ตอนที่ 1476 ไปยังใจกลาง

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1476 ไปยังใจกลาง โดย Ink Stone_Fantasy

แต่แน่นอน ‘เขา’ ที่ว่าอาจจะเป็นอะไรอย่างอื่นอย่างเช่นภาพลวงตาหรือหุ่นเชิดอะไรพวกนั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรมันก็เหมือนกัน เมืองสกายซิตี้คงจะถูกเทวทูตบุกรุกเข้าไปก่อนหน้านี้นานแล้ว

“นั่นมันป้อมปราการบนยอดเขาที่มีคนอยู่หลายหมื่นเลยนะ…” ร็อคพูดงึมงำขึ้นมา ด้วยความสามารถของเทวทูตแล้ว การจะทำลายอะไรซักอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะว่าพวกมันสามารถฉีกรอยแตกและสร้างการกัดกินได้ แต่การจะบุกเข้ามาโดยไม่ให้คนนับหมื่นรู้ตัวนั้น ความสามารถแบบนี้มันออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อย

“ผมเองก็อยากจะให้ตัวเองเดาผิดเหมือนกัน เพียงแต่นี่เป็นข้อสรุปที่ดูเหมาะสมที่สุดแล้ว” โรแลนด์ถอยใจออกมา

โลกแห่งความฝันมีกฏเกณฑ์ที่เป็นของตัวเองอยู่ ทำให้เทวทูนไม่สามารถแสดงพลังได้อย่างเต็มที่ ถ้าพวกมันอยากจะทำอะไร ก็จำเป็นต้องมีพลังเวทมนตร์คอยสนับสนุน

ส่วนสถานที่ที่เก็บแกนพลังแห่งธรรมชาติเอาไว้ค่อนข้างเยอะก็มีแค่เมืองปริซึมกับเมืองสกายซิตี้เท่านั้น

ตอนนี้ดูแล้วการที่เทวทูตเลือกไปปรากฏตัวอยู่ที่ชั้นใต้ดินของเมืองปริซึมในตอนแรกนั้นเหมือนจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ในฐานะที่เป็นผู้ที่มาจากข้างนอก พวกมันเหมือนจะรู้เรื่องของโลกนี้อยู่บ้าง

บางทีหลังจากที่เมืองปริซึมถูกทำลาย อีกฝ่ายก็ได้จับตาดูสำนักงานใหญ่ของสมาคมเอาไว้แล้ว ส่วนเรื่องที่ทิ้งเทวทูตเอาไว้ในเมือง นอกจากเพื่อหาจังหวะฆ่าซีโร่แล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็คงจะเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสมาคม

“มัวมานั่งกังวลอยู่ที่นี่มันก็ไม่มีความหมาย ไปถึงที่นั่นเดี๋ยวก็รู้เองครับ” โรแลนด์วางมือลงบนบ่าของร็อค “ยังจำที่ผมเคยบอกได้ไหมครับ? ตอนนี้ทั้งสองโลกกำลังต่อสู้กับพระเจ้าอยู่ และสมาคมก็ได้ให้ความช่วยเหลือผมในการทำสงครามแห่งโชคชะตามามากแล้ว ตอนนี้ถึงตาที่ต้องตอบแทนพวกคุณแล้วล่ะ”

“คุณโรแลนด์….”

“หลังจากนี้เดี๋ยวผมจัดการเองครับ”

ร็อคจ้องมองดูโรแลนด์เดินออกไปจากห้องประชุม

เฟยอวี่หานกับวัลคีรีย์กำลังรอเขาอยู่นอกห้อง

การที่เฟยอวี่หานจะไปด้วยนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหญ่ที่มีความสามารถแข็งแกร่ง ที่ไหนที่มีอันตรายก็ต้องมีเธออยู่ด้วยอย่างแน่นอน แต่การที่วัลคีรีย์จะไปด้วยนั้นค่อนข้างแปลกไปเสียหน่อย — โรแลนด์ไม่คิดว่าวัลคีรีย์จะเกิดความรู้สึกผูกพันอะไรกับโลกแห่งความฝัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันจะต่อสู้เพื่อปกป้องโลกแห่งนี้เลย ตามวิธีปกติที่คนทั่วไปทำ เธอน่าจะหาที่ๆ ไม่ค่อยเป็นที่สังเกตเข้าไปปะปนอยู่ด้วย

การพ่ายแพ้ของเทวทูตไม่ได้หมายความว่าพวกมันไม่มีอันตราย ถึงแม้จะอยู่ในโลกแห่งความฝัน พวกมันก็สามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างสบายๆ ตอนนี้วัลคีรีย์ไม่ใช่ไนท์แมร์ลอร์ดเหมือนอย่างอดีตอีกต่อไป มันซึ่งสูญเสียความสามารถของหินเวทมนตร์ไปไม่ได้ต่างอะไรกับผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาๆ เลย การมุ่งหน้าไปยังเมืองสกายซิตี้นั้นจึงนับว่าเป็นอันตรายอย่างมาก

“อย่ามองข้าด้วยสีหน้าแปลกๆ ขนาดนี้ได้ไหม” วัลคีรีย์พูดอย่างหงุดหงิด “ข้าเพียงแค่อยากจะไปดูซักหน่อยว่าพระเจ้ากับเทวทูตที่เจ้าพูดถึงบ่อยๆ มันหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ หากเป็นเจ้า เจ้าก็คงไม่ปล่อยโอกาสแบบนี้ไปเฉยๆ ใช่ไหมล่ะ?”

