาจเสียหาย ดังนั้นคุณหนูต้องดื่มยาถ้วยนี้!”
“ก็ได้ ก็ได้ เอามาให้ข้า” ซูฉีฮั่นหยิบถ้วยยาขึ้นมาดื่มในที่สุด
หลังจากนางดื่มมัน เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น
ไม่นานหลังจากนั้นร่างหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาบนเรือ
“ผู้ใด?”
“โจรชั่วผู้นั้นอีกแล้ว!”
กลุ่มผู้รักษาความปลอดภัยเร่งเข้ามาปกป้องเจ้านายของเขา
แต่หลังจากต่อสู้ กลุ่มผู้รักษาความปลอดภัยกลับเป็นฝ่ายนอนอยู่บนพื้น
“พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถอยไป” การแสดงออกของซูฉีฮั่นกลายเป็นเคร่งขรึม นางเดินออกไปและเตรียมพร้อมต่อสู้
ฝ่ายตรงข้ามมีใบหน้าที่น่าเกลียดและดุร้าย เขามีร่างกายใหญ่โตและมีผิวสีดําอมน้ําเงินที่ดูไม่น่ามอง
“คุณหนูซู” เขาทักทายด้วยรอยยิ้มกว้างและเผยให้เห็นฟันอันแหลมคม
ซูฉีฮั่นเผยรอยยิ้มเย็นชา “โจรฉลาม เจ้าแพ้ข้าเมื่อไม่นานมานี้ บทเรียนครั้งนั้นยังไม่เพียงพออกงั้นหรือ?”
โจรฉลามหัวเราะชั่วร้าย “คุณหนูซู ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน แต่ก่อนหน้านี้ท่านดื่มยานั่น ท่านไม่รู้สึกว่าแขนขาของท่านอ่อนแรงบ้างเลยงั้นหรือ?”
การแสดงออกของซูฉีฮั่นเปลี่ยนไปทันที
“ยาถูกเปลี่ยน!?” นางมองสาวใช้
สาวใช้สายศีรษะด้วยใบหน้าซีดเผือด “เป็นไปไม่ได้! ยาอยู่ในสายตาของข้าตลอดเวลา คุณหนู ท่านต้องเชื่อข้า!”
“ยาไม่มีปัญหา แต่สมุนไพรมี มันถูกดัดแปลง” ในจังหวะนี้แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคนก็ขึ้นมาบนเรือ
คิ้วของซูฉีฮั่นขมวดแน่น หัวใจของนางจมดิ่งลง “ปีศาจยา เจ้ายังมีชีวิตอยู่!”
ปีศาจยาดูเหมือนชายชราแต่แท้จริงแล้วเขาอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพิษและทดลองยามากมาย นั่นทําให้เขาได้รับผลกระทบและแก่ชราก่อนวัย
ดวงตาของปีศาจยาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ต้องขอบคุณลูกพี่ลูกน้องของเจ้า แม้ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่การได้ลิ้มรสร่างกายของคุณหนูซูก่อนตาย มันก็คุ้มค่าแล้ว”
ใบหน้าของซูฉีฮั่นกลายเป็นซีดขาวขณะที่นางก้าวถอยหลัง “เจ้าให้ข้าดื่มยาชนิดใด?”
นางรู้สึกว่าร่างกายของนางเริ่มอ่อนแรง
ปีศาจยาหัวเราะเสียงดัง “แน่นอนว่าเป็นยาปลุกกําหนัดที่รุนแรงที่สุด! มันจะทําให้หญิงสาวที่บริสุทธิ์กลายเป็นนางโสเภนี้ที่บ้ากามที่สุด!”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ โจรฉลามก็กระโจนไปข้างหน้าแล้ว
“บีม บีม บีม!”
เสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่ซูฉีฮั่นถูกบังคับให้ล่าถอย
“คุณหนู หนีไป ข้าจะรั้งพวกเขาเอาไว้!” ในช่วงเวลาสําคัญ สาวใช้ของนางก้าวออกมาและช่วยถ่วงเวลาให้ซูฉีฮั่น
ซูฉีฮั่นลังเล
“คุณหนู หนีไปเร็วเข้า!” สาวใช้ของนางใช้ทักษะต้องห้าม พลังการต่อสู้ของนางพุ่งสูงขึ้นแต่หลังจากนี้นางต้องตายอย่างแน่นอน
ซูฉีฮั่นร้องไห้ขณะกระโดดออกจากเรือ “โจรฉลาม ปีศาจยา ข้าจะไม่มีวันอภัยให้พวกเจ้า ราชสํานักจะประหารพวกเขาเก้าชั่วโคตร!”
ในสถานที่ห่างออกไป
ศาลาริมน้ํา
สองคนอยู่ที่นี่
หนึ่งคือร่างแยกหลี่เสี่ยวไปของฟางหยวน อีกหนึ่งคืออาจารย์เจียง
อาจารย์เจียงมองแม่น้ําในยามค่ําคืนและกล่าวกับหลี่เสี่ยวไป์ “คิดบทกวีและท่องให้ข้าฟัง เจ้ามีเวลาสิบก้าว”
สิบก้าวหมายถึงเวลาที่มนุษย์ธรรมดาเดินไปข้างหน้าสิบก้าว
พรสวรรค์ของหลี่เสี่ยวไปไม่ดีเท่ากับร่างหลักของฟางหยวน แต่ด้วยการทํางานหนักในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขามีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
เขาสามารถคิดบทกวีสองท่อนได้ทันที
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็สามารถคิดอีกสองท่อน
อาจารย์เจียงเงียบก่อนจะส่ายศีรษะ “เสียวไป๋ เจ้ามีความก้าวหน้ามากในช่วงนี้ แต่ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เจ้ายังไม่สามารถต่อสู้เพื่อตําแหน่งนักปราชญ์”
“ท่านอาจารย์ ข้ารู้เกี่ยวกับการคัดเลือกสับนักปราชญ์ของจักรพรรดิกเหวิน ราชสํานักจะคัดเลือกนักปราชญ์ สิบคนทุกยี่สิบปี ตอนนี้ข้าเรียนจบแล้วแต่เหตุใดท่านอาจารย์จึงไม่ให้ข้าเข้าร่วมในการคัดเลือก?” หลีเสียวไปถามด้วยความสับสน
อาจารย์เจียงหันหน้ากลับมาหาศิษย์ของเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวไป๋ เจ้ายังไม่รู้สถานการณ์ทั้งหมด การคัดเลือกสิบนักปราชญ์อาจดูเหมือนการแข่งขันทั่วไป แต่ในความเป็นจริงมันเป็นการแข่งขันเพื่อคัดเลือกเจ้าหน้าที่ของราชสํานักในอนาคต”
“ท่านอาจารย์ ท่านกําลังกล่าวถึงการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะงั้นหรือ?” หลี่เสี่ยวไปรู้สึกประหลาดใจ
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงการแสดงของหลี่เสียวไปเท่านั้น ในความเป็นจริงเขารู้ทุกอย่างอยู่แล้ว
กายาสวรรค์เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า มันสามารถตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างของถ้ําสวรรค์
ผู้คนส่วนใหญ่ในถ้ําสวรรค์วรรณกรรมบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งข้อมูล ทุกครั้งที่ผู้ใช้วิญญาณสร้างสรรค์วรรณกรรมที่ดี พวกเขาจะได้รับรางวัลจากถ้ําสวรรค์
จักรพรรดิกเหวินเป็นผู้อมตะที่ฉลาดและเต็มไปด้วยพรสวรรค์ เขาสร้างราชสํานักขึ้นมาและปกครองถ้ําสวรรค์วรรณกรรมทั้งหมด
