ท่านอ๋องยังคงไม่พอใจ ตอบกลับไปว่า “เจ้าสู่ขอภรรยาหรือว่าพวกข้าสู่ขอลูกเขย หากเจ้ายอมแต่งเข้าจวนอ๋องฉี การแต่งงานครั้งนี้ก็ให้พวกข้าจัดการ”
ตอนแรกเยียลี่ว์อาเป่าก็ตั้งใจเยี่ยงนี้อยู่แล้ว หลังจากฟังก็มิได้โกรธ กล่าวต่อว่า “ทุกอย่างแล้วแต่ท่านปู่เลยขอรับ ท่านอยากให้ข้าแต่งเข้าจวนอ๋องฉีก็ได้ขอรับ”
ท่านอ๋งฉียิ่งไม่ยอมเข้าไปใหญ่ ลุกขึ้นอย่างโมโห แล้วทิ้งไว้หนึ่งประโยคว่า “ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่รู้ว่าเมิ่งเอ๋อร์ถูกใจเจ้าที่ใด”
พูดจบ ก็เดินออกไปทันที แต่เมื่อเดินถึงหน้าประตู ก็แสดงรอยยิ้มตรงมุมปากออกมาทันที
มองดูท่าทางที่โมโหของเขาแล้ว เยียลี่ว์อาเป่ามึนงง หันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพระชายาฉีแล้วกล่าวว่า “ท่านย่า ข้า…”
“ท่านปู่ของเจ้านิสัยแบบนี้อยู่แล้ว เจ้าอย่าได้ใส่ใจ หากเจ้าไม่เข้าใจธรรมเนียมประเพณีของเมืองหลวง ถ้าเยี่ยงนั้นงานแต่งงานของเจ้าและเมิ่งเอ๋อร์ก็ให้พวกข้าเป็นคนจัดการเอง แต่งออกจากจวนอ๋องฉี เข้าไปในจวนที่เจ้าพักอาศัยอยู่ก็พอ รอวันที่สามกลับมา พวกเจ้าก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่จวนอ๋องฉี”
เยียลี่ว์อาเป่าไม่คัดค้านแล้วกล่าวว่า “ขอบพระคุณท่านย่า ทุกอย่างแล้วแต่ท่านย่าเลยขอรับ”
พระชายาฉียิ้มแล้วพยักหน้า มองไปทางหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว
ทั้งสองนั่งลง และให้เยียลี่ว์อาเป่านั่งลง ขอวันเดือนปีเกิดของเขา บอกว่าจะนำบันทึกวันเดือนปีเกิดของทั้งสอง ไปดูฤกษ์แต่งงานให้
ไม่คิดว่าจะพูดถึงเรื่องแต่งงานเร็วเยี่ยงนี้ เยียลี่ว์อาเป่าดีใจเป็นอย่างมาก กล่าวอย่างอดใจไม่ไหวว่า “ปีนี้เยียลี่ว์อายุสิบแปดปีแล้ว อยากจะแต่งงานกับเมิ่งเอ๋อร์เร็วๆ จึงอยากจะขอร้องพ่อตาและแม่ยาย…”
เรื่องแต่งงานก็ตกลงแล้ว แล้วยังอยู่ในสายตาของตัวเอง หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจ พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เมิ่งเอ๋อร์ยังไม่ได้เตรียมชุดแต่งงาน อย่างน้อยก็อีกสามเดือน เจ้าก็ใช้เวลาช่วงนี้เตรียมตัวให้ดี”
เยียลี่ว์อาเป่าดีใจจนแทบกระโดดขึ้นมา เอาแต่ขอบคุณด้วยรอยยิ้มแหยๆ ว่า “ขอบคุณท่านพ่อตา ขอบคุณท่านแม่ยายขอรับ”
มองท่าทางโง่เขลาของเขาแล้ว พระชายาฉีก็แสดงรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงๆ
เรื่องแต่งงานก็กำหนดแล้ว หลังจากเยียลี่ว์อาเป่าเดินออกมาจากห้องโถงรับแขก ก็กลั้นความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่จนแทบจะวิ่งออกมา
หัวหน้าขันทีเห็นท่าทางของเขา ก็ตกใจมาก รีบก้าวออกมา กล่าวถามอย่างเคารพว่า “องค์ชายรัชทายาท ท่าน…”
รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาของทุกคน เยียลี่ว์อาเป่าสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ หยุดเดิน รอยยิ้มหายไปจากใบหน้า กลับมาเป็นท่าทางที่สง่างามเหมือนเดิมแล้วกล่าวว่า “อ่านรายการสิ่งของเสร็จแล้วหรือ”
“รายงานองค์ชายรัชทายาท อ่านเสร็จและมอบให้กับพ่อบ้านจวนอ๋องฉีแล้วขอรับ”
เยียลี่ว์อาเป่าพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดี กลับจวน”
พูดจบ ก็ก้าวขายาวไปทางม้าของตัวเองทันที
หัวหน้าขันทีมองเข้าไปในจวนอย่างแปลกใจ กลับไม่มีคนออกมาส่ง ในใจก็ก็แอบก่นด่าคนในจวนว่าไม่มีมารยาท แอบคิดในใจว่าจะกลับไปรายงานฮ่องเต้และฮองเฮา ว่ารอหลังจากท่านหญิงน้อยแต่งงานแล้ว จะต้องสั่งสอนนางเรื่องมารยาทบ้าง
ตอนมามีสิ่งของสามร้อยกว่า**บ กับคนยกสิ่งของอีก ยิ่งใหญ่มาก แต่ตอนกลับมิได้ยิ่งใหญ่เยี่ยงนั้น ส่งของเสร็จแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงทหารหนึ่งพันคนกับผู้คนที่ติดตามอย่างกระฉับเฉงอยู่ด้านหลัง
เยียลี่ว์อาเป่ากลับมาที่จวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสตลอดทาง เขาตรัสสั่งทุกคนให้เข้าไปพักผ่อน ส่วนตัวเองนั้นมาที่ห้องหนังสือ เขียนจดหมายบอกข่าวดีที่ยิ่งใหญ่นี้กับฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิง
ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงได้รับจดหมายนี้จากคนที่ไปส่งสิ่งของก็หลังจากสิบกว่าวันแล้ว อ่านเนื้อหาทั้งหมดในจดหมายแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างมาก ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจที่เยียลี่ว์อาเป่าและหวงฝู่สือเมิ่งไม่กลับมาจัดงานที่รัฐหมิง รีบตรัสสั่งให้คนเริ่มจัดเตรียมสินสอดตามพิธีการแต่งงานขององค์ชายรัชทายาท
วันที่สองของการหมั้นหมาย พระชายาฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวได้นำใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของเยียลี่ว์อาเป่าและหวงฝู่สือเมิ่งไปที่วังชิงอวิ๋น ถวายค่าธูปเทียนไปห้าพันตำลึง ให้ท่านอาจารย์ชิงอวิ๋น ดูฤกษ์แต่งงานให้พวกเขา
ท่านอาจารย์ชิงอวิ๋นรออยู่ที่ห้องเหมือนรู้ว่าพวกเขาจะมา หลังจากฟังเหตุผลที่ทั้งสองมาแล้ว ก็รับใบบันทึกวันเดือนปีเดินของทั้งสองมา หลังจากดูอย่างตั้งใจไปสักพัก ก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “การแต่งงานในครั้งนี้ของท่านหญิงน้อยนั้นพบน้อยบนฟ้าและหายากบนดิน ยินดีกับท่านทั้งสองด้วย”
ท่านอาจารย์ชิงอวิ๋นเป็นพระอาจารย์ใหญ่ สามารถได้ยินคำนี้จากท่าน หมายความว่าชีวิตที่เหลือของเมิ่งเอ๋อร์นั้นไร้กังวลแล้ว พระชายาฉีดีใจมาก จึงบริจาคเพิ่มไปอีกห้าพันตำลึง ยิ้มแล้วขอร้องว่า “รบกวนท่านอาจารย์ช่วยดูฤกษ์งามยามดีให้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
