ตอนที่ 1477 เส้นตายสุดท้าย โดย Ink Stone_Fantasy
“ไม่ต้องกังวลเรื่องเพื่อนของเจ้า พวกเขาเพียงแค่เดินไปที่อื่นเท่านั้น”
เทวทูตเหมือนจะมองความสงสัยของเขาออก มันจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ที่…อื่นเหรอ?”
“ถูกต้อง และนี่ก็เป็นหนึ่งในความสามารถของข้า สร้างภาพลวงตา ล่อลวงให้เกิดการเข้าใจผิด ทำให้ร่างจิตสำนึกเดินเข้าไปสู่ความตายโดยไม่รู้ตัว” ยิปซีลอนพูดอธิบาย “แต่แน่นอนว่าข้าไม่ได้ทำแบบนั้น ข้าเพียงแค่ทำให้พวกเขาเดินผิดไปอีกทางเท่านั้น ตอนนี้ในสายตาของพวกเขาน่าจะกำลังต่อสู้กับฟอลเลนอีวิลที่แข็งแกร่งร่วมกับเจ้าอยู่”
“เจ้าจะบอกข้าว่าความจริงแล้วพวกเขาปลอดภัยอย่างมากเหรอ?”
เธอพยักหน้าออกมาตรงๆ “ไม่ใช่เท่านี้ ข้าได้เตรียมบทสรุปที่มีความสุขเอาไว้ให้เพื่อนของเจ้า สุดท้ายฟอลเลนอีวิลและเทวทูตถูกทำลาย ปรากฏการณ์แปลกๆ และการกัดกินหายไป พวกเขาต่อสู้จนหมดแรง แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถยิ้มและมีความสุขกับชัยชนะสุดท้ายได้”
เหวี่ยงแขนเหวี่ยงขาอยู่ในห้องเปล่าที่ไม่มีคนจนกระทั่งหมดแรง ก่อนจะนอนหัวเราะด้วยความสุข — ตอนที่ภาพนี้ลอยขึ้นมาในหัวของโรแลนด์ เขาพลันรู้สึกขนบนหลังของเขาลุกเกรียวขึ้นมา
คนอื่นๆ เขาไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่เขารู้จักเฟยอวี่หานกับวัลคีรีย์เป็นอย่างดี พวกเธอไม่เพียงแต่จะมีจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่น แต่ยังมีการรับรู้ที่เฉียบคมอย่างมากด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเธอจะทำอะไรไม่ได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าความสามารถของยิปซีลอน
ไม่…อย่าว่าแต่สองคนนั้นเลย แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน นี่มันแปลกจริงๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ความสามารถของเทวทูตน่าจะไม่มีผลกับเขาไม่ใช่เหรอ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ โรแลนด์ก็ระมัดระวังตัวขึ้นมาอย่างมากทันที
“จากนั้นล่ะ?”
“ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว ทั้งโลกจะจบสิ้น โลกแห่งจิตสำนึกก็ดี สถานที่ที่โลกแห่งจิตสำนึกตั้งอยู่ก็ดี ทั้งหมดจะกลับคืนสู่จุดเริ่มต้น แต่เมื่อเทียบกับความจริงแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ยังหายไปทั้งๆ ที่มีความสุข โดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ นี่คือความเมตตาจากข้า—”
ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบ โรแลนด์ชิงลงมือเสียก่อน
เขากระโดดออกไป ก้าวข้ามช่องว่างระหว่างทางเดินกับแท่นที่อยู่ตรงกลางที่กว้างเกือบ 20 เมตร พร้อมกับกำหมัดต่อยออกไป! อาศัยจังหวะที่ศัตรูกำลังพูดไม่หยุด ชิงโจมตีโดยไม่ให้ตั้งตัว วิธีนี้เขาใช้มาแล้วหลายครั้ง!
พละกำลังในร่างกายขยายตัวตอบรับกับเจตจำนงของเขา มีเสียงดังสนั่นขึ้นมาทีหนึ่ง คลื่นกระแทกสายหนึ่งได้วาดผ่านแท่นตรงกลางไป รั้วกั้น เครื่องควบคุมและแขนกลที่ตั้งอยู่บนนั้นแตกกระจายออกทันที พวกมันลอยตกลงมายังชั้นล่างของห้องเก็บแกนพลังแห่งธรรมชาติ เสียงกระแทกทึบๆ ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
แม้แต่โรแลนด์เองก็ยังรู้สึกตกใจกับพลังของการโจมตีนี้
เขารู้แค่ว่าการดูดซับแกนพลังธรรมชาติจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้
แต่ปลายกำปั้นของเขากลับสัมผัสถูกความว่างเปล่า
ยิปซีลอนหายตัวไปเหมือนกับฟองอากาศ ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นมาใหม่ตรงด้านหลังของเขา
“ความรู้สึกที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นยังไงบ้า? ของขวัญที่ข้ามอบให้เจ้าน่าจะถือว่ามีประโยชน์ใช่ไหมล่ะ?”