ในช่วงปีหลังๆ เขาจะคัดเลือกนักปราชญ์สิบคนที่มีความสามารถโดดเด่นเพื่อเลี้ยงดูพวกเขาให้เป็นผู้อมตะ ก่อนที่จะแต่งตั้งพวกเขาป็นข้าราชสํานัก
ด้วยเหตุนี้ราชสํานักจึงกลายเป็นมหาอํานาจในถ้ําสวรรค์วรรณกรรม ข้าราชสํานักระดับสูงทุกคนต่างเป็นผู้อมตะโดยไม่มีข้อยกเว้น
จักรพรรดิองค์ปัจจุบันเป็นผู้อมตะเช่นกัน สําหรับผู้อมตะระดับแปดที่ปกป้องถ้ําสวรรค์แห่งนี้ เขาเป็นจักรพรรดิที่เกษียณแล้วจากสามรุ่นก่อนหน้า
การคัดเลือกสิบนักปราชญ์ดูเหมือนการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติ แต่มันเต็มไปด้วยกระแสน้ําอันเชี่ยวกรากและกลิ่นคาวเลือด
ทุกกองกําลังต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้รับมัน
“นักปราชญ์เฉินที่แข่งกับอาจารย์เจียงคราวนั้นเคยเป็นหนึ่งในสิบนักปราชญ์ที่ได้รับการคัดเลือก แต่ความสามารถทางการเมืองของเขาไม่โดดเด่นนัก ดังนั้นเขาจึงเป็นได้เพียงผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด
อาจารย์เจียงผู้นี้ก็เช่นกัน เขาเคยเป็นหนึ่งในสิบนักปราชญ์ แต่เขาไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นข้าราชสํานัก
“พรสวรรค์ของข้าแทบไม่ถึงมาตรฐานของการเข้ารับการคัดเลือก ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังเป็นศิษย์ของเขา ราชสํานักจะไม่ชอบข้า แม้ข้าจะผ่านการคัดเลือก ข้าก็ไม่สามารถเป็นข้าราชสํานักระดับสูง อย่างมากที่สุดข้าก็จะเป็นเพียงข้าราชสํานึกระดับต่ํา สิ่งนี้จะทําให้การบ่มเพาะของข้าล่าช้า หากไม่มีผู้ใดให้การสนับสนุน การบ่มเพาะของข้าจะล่าช้าไปตลอดชีวิต
“อาจารย์เจียงและนักปราชญ์เฉินอาจตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เต็มใจที่จะเป็นข้าราชสํานักต่อไปและเดินออกมา คนหนึ่งเปิดสถานศึกษาขณะที่อีกคนท่องเที่ยวไปทุกหนทุกแห่ง
หลี่เสี่ยวไปเข้าใจอย่างชัดเจน
ไม่ใช่ว่าอาจารย์เจียงกับนักปราชญ์เฉินไม่มีอนาคต หากพวกเขาสามารถไขความลึกลับของการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขายังมีโอกาสกลายเป็นผู้อมตะ
แต่ถ้ําสวรรค์วรรณมีขนาดเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับโลกภายนอก ทรัพยากรมีอยู่อย่างจํากัด สิ่งสําคัญก็คือราชสํานักควบคุมทรัพยากรอมตะเกือบทั้งหมดเอาไว้ มันยากมากที่อาจารย์เจียงและนักปราชญ์เฉินจะกลายเป็นผู้อมตะ
อาจารย์เจียงเรียกหลีเสียวไปมาพบเพราะต้องการเกลี้ยกล่อมศิษย์ของเขาให้เลิกล้มความตั้งใจที่จะเป็นสิบนักปราชญ์รุ่นปัจจุบัน
พรสวรรค์ของหลี่เสียวไป์ธรรมดาเกินไป แม้มันจะบรรลุถึงมาตรฐานขั้นต่ํา แต่มันก็ไม่มีความหวัง
การคัดเลือกสิบนักปราชญ์เหมือนวังน้ําวนที่คร่าชีวิตบัณฑิตวัยเยาว์ไปมากมาย อาจารย์เจียงใช้ความพยายามอย่างมากในการสั่งสอนหลี่เสี่ยวไป เขาไม่ต้องการให้ศิษย์ของเขาจบชีวิตอย่างน่าสังเวช
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าหลี่เสี่ยวไปรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว เขารู้วิธีการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะอย่างชัดเจน
