เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่ารู้สึกตัวขึ้นมา กล่าวถามอย่างไม่แน่ใจด้วยน้ำเสียงที่สั่นว่า “ซื่อจื่อเฟย ความหมายของซื่อจื่อคือ…” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไอออกมา กลั้นหัวเราะ ลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าอายุมากแล้ว ข้าก็ไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร ” 

 

 

พูดจบ ก็เดินออกไปทันที ปล่อยให้เยียลี่ว์อาเป่าอยู่ในห้องโถงรับแขกคนเดียว 

 

 

“หนึ่ง สอง สาม” ทันทีที่นับถึงสาม เมิ่งเชี่ยนโยวที่เดินออกมานอกห้องโถงรับแขกก็ได้ยินเสียงเก้าอี้ล้มลงดังมาจากห้องโถงรับแขกทันที รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งกว้างมากขึ้นไปอีก เมิ่งเอ๋อร์ได้สามีแบบนี้ แม้จะแต่งออกเรือนไปไกล พวกเขาก็วางใจได้แล้ว 

 

 

ในห้องโถงรับแขก เยียลี่ว์อาเป่าตกใจกับใบหน้าเคร่งขรึมของหวงฝู่อี้เซวียน ตอนนี้รู้สึกตัวขึ้นมา เข้าใจความหมายของหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว ดีใจจนกระโดดขึ้นสูง ตอนลงมาไม่ระวังชนโดนเก้าอี้ รีบหันกลับไปตรวจดู เห็นว่าไม่มีคนเข้ามา ก็โล่งอก จัดเก้าอี้ให้เข้าที แล้วรีบเดินออกจากจวนอย่างรวดเร็ว กลับมาที่จวนของตัวเอง ตรัสสั่งด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นมากจนควบคุมไม่อยู่ว่า “เตรียมพู่กันและหมึก ข้าจะเขียนจดหมายถึงเสด็จพ่อเสด็จแม่” 

 

 

เขาเคยเห็นภาพสู่ขอของท่าป๋าหั่นหลินแล้ว ขบวนการสู่ขอของข้าเยียลี่ว์อาเป่าจะต้องยิ่งใหญ่กว่าเขาแน่นอน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปที่ห้อง หวงฝู่อี้เซวียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เห็นนางเดินเข้ามา ก็กล่าวถามด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “เจ้าพอใจหรือยัง” 

 

 

ตอนแรก พูดอย่างไรเขาก็ไม่ยอมตกลงเรื่องแต่งงานของเมิ่งเอ๋อร์กับเยียลี่ว์อาเป่า แต่ทนเมิ่งเชี่ยนโยวที่พูดโน้มน้าวข้างหูเขาทุกวันไม่ไหว เขาจึงต้องยินยอมอย่างจนใจ ยังต้องรับผิดชอบเป็นคนไปพูดโน้มน้าวเสด็จพ่อเสด็จแม่ของตัวเอง จนทำให้ช่วงนี้ท่านอ๋องฉีและพระชายาฉีไม่สนใจเขาอยู่หลายวัน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไป นั่งลงบนตัก มือสองข้างกอดคอเขาไว้ ยิ้มถาม “เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าองค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ชอบเมิ่งเอ๋อร์จริงๆ” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียน หึ ออกมาเบาๆ เขาต้องมองออกแน่นอน ไม่เยี่ยงนั้นเขาจะยินยอมกับการแต่งงานนี้หรือ แต่นั่นมิได้หมายความว่าเขาจะสบายใจ 

 

 

  

 

 

รัฐหมิง 

 

 

ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงได้รับจดหมายที่เยียลี่ว์อาเป่าใช้ม้าเร็วส่งมาอย่างรวดเร็ว หลังจากดูจบแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างมาก จึงตรัสสั่งให้คนนำสิ่งของที่จัดเตรียมไว้แล้วยกขึ้นบนรถม้าทันที แล้วส่งคนหนึ่งพันคนติดตามไป เข้าเมืองหลวงรัฐอู่อย่างยิ่งใหญ่ 