รับตั๋วเงินเขามา ก็ต้องทำเรื่องให้เขา ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาบริจาคถึงห้าพันตำลึงที่เป็นตั๋วเงินมากมายเยี่ยงนี้ ท่านอาจารย์ชิงอวิ๋นก็ไม่ได้ปฎิเสธ หลังจากนับนิ้วเสร็จ ก็กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เดือนหกวันที่ยี่สิบหกเป็นวันมงคล หากทางจวนไม่รู้สึกว่าเร็วเกินไป ก็สามารถกำหนดเป็นวันนั้นได้”
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์” หลังจากพระชายาฉีฟังแล้ว ก็ขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
ตั้งแต่เริ่มจนจบเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดจา
ท่านอาจารย์ชิงอวิ๋นมองไปทางนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเล็กน้อย
ท่านอาจารย์ชิงอวิ๋นนพนมมือ ยิ้มกลับไปให้นาง แล้วเก็บสายตาทันที
บอกลาท่านอาจารย์ชิงอวิ๋นแล้ว พระชายาฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวก็กลับมาที่จวน บอกฤกษ์งามยามดีที่ท่านอาจารย์ชิงอวิ๋นดูให้ท่านอ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียนฟัง
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้คัดค้าน ท่านอ๋องฉีหลังจากแค่ หึ ออกมาเบาๆ ก็ไม่เอ่ยอะไรอีก
สิ้นเดือนสามแล้ว จะเดือนสี่แล้ว ห่างจากเดือนหกวันที่ยี่สิบหกไม่ไกลแล้ว พระชายาฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มยุ่งขึ้นมาทันที ต้องซื้อของมากมาย
ในขณะเดียวกันเยียลี่ว์อาเป่าก็ได้รับจดหมายจากคนที่เมิ่งเชี่ยนโยวส่งมา ใจที่กังวลก็หายไปทันที รีบตรัสสั่งให้คนซ่อมแซมจวน ตอนแรกเขาอยากจะซื้อจวนใหม่ที่ใหญ่กว่านี้อีกหนึ่งจวน แต่เมิ่งเชี่ยนโยวส่งคนมาบอกเขาว่า จวนที่อยู่ตอนนี้ดีมากแล้ว แค่เก็บกวาดทำความสะอาดก็พอ อย่างไรก็พักแค่ไม่กี่วัน เขาจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป แต่ว่า ตรงไหนที่ควรซ่อมแซม ก็ต้องซ่อมแซม
ตอนมาเยียลี่ว์อาเป่านำคนมาไม่น้อย แต่ถูกโจมตีกลางทาง เสียชีวิตไปมาก เหลือเพียงสิบกว่าคนที่อยู่ข้างกายเขา ล้วนเป็นแต่ผู้ชาย ทำงานที่ใช้กำลังได้ แต่ให้ไปซื้อสิ่งของจัดงานแต่งงานนั้นยากจริงๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวคำนึงถึงเรื่องพวกนี้แล้ว จึงส่งชิงหลวนไปบอกเขาว่า ให้เขาจัดการเรื่องจวนก็พอ ส่วนสิ่งของที่ใช้จัดงานแต่งงาน นางและพระชายาฉีจะซื้อแล้วให้คนนำมาส่งให้เขา
หลังจากเยียลี่ว์อาเป่าฟังจบ ก็หยิบตั๋วเงินออกมาหนึ่งแสนตำลึงให้ชิงหลวนทันที
ชิงหลวนก็มิได้ปฏิเสธ รับมา แล้วมอบให้เมิ่งเชี่ยนโยวหลังจากกลับมาถึงจวน
เมิ่งเชี่ยนโยวนำมาให้หวงฝู่สือเมิ่งแล้วกล่าวว่า “นี่เป็นตั๋วเงินที่องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ให้มา เจ้าเก็บไว้ให้ดี”