แต่มันยังไม่ถึงเวลา
หลีเสียวไปซักถามก่อนจะยอมแพ้อย่างไม่เต็มใจ เขาขอบคุณอาจารย์เพียงอย่างจริงใจและบอกว่าเขาจะละทิ้งทางเลือกนี้
เด็กผู้นี้มีค่าคู่ควรแก่การสั่งสอน!” อาจารย์เฉียงรู้สึกโล่งใจและจากไปด้วยหัวใจที่ผ่อนคลาย
หลี่เสี่ยวไปเดินไปตามริมแม่น้ําเพื่อกลับบ้าน
“ข้าสามารถเป็นผู้อมตะได้ด้วยตนเอง แต่หากข้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะรวดเร็วเกินไป มันจะทําให้ผู้อมตะระดับแปดตื่นตัว เขาจะตรวจสอบข้า หากเขาพบเบาะแสหรือมีข้อสงสัย ข้าอาจตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่หลี่เสี่ยวไปและฟางหยวนต้องการ
ฟางหยวนต้องการให้ร่างแยกหลี่เสี่ยวไปช่วยเปิดทางหรือกระทั่งควบคุมถ้ําสวรรค์วรรณกรรมแห่งนี้
แม้นจะเป็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ แต่หากมันประสบความสําเร็จ มันจะช่วยประหยัดเวลาและพลังงานของฟางหยวนได้มาก
แน่นอนว่าเขามีแผนสํารอง
เมื่อหลี่เสี่ยวไปเดิบโตขึ้นถึงระดับหนึ่ง เขาจะร่วมมือกับร่างหลักเพื่อวางแผนต่อต้านผู้อมตะระดับแปดของถ้ําสวรรค์วรรณกรรม
“แต่มันยังเร็วเกินไปสําหรับเรื่องนั้น
รากฐานของข้ามีเพียงอาจารย์เจียง ข้าทํางานอย่างหนักและได้รับชื่อเสียงมาบ้าง แต่สภาพแวดล้อมนี้ยังไม่เพียงพอให้ข้าดําเนินการขั้นต่อไป
หากข้าได้รับเลือกให้เป็นนักปราชญ์ มันจะเป็นจุดเริ่มต้นสําหรับข้า น่าเสียดายที่ข้าไม่มีอํานาจหรือภูมิหลัง ข้ามีเพียงอาจารย์เจียง ข้าจะมีจุดจบที่น่าอนาถหากข้าเข้าร่วมในการคัดเลือก
“ในความเป็นจริงการเข้าสู่ราชสํานักถือเป็นทางเลือกที่ดี หลังจากทั้งหมดราชสํานักควบคุมทรัพยากรอมตะส่วนใหญ่เอาไว้ แม้ข้าจะกลายเป็นผู้อมตะในอนาคต แต่มันก็ยากที่จะประสบความสําเร็จโดยปราศจากทรัพยากรในการบ่มเพาะ
หลี่เสี่ยวไป่คร่ําครวญอยู่ในใจ
แต่ในจังหวะนี้เขากลับเห็นบางคนนอนอยู่ในพุ่มไม่ริมแม่น้ํา
“คุณหน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” หลังจากตรวจสอบ หลีเสียวไปเร่งเข้าไปช่วยหญิงสาว
เขาอุ้มหญิงสาวที่หมดสติขึ้นมาและพบว่าคนนี้คือซูฉีฮั่น
“เกิดสิ่งใดขึ้น?
“ซูฉีฮั่นเป็นธิดาของเสนาบดีคนปัจจุบัน นางเป็นผู้รับผิดชอบการแข่งขันคัดเลือกสิบนักปราชญ์ในครั้งนี้ นางได้รับบาดเจ็บจนหมดสติได้อย่างไร!?
เสนาบดีซูเป็นผู้อมตะระดับหก ซูฉีฮั่นเป็นข้าราชสํานักที่ถูกกําหนดไว้ล่วงหน้า นางต้องมีวิธีอมตะปกป้องตนเอง แต่นางกลับตกอยู่ในสภาพนี้ กระแสน้ําที่ซ่อนอยู่ในการคัดเลือกนักปราชญ์ช่างรุนแรงนัก
ในถ่าสวรรค์วรรณกรรม หญิงชายมีความเสมอภาพและสามารถเป็นข้าราชสํานักได้เช่นเดียวกัน ผู้หญิงหลายคนยังมีความสามารถเหนือกว่าผู้ชาย
ขณะที่เขากําลังคิด ซูฉีฮั่นก็ตื่นขึ้น
“เจ้าช่วยข้าไว้งั้นหรือ?” นางมองหลี่เสี่ยวไปด้วยสายตาเร้าร้อน
หลี่เสียวไป์คิด เหตุใดนางจึงมองข้าด้วยสายตาแปลกประหลาด?