 

 

  

 

 

ในขณะเดียวกัน หวงฝู่อี้เซวียนก็เหมือนไม่ได้ ‘ตั้งใจ’ เล่าเรื่องที่ยินยอมกับการแต่งงานของหวงฝู่สือเมิ่งและเยียลี่ว์อาเป่าให้หวงฝู่ซวิ่นฟัง ในใจของหวงฝู่ซวิ่นนั้นดีใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา แกล้งทำท่าทางที่เป็นห่วงเป็นใยแล้วกล่าวว่า “หลานสาวทั้งสองของข้าแต่งออกเรือนไปไกล ใจของเสด็จอารับไหวหรือ” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนค้อนมองเขา หึ ออกมาเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เก็บท่าทางจอมปลอมของเจ้าซะ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าในใจของเจ้าดีใจมากเพียงใด” 

 

 

เมื่อความคิดถูกเปิดโปง หวงฝู่ซวิ่นจึงแตะจมูกเบาๆ ด้วยความอึดอัด กระแอมไอออกมาสองครั้งแล้วกล่าวว่า “ข้าก็แค่เป็นห่วงเสด็จอากับเสด็จอาสะใภ้” 

 

 

“ไม่ต้องการ พวกท่านสบายดี” หวงฝู่อี้เซวียนตอบกลับไปอย่างไม่เกรงใจ “แค่เจ้าไม่ปรากฎตัวต่อหน้าพวกท่าน พวกท่านก็จะสบายดี” 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นแตะจมูกเบาๆ ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก หากเขารู้ว่าองค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์อคนนี้มีความสามารถมากเยี่ยงนี้จนสู่ขอเมิ่งเอ๋อร์ได้ เขาจะไม่จับคู่เย่ว์เอ๋อร์กับท่าป๋าหั่นหลินอย่างแน่นอน  

 

 

ยี่สิบวันผ่านไป รถม้าของรัฐหมิงเข้าเมืองหลวงมาอย่างยิ่งใหญ่ จนถึงหน้าประตูจวนของเยียลี่ว์อาเป่า 

 

 

ตั้งแต่เยียลี่ว์อาเป่าอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง ก็มีผู้ที่สอดรู้สอดเห็นมากมายมาสืบข่าวของเขาตลอดเวลา ตอนนี้ทันทีที่รถม้านี้หยุดลง ข่าวนี้ก็กระจายไปทั่วเมืองหลวงทันที ผู้คนในเมืองหลวงต่างแตกตื่นกันมาก  

 

 

ต่างวิ่งกันออกไปเพื่อประกาศให้ผู้อื่นรับรู้ มาดูความวุ่นวายกันเป็นกลุ่มสองสามคน ไม่ถึงเวลาหนึ่งก้านธูป ถนนด้านหน้าจวนของเยียลี่ว์อาเป่าก็ถูกล้อมจนน้ำก็ไหลผ่านไปไม่ได้ 

 

 

มีทหารหนึ่งพันนายยืนเฝ้า ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่ยืนชี้มาทางนี้จากที่ไกล แล้ววิพากษ์วิจารณ์อย่างเต็มที่ 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่าได้ยินรายงานจากบ่าวรับใช้ ก็เดินออกมาจากประตู เห็นรถม้าที่มากมาย ก็พยักหน้าอย่างพอใจ แล้วยื่นมือออกมา 

 

 

หัวหน้าขันทีคนสำคัญที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้ได้ติดตามรถม้ามาด้วย เห็นเขายื่นมือออกมา ก็รีบยกกล่องหนึ่งกล่องมาเปิดออก แล้วนำรายการสิ่งของที่ยาวมากยื่นให้เขาทันที 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่ารับมา เปิดออก แล้วตรวจสอบอย่างละเอียด ใช้เวลาหนึ่งก้านธูปเต็มๆ จึงจะดูจบ พับแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ ตรัสสั่งท่านแม่ทัพรัฐหมิงเยียลี่ว์ฉีที่ส่งขบวนรถม้ามาว่า “เตรียมสิ่งของให้พร้อม แล้วรอคำสั่งจากข้า” 