หวงฝู่สือเมิ่งรับมาด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ ลุกขึ้นแล้วใส่ลงไปในกล่องของตัวเอง
มองชุดแต่งงานที่นางเย็บไปได้เล็กน้อย เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวว่า “แม่เย็บปักถักร้อยไม่เป็น ช่วยเจ้าไม่ได้ หรือว่าให้พ่อเจ้าไปหากูกูที่เย็บปักถักร้อยในวังมาช่วยเจ้า”
หวงฝู่สือเมิ่งส่ายหน้าไปมาด้วยสีหน้าที่แดงก่ำแล้วกล่าวว่า “ลูกอยากทำเองเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “อย่ารีบร้อนมากเกินไป สุดท้ายหากไม่ทันจริงๆ ก็หาคนมาช่วย”
หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้า
หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็กำลังเย็บปักถักร้อยอยู่ เมิ่งเชี่ยนโยวมอง พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เย่ว์เอ๋อร์ก็อย่ารีบร้อน ค่อยๆ ทำ”
“เจ้าค่ะ ท่านแม่ หากพี่ใหญ่ไม่ทัน ข้าจะช่วยพี่ใหญ่ก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบหัวนางด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินออกจากห้องไป
ส่วนท่าป๋าหั่นหลินที่อยู่รัฐอิงได้รับข่าวว่าเยียลี่ว์อาเป่าและหวงฝู่สือเมิ่งจะแต่งงาน ก็โมโหจนโยนสาส์นกราบทูลในมือลงบนพื้น แล้วกล่าวด้วยความโมโหว่า “รังแกกันมากเกินไปแล้ว เพราะเหตุใดเขาสามารถแต่งงานภายในสามเดือน ส่วนข้าต้องรอถึงสามปี”
ไม่มีผู้ใดกล้าตอบ
ไม่นานสองเดือนก็ผ่านไป สิ่งของที่ควรซื้อก็จัดเตรียมไว้หมดแล้ว จวนของเยียลี่ว์อาเป่าก็ซ่อมแซมใหม่หมดแล้ว รอแค่วันแต่งงานมาถึงเท่านั้น
หลานสาวจวนอ๋องฉีแต่งงาน นั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เหล่าขุนนางในเมืองหลวงต่างยุ่งวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง คิดหาทุกวิถีทางเพื่อจัดเตรียมสิ่งของ ร้านค้าในเมืองหลวงต่างขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
เดือนหกวันที่สิบ รถม้าที่เต็มไปด้วยสิ่งของร้อยกว่าคันเข้ามาในเมืองหลวง มาถึงด้านหน้าจวนของเยียลี่ว์อาเป่า
เดือนหกวันที่สิบสอง คนในเมืองหลวงต่างตกตะลึงกันอีกครั้ง สินสอดทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยแปดสิบ**บ อย่าว่าแต่ประชาชนทั่วไปเลย แม้แต่เหล่าขุนนางทั้งหลายก็ต่างตกใจกันเป็นอย่างมาก รอจนรายการสินสอดทั้งหมดอ่านจบแล้ว เรื่องก็ดังไปถึงในวัง แม้แต่หวงฝู่ซวิ่นก็ไม่นิ่งเฉยแล้ว เจ้าเด็กคนนี้ สินสอดพวกนี้ก็เกือบเท่าครึ่งหนึ่งในคลังของรัฐเขาแล้ว นี่ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงจะย้ายคลังของรัฐมาที่นี่หรืออย่างไร
หวงฝู่ซวิ่นยังมีอาการเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าขุนนางทั้งหลาย มองสินสอดของคนอื่นแล้ว มามองสิ่งของที่ตัวเองตั้งใจเตรียมไว้ ดูอย่างไร ก็รู้สึกไม่กล้าเอาออกมามอบให้เป็นของขวัญ