โรแลนด์ยักไหล่ “…จะว่าไปมันก็ใช่”

ในขณะที่กำลังพูดคุยกัน เสียงของเฮลิคอปเตอร์ก็ดังมาจากอีกฟากหนึ่งของฐานที่มัน — ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว

หลังจากนี้ก็เป็นการเดินทางเป็นเวลาวันกว่า

นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปลงที่สนามบิน จากนั้นค่อยนั่งเครื่องบินส่วนตัวไปยังจุดหมายปลายทาง สุดท้ายหลังจากแบ่งกลุ่มอย่างง่ายๆ และรับมอบหมายหน้าที่แล้วก็ให้เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพไปส่งในเขตต่อสู้

ตอนนี้มาตรการรับมือกับวิกฤตฉุกเฉินของรัฐบาลได้ถูกใช้อย่างเต็มที่ ในตอนที่เข้าไปใกล้เมืองสกายซิตี้ประมาณ 100 กิโลเมตรถึงจะมองเห็นรถที่ติดขนัด ส่วนกลุ่มชาวเมืองที่พากันหนีตายก็ถูกกองทัพเข้ามาควบคุมเอาไว้ ไม่อย่างนั้นระเบียบคงพังทลายอย่างแน่นอน

นับตั้งแต่ขึ้นบิน วัลคีรีย์ก็เอาแต่จ้องมองไปนอกหน้าต่างอยู่ตลอดเวลา หลังขึ้นเครื่องบินส่วนตัวก็ขอเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งข้างหน้าต่าง เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกสนใจประสบการณ์อันแปลกใหม่นี้อย่างมาก

“เสียงดังไปหน่อย แต่ความเร็วถือว่าไม่เลวทีเดียว อย่างน้อยก็บินเร็วกว่าข้า” หลังจากนั้นครู่ใหญ่มันจึงถอนใจขึ้นมา “ในเรื่องการศึกษากฎเกณฑ์ของโลกนี้ มนุษย์ถือว่ามีความสามารถทีเดียว”

“เธอบินได้ด้วยเหรอ?” เฟยอวี่หานถามอย่างสนใจ

“ถ้าไม่มีข้อจำกัดด้านพลังเวทมนตร์กับขนาดร่างกายล่ะก็ ผู้ยกระดับส่วนใหญ่จะเลือกหลอมหินเวทมนตร์ที่มีความสามารถในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้ากับร่างกาย ซึ่งในนั้นย่อมต้องรวมไปถึงการบินด้วย”

“เป็นยังไง ตอนนี้รู้ถึงศักยภาพของมนุษย์แล้วใช่ไหมล่ะ?” โรแลนด์ไม่ลืมที่จะคุยโว

“เสียดาย…ที่ไม่มีการใช้พลังเวทมนตร์” วัลคีรีย์ยักไหล่

“ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ?” เฟยอวี่หานถามอย่างไม่เข้าใจ ถ้าเครื่องบินต้องใช้เวทมนตร์ถึงจะบินได้ อย่างนั้นก็มีแต่พวกเรามีเป็นผู้ฝึกยุทธ์ถึงจะขับได้น่ะสิ”

“ไม่ ข้าหมายความว่าขนาดไม่มีการใช้พลังเวทมนตร์ พวกเจ้ายังสามารถเครื่องจักรที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ขึ้นมาได้ แล้วถ้าเพิ่มพลังเวทมนตร์เข้าไปด้วยล่ะ?” วัลคีรีย์ค่อยๆ พูด “ข้าคิดมาตลอดว่าพวกเรากับพระเจ้าต่างกันตรงไหน จะต่างกันที่เรื่องนี้หรือเปล่า? เพราะว่าพลังเวทมนตร์ก็ถือเป็นหนึ่งในกฎของโลกนี้เหมือนกัน”

โรแลนด์เลิดคิ้วขึ้นมาอย่างแปลกใจ ควรจะชมว่าสมแล้วที่เป็นไนท์แมร์หรือเปล่า เพิ่งมายังโลกแห่งความฝันได้ไม่ถึงครึ่งปีก็สามารถใช้แนวคิดของวิทยาศาสตร์มาทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ แล้ว

ดูเหมือนที่บอกกันว่าอายุขัยที่ยืนยาวจะเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของอารยธรรมนั้นจะไม่ถูกต้องซะทีเดียวนะเนี่ย

สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าคนที่อายุยืนยาวคือใคร

พอถึงกลางวันวันถัดไป โรแลนด์ก็มองเป็นเมืองสกายซิตี้ที่ยังอยู่บนยอดเขา

ส่วนเมืองที่อยู่ด้านล่างก็มีควันฟุ้งกระจายขึ้นมาทุกหนทุกแห่ง แล้วก็ยังมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องด้วย — เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกยุทธ์จากที่ต่างๆ บนโลกกำลังต่อสู้กับฟอลเลนอีวิลอยู่ เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่กำลังอพยพอย่างมีระเบียบแล้ว ด้านนี้ต่างหากที่เป็นสนามรบที่แท้จริง

แม้แต่ตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมีวันที่ศัตรูรวมกลุ่มบุกขึ้นมาบนท้องถนน

ส่วนหน้าที่ที่มอบหมายให้กับโรแลนด์ก็คือให้เขาบุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของสมาคมซึ่งเป็นศูนย์กลางของเรื่องนี้

เฮลิคอปเตอร์ส่งคนขึ้นไปถึงจุดรวมพลตรงเชิงเขา และที่ตรงนี้ก็มีผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ประมาณยี่สิบกว่าคนกำลังรอเขาอยู่

น่าจะเป็นเพราะได้รับคำสั่งมาก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนจึงไม่ได้พูดคุยทักทายอะไรกัน แล้วก็ไม่ได้มีการแสดงท่าทีสงสัยในสถานะของโรแลนด์ด้วย หลังพูดคุยกันนิดหน่อยก็ยืนยันเส้นทางและแบ่งงานกัน เมื่อเทียบกับภารกิจกวาดล้างฟอลเลนอีวิลในครั้งแรกแล้ว คนที่มาปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดนักรบจริงๆ ไม่เพียงแต่จะรู้ใจกัน แต่ยังมีระเบียบวินัยที่สูงมากด้วย

โครงสร้างของเมืองสกายซิตี้กับเมืองปริซึมนั้นแตกต่างกัน เนื่องจากการกัดกินของที่นี่เกิดขึ้นกลางอากาศ ดังนั้นสมาคมจึงสร้างตึกขึ้นมาตึกหนึ่งเพิ่มคลุมมันเอาไว้ เพียงแต่เมื่อคิดถึงปัญหาเรื่องการอพยพและการช่วยเหลือแล้ว ด้านล่างตึกจึงมีอุโมงค์ลับที่เชื่อมต่อกับยอดตึกเอาไว้ ขอเพียงรู้เส้นทาง ก็จะสามารถหลบฟอลเลนอีวิลที่เดินไปเดินมาอยู่บนยอดเขาได้

ภายใต้การนำทางของสำนักงานใหญ่ หน่วยจู่โจมแทบจะไม่เจอกับอุปสรรคใดๆ เลย บางครั้งเจอฟอลเลนอีวิลแค่ไม่กี่ตัวก่อนจะถูกกำจัดทิ้งลงไปอย่างรวดเร็ว แถมจะไม่ต้องให้โรแลนด์ลงมือเลย

ไม่นาน หน่วยจู่โจมก็มาถึงห้องเก็บแกนพลังธรรมชาติที่แยกออกมาต่างหากบนยอดตึก

นั่นเป็นห้องขนาดใหญ่ทรงกระบอก ผนังโลหะรอบด้านมีแกนพลังแห่งธรรมชาติที่เก็บมาได้จนถึงตอนนี้วางเอาไว้อยู่ ในตรงกลางห้องก็นี้แท่นที่สามารถเลื่อนขึ้นลงได้และแขนกลที่สามารถใช้หยิบจับแกนพลังแห่งธรรมชาติ ถ้าพูดถึงความยิ่งใหญ่แล้ว เมืองสกายซิตี้นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองปริซึมเลย

ส่วนคนที่ยืนอยู่บนแท่นตรงกลางก็คือท่านประธานของสมาคม

แต่ว่าในตอนที่ ‘เขา’ หมุนตัวกลับมา เขากลับค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในพริบตา หน้าตาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป ส่วนสูงเองก็ลดลงไปกว่าเดิมไม่น้อย ก่อนที่สุดท้ายจะกลายเป็นผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง

“ข้าคือเทวทูตยิปซีลอน” เธอพูดเสียงน้ำเสียงราบเรียบ “โรแลนด์ ข้ารอเจ้ามานานแล้ว”

การที่ศัตรูกำลังรอคอยอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน นี่หมายความว่าทุกคนอาจจะตกอยู่ในกับดักแล้ว แต่ที่น่าแปลกใจก็คือโรแลนด์ไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของคนอื่นๆ เลย

ถ้าเป็นเฟยอวี่หาน ในเวลานี้เธอคงจะชักดายออกไปฟันใส่ศัตรูแล้ว

เขาค่อยๆ กวาดตามองดูข้างกาย หัวใจความตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที

รอบกายเขาว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

…………………………………………………