ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 657 มังกรซ่อนหัวไร้ร่องรอย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

‘หรือว่า? เขาจะออกจากน่านน้ำผืนนี้ไปก่อนหน้าแล้ว?’

ใบหน้าของคังฮูหยินปรากฏแววประหลาดใจ นางค้นหาน่านน้ำแห่งนี้อย่างละเอียดรอบหนึ่งแล้ว แต่กลับไม่พบร่องรอยของเยี่ยนจ้าวเกอ

ในทะเลมีสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นมากมาย สิ่งที่แปลกพิสดารหรือธรรมดาสามัญมีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่กลับหาเป้าหมายที่นางต้องการไม่พบ

คังฮูหยินสูดหายใจลึก ทางหนึ่งติดต่อจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องคนอื่นๆ ให้มาช่วย ทางหนึ่งค้นหาน่านน้ำด้านหน้าอย่างละเอียดอีกรอบ

เสียเวลาอยู่ที่นี่มากเกินไป ถ้าหากเยี่ยนจ้าวเกอไม่อยู่ในน่านน้ำผืนนี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ในตอนนี้สมควรไปไกลแล้ว

ทิศทางไม่แน่ชัด หากหน้ามืดตามัวไล่ตาม ยิ่งไม่มีความหมาย

ไม่สู้ยึดมั่นการตัดสินใจแรกสุดของตัวเอง เสาะหาอีกรอบหนึ่ง เพื่อป้องกันการมองข้ามก่อนหน้า

ปล่อยให้อีกฝ่ายหลบอยู่ใต้หนังตาตัวเอง จนตัวเองมองข้ามไป เช่นนั้นคงจะน่าคับข้องใจเกินไป

ทว่าน่าเสียดาย ขนาดหาอีกรอบแล้ว นางก็ยังไม่ได้อะไรเหมือนเดิม

แม้คังฮูหยินจะผ่านคลื่นลมมรสุมมามากมาย ในตอนนี้ยังรู้สึกสับสน อดสงสัยไม่ได้ว่าการตัดสินก่อนหน้านี้ของตนผิดพลาดตั้งแต่แรกเริ่มหรือไม่

‘แต่เขาหนีไปได้อย่างไร?’ คังฮูหยินเงยหน้า ขมวดคิ้วมองไปยังที่ไกลอกไป

ส่วนลึกของมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลด้านล่างที่อยู่เบื้องหน้านาง ที่ก้นทะเลเต็มไปด้วยหินโสโครกระเกะระกะ

ท่ามกองหินระเกะระกะ เตาเครื่องหอมสีดำขนาดเล็กที่ดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ เหมือนกับคนที่โดยสารเรือผ่านมาเผลอทำหล่นลงไปในมหาสมุทร จนจมลงสู่ก้นทะเล ค่อยๆ ถูกโคลนกลบฝัง

เหมือนกับสิ่งของสับสนปนเปอื่นๆ ที่สั่งสมอยู่ในมหาสมุทรกว้างใหญ่นานปี

เยี่ยนจ้าวเกอยามนี้อยู่ในเตากลืนดิน ตรงหน้ากลับเป็นฟ้าดินใหม่เอี่ยมผืนหนึ่ง

ในสายตาก็คือท้องทะเล ท้องฟ้าไร้สิ้นสุด บนผิวทะเลไม่มีคลื่นลม แต่กลับมอบความรู้สึกเงียบเหงาที่เหมือนกับความตายให้แก่ผู้คน

นี่น่ากลัวยิ่งกว่าคลื่นกระหน่ำซัดโหม ก็คือบรรยากาศกดดัน ผืนฟ้าและผืนทะเลเหมือนกับรวมตัวกันกลายเป็นของแข็งก้อนหนึ่ง

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย ด้วยไม่แน่ใจว่าที่นี่คือที่ไหน

ทัศนียภาพตรงหน้าถึงแม้จะสมจริง แต่กลับปรากฏริ้วคลื่นสั่นไหวอยู่เบาบาง เหมือนกับภาพสะท้อนในน้ำ

ทันใดนั้น บนผิวทะเลที่นิ่งเงียบจนแทบจะเกาะตัวกัน ก็เกิดพายุคลั่งสายหนึ่งอย่างไร้สุ้มเสียง