โรแลนด์ตกตะลึง แต่หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงที่แฝงอยู่ในคำพูดของเธอ
“เดี๋ยวๆ วงแหวนดวงดาวอันนั้น เจ้าเป็นคนส่งมางั้นเหรอ?”
เขาเคยวานให้สมาคมตามสืบคนที่ส่งวงแหวนดวงดาวให้หน่อย แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ไม่ว่าจะเป็นระบบยืนยันตัวตนหรือว่ากล้องวงจรปิดก็ล้วนแต่แสดงให้เห็นว่าคนที่ส่งนั้นมีตัวตนอยู่ในช่วงเวลานั้น แต่ไม่ว่าจะสืบค้นไปข้างหน้าคือสืบค้นย้อนหลังก็เหมือนอีกฝ่ายหายตัวไปอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้เมื่อมาคิดถึงความสามารถของยิปซีลอนดูแล้ว ทุกอย่างมันก็ลงตัว
“มันชื่อแกมมา เป็นเทวทูตเหมือนกัน”
ยิปซีลอนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับว่าสิ่งที่มันพูดถึงไม่ใช่เพื่อนของตัวเอง หากแต่เป็น ‘สิ่งของ’ ที่ไร้ค่าอย่างหนึ่ง
โรแลนด์ตกตะลึง หลังมั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิดไป เขาจึงถามขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “….ทำไม?”
“เพราะข้าอยากจะรู้คำตอบ คำตอบที่มีแค่พระเจ้าเท่านั้นถึงจะรู้” เสียงของเธอฟังดูเหม่อลอยเล็กน้อย “ตอนนี้้เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหม? ข้าไม่ได้คิดร้ายกับเจ้า หากอยากจะเดินทางไปยังดินแดนของพระเจ้า ก็จำเป็นต้องยืมพลังของโลกแห่งความฝันถึงจะทำได้ อย่างน้อยพวกเราต้องมีเป้าหมายที่เหมือนกัน”
เหตุการณ์กลับตาลปัตรจนโรแลนด์ไม่รู้จะทำยังไงดี
“เจ้าไม่เชื่อเหรอ? โลกไม่มีทางหลอกเจ้า” ยิปซีลอนผายมือทั้งสองข้าง “ข้าไม่เรียกรอยแตกขึ้นมาตัดการติดต่อของเจ้ากับโลกเหมือนอย่างเดลตา แต่เจ้าก็ยังไม่สามารถมองภาพลวงตาของข้าออกได้ นี่คือหลักฐานยืนยันว่าข้าไม่ได้คิดร้ายต่อเจ้า โลกแห่งความฝันจึงไม่ได้ปฏิเสธพลังของข้า”
“…ความจริงแล้ว เจ้าคือพวกของมิสต์เหรอ?”
นี่คือความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวที่โรแลนด์พอจะคิดออกได้ เพราะมิสต์เคยบอกว่าเทวทูตที่ทรยศต่อพระเจ้าไม่ได้มีเธอแค่คนเดียว
“ข้าไม่รู้ว่านางพูดกับเจ้าอย่างไร ดังนั้นคำถามนี้ข้าจึงไม่สามารถตอบได้” ยิปซีลอนยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว “ถ้าสิ่งที่เจ้าถามคือข้าอยู่ฝั่งเดียวกับนางหรือเปล่า อย่างนั้นคำตอบคือ ‘ไม่’ ก่อนมาที่นี่ ข้าไม่ได้มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับมิสต์เลย ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังเป็นคนฆ่านางกับมือตอนที่อยู่ในเมืองปริซึมด้วย”
โรแลนด์คิ้วกระตุกขึ้นมา
“หรือถ้าสิ่งที่เจ้าถามคือข้ากับนางมีเป้าหมายเดียวกันหรือไม่” เธอวางนิ้วมืออีกนิ้วลง “คำตอบก็คือ ‘ไม่’ เหมือนกัน ที่ข้าทำเช่นนี้ล้วนแต่มาจากความคิดของตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาง เจ้าจะเข้าใจว่าข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่ก็ได้”
“วิธีช่วยข้าก็คือทำลายโลกนี้อย่างนั้นเหรอ?” โรแลนด์ยิ้มเยาะออกมา