 

 

เยียลี่ว์ฉีคารวะรับคำสั่ง โบกมือ แล้วตรัสสั่งลงไป 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่าหันหลังเดินกลับเข้าไปในเรือน มาถึงห้องของตัวเอง สั่งให้คนฝนหมึก ส่วนตัวเองนั้นเขียนคำพูดที่จะพูดตอนไปสู่ขอที่จวนอ๋องฉีลงในกระดาษเซวียนจื่อที่ดีที่สุด ท่องซ้ำไปซ้ำมา จำจนขึ้นใจและมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ผิดพลาด จึงตรัสสั่งบ่าวรับใช้ว่า “ไปส่งข่าวให้จวนอ๋องฉี ว่าอีกครึ่งชั่วยามข้าจะไปสู่ขอ” 

 

 

บ่าวรับใช้รับคำสั่ง แล้วเดินออกไปทันที  

 

 

เยียลี่ว์อาเป่าสั่งให้คนตักน้ำร้อนมา ล้างตัว สวมใส่เสื้อผ้าที่จัดเตรียมไว้แล้ว แต่งตัวเรียบร้อย จึงจะออกจากประตูด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา ขี่ม้าตัวสูงใหญ่ด้วยสีหน้าที่มีความสุข แล้วตรงไปทางจวนอ๋องฉีอย่างช้าๆ  

 

 

คนที่มาล้อมดูต่างเปลี่ยนความเข้าใจของตัวเองใหม่อีกครั้ง เพราะมีคนที่สงสัยจึงนับตั้งแต่**บแรกจนถึง**บสุดท้าย สิ่งของที่ยกมาสู่ขอพวกนี้มีทั้งหมดสามร้อยหกสิบ**บเต็มๆ ของมากมายเช่นนี้มีอะไรบ้างพวกเขาไม่รู้ รู้แค่ว่าอายุปูนนี้แล้ว ยังไม่เคยพบเจอสิ่งของพวกนี้ในการสู่ขอหญิงสาวในเมืองหลวง  

 

 

สิ่งของมากมาย ดูมีพลัง ครั้งนี้คนที่มาล้อมดูมากขึ้นกว่าเดิม คนเกือบครึ่งหนึ่งในเมืองหลวงต่างมาดูความวุ่นวายนี้ ไม่เพียงแค่ประชาชนยากไร้ ยังมีคนในจวนของเหล่าขุนนางทั้งหลาย แต่นอกจากพวกเขาจะมาดูความวุ่นวายนี้ พวกเขาก็อยากมาดูความวุ่นวายของจวนอ๋องฉี ดูว่าเมื่อคนของจวนอ๋องฉีเห็นสิ่งของสามร้อยหกสิบ**บนี้แล้ว จะเป็นสีหน้าอย่างไร ต้องรู้ว่านี่แค่สู่ขอ รอถึงตอนให้สินสอดที่มากกว่านี้ หากสมองขององค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์คนนี้ทำงานขึ้นมาอีก ตอนที่ให้สินสอดยกมาแปดร้อยถึงหนึ่งพัน**บ จะดูว่าจวนอ๋องฉีจะให้อะไรกลับไป เป็นไปไม่ได้ที่จะนำทุกสิ่งในคลังของจวนออกมา เพราะหลานสาวทั้งสองคน 

 

 

ฟังคำรายงานจากบ่าวรับใช้ของเยียลี่ว์อาเป่าแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวออกมายืนต้อนรับหน้าประตูจวนด้วยตัวเอง มองดูผู้คนมากมายที่มาล้อมดูจนมองไม่เห็นสุดปลายทาง ทั้งสองขมวดคิ้วพร้อมกันเล็กน้อย  