พายุม้วนลมม้วนน้ำทะเลขึ้นสู่หมู่เมฆ เชื่อมต่อกับท้องฟ้าอันมืดครึ้มและมหาสมุทรอันแปลกประหลาดดุจดั่งเสาสวรรค์

ท่ามกลางพายุคลั่งมีประกายสายฟ้าที่ละลานตาเปล่งประกาย เหมือนกับมังกรสีเงินกำลังเคลื่อนไหว

เยี่ยนจ้าวเกอหยีตามองภาพเบื้องหน้า

บนผิวทะเลที่คลื่นลมเงียบสงบในตอนแรก มีพายุลูกแล้วลูกเล่าที่แทรกไว้ด้วยสายฟ้าและน้ำทะเลพุ่งขึ้นมาติดต่อกัน ฉีกกระชากมิติทั้งหมดจนแตกเป็นเศษๆ เปลี่ยนฟ้าดินแห่งนี้ให้กลายเป็นแดนชำระล้างในชั่วพริบตา

บนมหาสมุทรไร้สิ้นสุดกว้างใหญ่ไพศาล ต่างเต็มไปด้วยพายุและอัสนี สายฟ้ากับน้ำทะเลกำลังคลุ้มคลั่ง

เป็นภาพหายนะที่เหมือนกับค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติซึ่งธรรมชาติก่อให้เกิดขึ้น

ต่อหน้าอานุภาพของฟ้าดินเช่นนี้ ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงเหมือนเช่นคังฮูหยิน ก็ยังดูเล็กกระจ้อยร่อย

เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ “เหมือนกับพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดในตำนาน”

แม้ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อน แต่เยี่ยนจ้าวเกอเคยเห็นคำบรรยายและการเปรียบเทียบภาพในคัมภีร์ ดูเหมือนกันเหลือเกิน

ในตอนที่อยู่ที่หอสักการะย่อยสำนักความมืด เขาได้ทำความเข้าใจบางอย่างผ่านการสนทนากับจอมยุทธ์สำนักความมืด

ด้านในทะเลหวงเจียมีสถานที่เช่นนี้อยู่ด้วย มักจะเกิดพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุด คล้ายกับเตาฟ้าดิน

ด้านในมีอันตรายนับไม่ถ้วน ต่อให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เข้าไป ก็ต้องเจอผลร้ายมากกว่าผลดี

สิ่งที่ทำให้สถานที่นี้น่าปวดหัวก็คือ มันจะเกิดขึ้นอย่างไร้เค้าลาง จะมาก็มาทันที

มันจะกลืนกินชีวิตคนจำนวนนับไม่ถ้วนในชั่วพริบตา ไม่อาจแข็งขืนและหลบหนี

ถึงแม้ว่าน่านน้ำแห่งนี้จะมีของล้ำค่าที่หาไม่ได้ในโลกภายนอกมากมาย แต่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าไปหา เพราะแดนอันตรายแห่งนี้ฝังโครงกระดูกของยอดฝีมือจำนวนมาก

ถึงจะมีความสามารถล้นฟ้า เมื่อเข้าไปด้านใน ชีวิตก็ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป แต่ถูกควบคุมอยู่ในมือของธรรมชาติซึ่งมีอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

เยี่ยนจ้าวเกอมองที่นั่นเงียบๆ ใคร่ครวญในใจ ‘ได้ยินมาว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดรุนแรงที่สุดพอดี แต่ไม่ยุ่งยากนัก’

ภาพตรงหน้า พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดเกิดขึ้นเร็วมาก และไปเร็วมาก ไม่ทันไรก็สงบลง

บนผิวทะเลเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งเหมือนกับน้ำนิ่งอีกครั้ง แม้แต่ริ้วคลื่นสักริ้วยังไม่มี

แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่เห็นอานุภาพของพายุไม่กล้าดูแคลนความสงบนี้แม้แต่น้อย

ครั้งนี้บนผิวทะเลพลันปรากฏพายุขนาดยักษ์ขึ้น น้ำทะเลนับร้อยนับพันตันหมุนวนและขยายไปรอบๆ เผยให้เห็นพื้นดินของก้นทะเล

เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาสำรวจอย่างละเอียด เห็นก้นทะเลตั้งไว้ด้วยซากของตำหนักแห่งหนึ่ง ดูชำรุดทรุดโซม เก่าแก่โบราณ