“เจ้าผิดแล้ว คนที่ทำลายโลกนี้ไม่ใช่หา หากแต่เป็นพระเจ้า” ยิปซีลอนส่ายหัว “เพื่อไม่ทำให้เจ้าเข้าใจผิด ข้าจะพูดกับเจ้าตามตรงแล้วกัน เจ้าน่าจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงข้างนอกแล้ว ผ่านพลังที่ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้านั้นสามารถหยุดการขยายตัวของโลกแห่งความฝันได้ชั่วคราว เมื่อที่มันจะได้ไม่สัมผัสกับดินแดนของพระเจ้าเร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นต่อให้เทวทูตยังอยู่ในนี้ พระเจ้าก็จะทำลายทุกสิ่งที่สร้างมาจนถึงตอนนี้อย่างไม่ลังเล ช่วงนี้เจ้าดูดซับแกนพลังธรรมชาติมากเกินไป จนระยะห่างระหว่างโลกแห่งความฝันกับดินแดนของพระเจ้าเหลืออีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เดิมทีน่าจะเป็นมิสต์ที่แหละที่มาคอยจับตาดูระดับการขยายตัวของโลกแห่งความฝันของเจ้า ทว่านางกลับตายด้วยน้ำมือของข้า ดังนั้นจึงไม่มีใครบอกเจ้าว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถไปถึงแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ได้พร้อมๆ กัน”
กระทั่งเรื่องนี้เธอก็รู้ด้วยเหรอ!
“แต่ม่านพลังนี้ก็ทำให้ข้าไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ หรือว่าเจ้ายังสามารถควบคุมโลกแห่งความเป็นจริงได้?”
“ไม่ได้ แต่อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าพวกเจ้ารู้เจอทางที่จะไปยังบอทธ่อมเลสแลนด์แล้ว หลังจากนี้ก็อยู่ที่ว่าจะไปถึงช้าหรือเร็วเท่านั้น” ยิปซีลอนค่อยๆ พูดต่อว่า “เจ้าน่าจะเดาได้แล้วว่าข้าได้ข้อมูลมาได้ยังไง — ถูกต้อง เรื่องที่เจ้าคุยกับทางสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ สถาบันออกแบบเกรย์คาสเซิลทั้งหมดล้วนแต่ถูกส่งเป็นรายงานมายังสำนักงานใหญ่ของสมาคม หรือก็คือส่งมาให้ข้า”
แต่ในเนื้อหาเหล่านั้นก็มีเรื่องแผนการแสงแห่งอาทิตย์และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้งานอาวุธชนิดต่างๆ…โรแลนด์เข้าใจทันที อีกฝ่ายปะติดปะต่อข้อมูลเหล่านี้จนเข้าใจภาพรวมทั้งหมดของโลกภายนอก
“หรือเจ้าไม่เคยคิดว่าการสลบไปของข้ามันจะทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น?”
“นี่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ยังไม่อาจรู้ได้ แต่ข้าไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ มีแต่ตอนที่เจ้าเข้ามาในโลกแห่งความฝัน โลกนี้ถึงจะมีชีวิตขึ้นมา ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องขังเจ้าเอาไว้ในนี้” ยิปซีลอนตอบอย่างอดทน “ที่โชคดีก็คือเจ้าและข้าไม่จำเป็นต้องรออยู่ที่นี่อย่างยากลำบากไปตลอด หลังจากตัดการเชื่อมต่อไปแล้ว โลกแห่งความฝันจะสามารถปรับการเดินของเวลาได้ด้วยตัวเอง ขอเพียงเจ้ายินยอม แค่พริบตาก็สามารถทำให้เวลาผ่านไปวันนึงได้”
โรแลนด์ลืมตาโตทันที เขาไม่กล้าหลับตาไปชั่วขณะหนึ่ง ด้วยกลัวว่าตอนที่ืลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เวลาด้านนอกจะผ่านไปหลายร้อยปี
“วางใจได้ เรื่องที่เจ้ากังวลมันไม่มีทางเกิดขึ้น” มุมปากเธอยกขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มออกมา “ม่านพลังจำเป็นต้องอาศัยพลังเวทมนตร์ในการทำให้มันคงอยู่ ต่อให้ใช้แกนพลังที่เก็บอยู่ที่นี่ทั้งหมดมาแลกเปลี่ยนเวลาโลกข้างนอก ก็ได้แค่เดือนครึ่งเท่านั้น….และนั่นก็เป็นเส้นตายสุดท้าย”
………………………………………………….