 

 

เยียลี่ว์อาเป่านั่งตัวตรงอยู่บนหลังม้า เห็นว่าทั้งสองท่านยืนอยู่หน้าประตูจวนจากที่ไกล จึงกระโดดลงจากหลังม้า ปล่อยเชือกลง แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก้มตัวลงทำความเคารพหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวต่อหน้าทุกคน แล้วกล่าวว่า “เยียลี่ว์อาเป่าทำความเคารพซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟย” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือออกมาพยุงเขาแล้วกล่าวว่า “องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์อย่าได้เกรงใจ” 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่ายืนตัวตรง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าทักทายด้วยรอยยิ้ม 

 

 

หัวหน้าขันทีที่ติดตามมาไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย รัฐหมิงของพวกเขาก็เป็นรัฐใหญ่ ถือว่าเสมอภาคกับรัฐอู่ องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์เป็นคนที่จะสืบทอดบังลังก์ต่อ ฐานะสูงส่ง จะทำความเคารพใหญ่เยี่ยงนี้ให้ซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยได้อย่างไร  

 

 

เมื่อรู้สึกถึงความไม่พอใจของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวจึงมองไปทางเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ 

 

 

หัวหน้าขันทีรู้สึกเหมือนอยู่ในช่วงที่หนาวที่สุดของปี แล้วถูกน้ำเย็นราดตั้งแต่หัวจรดเท้า เย็นจนเขาตัวสั่น สีหน้าขาวซีดขึ้นมาทันที 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บสายตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ได้ยินหวงฝู่อี้เซวียนพูดว่า “องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ เชิญเข้าจวนเถิด” 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่าพยักน้า แล้วเดินตามหวงฝู่อี้เซวียนเข้าไปในจวน เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามหลังพวกเขา 

 

 

หัวหน้าขันทีรู้สึกตัวขึ้นมา ยกเท้าอยากจะตามเข้าไป แต่ถูกโจวอันขวางไว้ “ช้าก่อน” 

 

 

“บัง…” คำว่า ‘อาจ’ ยังไม่ทันเอ่ยออกมา ก็คิดถึงสายตาเมื่อครู่ของเมิ่งเชี่ยนโยว จึงกลืนคำพูดลงไป 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดเดิน หันกลับไป มองไปทางหัวหน้าขันที กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ห้ามขัดขืนว่า “หยิบรายการสิ่งของออกมาอ่าน” 

 

 

หัวหน้าขันทีกล่าวตอบ “ขอรับ” อย่างไม่รู้ตัว 

 

 

หลังจากรับคำสั่ง รู้สึกตัวขึ้นมา ก็เสียใจจนแทบจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาด 

 

 

โจวอันถอยออกมา เฝ้าอยู่หน้าประตู 

 

 

หัวหน้าขันทีทำอะไรไม่ได้ จึงต้องเปิดกล่องออก หยิบรายการสิ่งของที่หนามากออกมา เตรียมเสียงคอ แล้วอ่านออกมาอย่างเสียงดัง ทุกครั้งที่เขาอ่านออกมาหนึ่งอย่าง ผู้คนก็ต่างสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง 

 

 

ยังคงมาที่ห้องโถงรับแขก ครั้งนี้ท่านอ๋องฉีและพระชายาฉีทั้งสองรออยู่ในห้องแล้ว ดูท่าทางแล้ว จะต้องสอบสวนแน่นอน 

 

 

สิ่งของทุกอย่างได้ถูกยกมาถึงหน้าประตูจวนแล้ว รายการสิ่งของก็อ่านแล้ว การแต่งงานครั้งนี้ถือว่าพวกเขายินยอมแล้ว เยียลี่ว์อาเป่าจึงวางใจลง เห็นทั้งสองก็ไม่ได้เกร็งเยี่ยงนั้น เดินเข้ามาทำเคารพแล้วกล่าวว่า “ทำความเคารพท่านอ๋องฉี ทำความเคารพพระชายาฉี” 