ยังมีหญิงสาวมากมายที่ยังไม่ได้แต่งออกเรือน ต่างอิจฉากันอย่างมาก แอบคิดในใจว่าเหตุใดเรื่องดีๆ อย่างนี้จึงไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง
เดือนหกวันที่ยี่สิบ ท่าป๋าหั่นหลินก็มาถึงเมืองหลวง ด้วยเหตุผลว่ามาเพื่อแสดงความยินดี จริงๆ แล้วคืออยากมาดูว่าเยียลี่ว์อาเป่าจัดงานแต่งงานอย่างไร
เดือนหกวันที่ยี่สิบห้า เยียลี่ว์อาเป่าตรัสสั่งให้คนปูพรมแดงตั้งแต่จวนของตัวเองจนถึงหน้าประตูจวนอ๋องฉี
ไม่รู้ว่าเขาคิดจะอะไร ผู้คนในเมืองหลวงวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง
แต่หวงฝู่อี้เซวียนกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม ส่งโจวอันไปกล่าวกับเขาว่า “ระยะทางจากจวนอ๋องฉีจนถึงนี่ห่างกันสิบกว่าลี้ แม้แต่รถม้ายังต้องใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วยาม ซื่อจื่อบอกให้ท่านเก็บแรงไว้รับมือกับแขกที่มาแสดงความยินดีเถิด”
เยียลี่ว์อาเป่ากล่าวตอบด้วยสีหน้าที่กลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ว่า “ขอบพระคุณท่านพ่อตาที่เป็นห่วง เยียลี่ว์ไม่มีเพื่อนในเมืองหลวง ไม่มีผู้ใดมาแสดงความยินดี ไม่ต้องรับมือ”
หวงฝู่อี้เซวียนฟังคำรายงานจากโจวอันแล้ว ก็ด่าว่าเจ้าโง่ เดินอุ้มคนกลับไปไกลเยี่ยงนี้ กลางคืนก็ต้องเหนื่อยมากแน่นอน แล้วคืนแรกที่ส่งตัวเข้าหอของลูกสาวเขาจะทำอย่างไร
เดือนหกวันที่ยี่สิบหกเพิ่งจะผ่านยามจื่อ เยลี่ว์อาเปาก็ตรัสสั่งให้คนยกน้ำร้อนเข้ามา แช่และล้างตัวในอ่าง จากนั้นก็สวมใส่ชุดเจ้าบ่าว มองดูท้องฟ้าที่มืดสนิทข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ หวังให้ท้องฟ้าสว่างขึ้นมาเร็วๆ
หวงฝู่สือเมิ่งก็ถูกปลุกขึ้นมา ล้างตัว สวมเสื้อผ้า กำจัดขนบนใบหน้า แต่งหน้า หลังจากทำทุกอย่างแล้ว ยังไม่ทันขึ้นเกี้ยว ก็หมดเรี่ยวแรงแล้ว
พระชายาฉีตรัสสั่งให้คนยกไข่ต้มมาหลายฟอง วางไว้ข้างหน้านางแล้วกล่าวว่า “เมิ่งเอ๋อร์ กินไข่ต้มพวกนี้ซะ ไม่เยี่ยงนั้นวันนี้ทั้งวัน เจ้าจะไม่มีแรง”
หวงฝู่สือเมิ่งหยิบไข่ต้มขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง กินนไปสองฟองติดคอเล็กน้อย อยากดื่มน้ำ แต่ถูกพระชายาฉีห้ามไว้ “วันนี้เป็นวันสำคัญของเจ้า ห้ามเข้าห้องน้ำ ค่อยๆ กลืนลงไป”
สีหน้าของหวงฝู่สือเมิ่งขรึมลงทันที เมิ่งเชี่ยนโยวสงสาร จึงหยิบผิงกั่ว[1]ให้นางกัดหนึ่งคำ
เห็นว่าหวงฝู่สือเมิ่งกัดไปแค่หนึ่งคำ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงวางผิงกั่วลงบนจาน เมิ่งซื่อสงสาร ยื่นมือออกมาหยิบขึ้นมาวางบนมือหวงฝู่สือเมิ่งอีกครั้ง “กินอีกสองสามคำเถอะ ยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งค่อนวัน”
[1] ผิงกั่ว ลูกแอปเปิ้ล