ตำหนักที่เสื่อมโทรมมองไปไม่ค่อยสะดุดตา แต่กลับดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเยี่ยนจ้าวเกอในทันที

แรงดึงดูดอันพิสดารและยิ่งใหญ่นั้นทำให้คนไม่อาจต่อต้าน

ชายหนุ่มรู้สึกว่าวิญญาณของตัวเองถูกดูดเข้าไปในภาพลวงตานี้ ถูกดูดไปถึงด้านในตำหนักอันทรุดโทรม

เหมือนกับตำหนักแห่งนั้นมีพลังอะไรบางอย่าง ที่ทำให้มองข้ามข้อจำกัดของมิติเวลาและจิตใจ ดูดคนที่สนใจในตัวมันไปถึงด้านหน้ามัน

เยี่ยนจ้าวเกอสงบจิตใจ สำรวจอย่างละเอียด

กลับเห็นในตำหนักเหมือนมีตลับยาวขนาดยักษ์อันหนึ่งอยู่ด้วย

ตลับยาวเป็นโลหะ รอบๆ มีแสงสีดำขลับแปลกประหลาดหมุนวน ทำให้คนที่มองมันดำดิ่งอยู่ด้านในอย่างไม่รู้รู้ตัว

ด้านบนสลักอักษรโบราณสองตัว เยี่ยนจ้าวเกอแยกแยะครู่หนึ่ง สีหน้าปรากฏความประหลาดใจอย่างไม่อาจควบคุม

กลืนฟ้า

‘กลืนฟ้ากลืนดิน?’ เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ ‘เหอะ น่าสนใจ’

ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ หายไป กลับคืนสู่ความมืด เหลือเพียงดวงตาที่เหมือนมีเหมือนไม่มีคู่หนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอมองดวงตาคู่นี้อย่างใจเย็น

ครู่ต่อมา ดวงตาคู่นี้ก็หายไป

เขาคำนวณเวลาในใจเล็กน้อย

จากนั้นร่างของเขาก็ออกจากเตากลืนดิน โผล่ขึ้นที่ก้นทะเลอีกครั้ง

‘ไม่ใช่ว่าข้าเพิ่งออกมา แล้วสายตานางกวาดผ่านมาพอดีนะ’ เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งคิด ทางหนึ่งสำรวจบริเวณรอบๆ อย่างเงียบเชียบ

ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่ามีจอมยุทธ์เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ ถึงขั้นรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งมาก

แต่ว่าคังฮูหยินไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว

จอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางอย่างนาง มีสถานที่ไม่น้อยต้องการตัวนาง ไม่มีเวลาว่างมาเสียกับแค่มหาปรมาจารย์คนหนึ่ง

ต่อให้จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ผู้นี้มีพลังน่ากลัวมาก แต่ถึงจะเสียเวลาก็ไม่รู้ว่าจะไปจบที่ตรงไหน

กอปรกับคังจิ่นหยวนไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอจริงๆ

คังฮูหยินแม้ไปแล้ว แต่ก็ไม่คิดจะไม่สร้างความลำบากให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ

น่านน้ำที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ต่างมีจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเคลื่อนไหว จับตาดูร่องรอยของเยี่ยนจ้าวเกอ

เกิดพบขึ้นมา คาดว่าจะมีจอมยุทธ์ระดับสูงมารับมือเยี่ยนจ้าวเกอทันที

‘แต่คนพวกนี้ใช้ไม่ได้หรอก’ เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ ขยับร่างกาย

เขาหลบหลีกจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมากมายอย่างแยบยล หลังจากเดินทางได้สักระยะหนึ่งแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เรียกวังฝูงมังกรออกมาใหม่ แล้วกระโดดเข้าไปด้านใน

แต่ว่าในวินาทีนั้นเอง กลับมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งสายหนึ่งเข้ามาใกล้จากสถานที่ที่อยู่ห่างออกไป

เจตจำนงกระบี่จากกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยของคัมภีร์นภากาลเวลา

เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้สัมผัสถึงวรยุทธ์ชนิดนี้ได้อย่างรวดเร็ว ‘เอ๋ ไม่น่าจะแม่นยำขนาดนี้กระมัง?’