เขาพยักหน้าและกําลังจะกล่าว
แต่ซูฉีฮั่นกลับปิดปากของเขาและกดหลี่เสี่ยวไปิ้ลงบนพื้นทันที
“นางกําลังจะทําสิ่งใด?” หลีเสียวไปมีนงงเล็กน้อย
ซูฉีฮั่นนั่งทับร่างของหลี่เสี่ยวไปและเริ่มถอดเสื้อผ้าของเขาออกอย่างเร่งรีบ
หลีเสียวไปกลายเป็นพูดตะกุกตะกัก “คุณหนูซู คุณหนูซู ท่านกําลังทําสิ่งใด?”
ซูฉีฮั่นหยุดเคลื่อนไหว “เจ้ารู้จักข้างั้นหรือ?”
หลี่เสี่ยวไปกลืนน้ําลาย หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ “คุณหนูซู ท่านกําลังคัดเลือกสิบนักปราชญ์ แน่นอนว่าขาย่อมต้องรู้จักท่าน คุณหนูซู ข้าเป็นศิษย์ของอาจารย์เจียงและพึ่งแยกกับท่านอาจารย์มาไม่นานนี้”
ซูฉีฮั่นเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด หลี่เสี่ยวไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง
ปัจจุบันคนทั้งสองอยู่ริมแม่น้ํา การแสดงออกของซูฉีฮั่นค่อยข้างแปลก ดังนั้นหลี่เสียวไปจึงกล่าวถึงอาจารย์ เพียงเพื่อป้องกันการถูกทําร้าย
ซูฉีฮั่นมองหลี่เสียวไปอย่างลึกซึ้ง ใบหน้าของนางแดงก่าขณะที่นางถอยหายใจอย่างรุนแรง “สายไปแล้ว อาจารย์ของเจ้าจากไปไกลแล้ว ตอนนี้ในระยะสิบลี้มีเพียงเจ้ากับข้าเท่านั้น”
“ท่านพยายามทําสิ่งใด? อา…” หลี่เสี่ยวไปถูกซูฉีฮั่นตบหน้าและตกอยู่ในความมีนงง
ตอนนี้เขากลายเป็นเนื้อที่วางอยู่บนเขียงโดยไม่สามารถท่าสิ่งใด
หากความลับของเขาถูกเปิดเผย มันจะเลวร้ายมาก
หลี่เสี่ยวไปต้องการรักษาความลับของตน แต่กระทั่งเขาจะใช้กําลังทั้งหมดแต่เขาก็ไม่สามารถขยับเขยื้อน
ในสภาพมึนงง เขารู้สึกเหมือนตนเองก่าลังเผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ําเข้ามา มันเคลื่อนที่ขึ้นลงอย่างรุนแรง
จากนั้นสายลมที่อบอุ่นก็พัดผ่านใบหน้าของเขา ในที่สุดเขาก็รู้สึกราวกับน้ําตกที่ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงและทําให้เขารู้สึกสดชื่น
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดเมื่อเขาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ
เขาหมดแรงและรู้สึกอ่อนล้ามาก
เขารีบตรวจสอบสถานการณ์และพบว่าเสื้อผ้าของเขาขาดไปหมดแล้ว ตอนนี้เขากําลังนอนอยู่ในถ้ําแห่ง หนึ่งขณะที่ซูฉีฮั่นกําลังแต่งตัวอยู่ด้านข้าง
“คุณ…คุณหนูซู… “หลี่เสี่ยวไปแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะพูด
ซูฉีฮั่นยังแต่งตัวโดยไม่มองเขา มีเพียงเสียงของนางที่ดังขึ้น”เราอยู่ด้วยกันมาสามวันสามคืนแล้ว”
“อย่ากังวล ข้า…“นางหยุดชั่วคราวก่อนที่นางจะกล่าวต่อด้วยเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อย”ข้าจะรับผิดชอบเจ้า”