 

 

ท่านอ๋องฉีทำหน้าเคร่งขรึมไม่พูดจา พระชายาฉียิ้มแล้วกล่าวว่า “ต่อไปก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว หากองค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ไม่รังเกียจ ก็เรียกท่านปู่ ท่านย่าตามเมิ่งเอ๋อร์เถิด” 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่าดีใจมาก รีบเปลี่ยนคำเรียกขานทันทีว่า “ท่านปู่ ท่านย่า” 

 

 

ท่านอ๋องฉีส่งเสียง หึ ออกมาเบาๆ ถือว่ากล่าวตอบแล้ว 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่าไม่ได้ว่าอะไร ยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม 

 

 

พระชายาฉียิ้ม “องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์น่าจะรู้ว่าเดิมทีพวกข้าไม่ยินยอมเรื่องแต่งงานนี้ แต่เห็นว่าเจ้าจริงใจกับเมิ่งเอ๋อร์จริงๆ พวกข้าจึงไม่ขัดขวาง แต่พวกข้ามีคำถามหลายคำถามอยากจะถามเจ้า” 

 

 

“เชิญท่านย่าถามได้เลยขอรับ เยียลี่ว์จะตอบตามความจริงแน่นอนขอรับ” เยียลี่ว์อาเป่ากล่าวอย่างเชื่อฟัง 

 

 

พระชายาฉีพยักหน้าอย่างพอใจ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่เป็นคำถามแรก ข้าอยากจะถามว่า หากพวกเจ้าแต่งงาน องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์อยากจะจัดอย่างไร” 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่ากล่าวตอบอย่างไม่คิดเลยว่า “ทุกอย่างแล้วแต่ท่านปู่ ท่านย่าเลยขอรับ” 

 

 

ท่านอ๋องฉีตอบกลับไปอย่างไม่พอใจว่า “แล้วแต่พวกข้า เจ้าไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเลยหรือ” 

 

 

เห็นได้ชัดว่าหาเรื่อง พระชายาฉีมองเขาอย่างจนใจ 

 

 

ไม่คิดว่าเยียลี่ว์อาเป่าจะกล่าวตอบอย่างจริงจังว่า “คำถามนี้ อาเป่าก็เคยคิดแล้วขอรับ หากท่านทั้งสองอนุญาติให้ข้าสู่ขอเมิ่งเอ๋อร์กลับรัฐหมิง” 

 

 

“อย่าแม้แต่จะคิด!” ยังไม่ทันเอ่ยจบ ก็ถูกท่านอ๋องฉีขัดขวางด้วยท่าทางโมโห “หากเจ้ามีความคิดเยี่ยงนี้ ก็รีบนำคนข้างนอกกลับรัฐหมิงไปซะ” 

 

 

เขาเห็นแก่ฮ่องเต้รัฐหมิง และฮองเฮารัฐหมิงที่กล่าวว่าหลังจากเยียลี่ว์และเมิ่งเอ๋อร์แต่งงานกันแล้วสามารถอยู่ที่เมืองหลวง จึงยอมตกลงเรื่องแต่งงานครั้งนี้ ตอนนี้กลับอยากสู่ขอเมิ่งเอ๋อร์กลับรัฐหมิง ไม่มีทาง 

 

 

ฉากอยู่ในการคาดการณ์ของเยียลี่ว์อาเป่า ฉะนั้นเขาจึงรีบกล่าวตอบอย่างรวดเร็วว่า “หากท่านทั้งสองอยากให้พวกข้าจัดงานแต่งงานที่เมืองหลวง ถ้าเยี่ยงนั้นก็คงต้องรบกวนให้คนในจวนช่วยจัดงาน เพราะข้าไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก และไม่อยากทำให้เมิ่งเอ๋อร์เสียหน้าด้วยขอรับ”