บทที่ 2907 ขอแต่งงาน 4
กู้ซีจิ่วไม่เหลียวกลับไปเลย เพียงโบกมือไปทางด้านหลัง “ซื่อจื่อไม่ต้องมาส่งแล้ว วางใจเถิด หากว่าเจ้าอยากให้น้องสาวได้ออกเรือนกับเขา ข้าก็จะไม่ออกความเห็น ขอเพียงตัวเขายินยอมพร้อมใจก็พอ”
เมิ่งอู๋หยาพูดไม่ออกเลย…
ที่แท้นางก็เดาจุดประสงค์สูงสุดของเขาออกแล้ว!
เดิมทีเมิ่งอู๋หยาไม่ได้เก็บกู้ซีจิ่วมาใส่ใจเลย ถ้อยคำเหล่านั้นที่กล่าวเรื่องราวเหล่านั้นที่กระทำต่อนางก็เพียงเพื่อแผนการของตัวเอง
ตอนนี้เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วเป็นเช่นนี้ ในใจของเขากลับมีความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างหนึ่งผุดขึ้นมารางๆ
“เสี่ยวจิ่ว ข้าชอบเจ้าจริงๆ…” เขาตะโกนออกมา หนนี้มาจากใจจริงแล้ว
‘ตูม ซ่า!’ จู่ๆ บนผิวแม่น้ำก็มีเสียงแว่วลงมาด้วย เมิ่งอู๋หยาขมวดคิ้ว
เขารู้ดี เช่นนี้คือมีคนกระโจนลงสู่แม่น้ำธารทมิฬ ทำให้จิตมารที่อยู่บนผิวน้ำแตกตื่น…
เป็นผู้ใดที่ไม่หวั่นเกรงความตายถึงเพียงนี้?
ความคิดของเขาเพิ่งแล่นมาถึงตรงนั้น ก็มองเห็นแม่น้ำปั่นป่วนพลุ่งพล่านปานหม้อน้ำเดือดไล่จากด้านบนลงสู่ด้านล่าง จิตมารลอยลงสู่ก้นน้ำแม่น้ำอย่างบ้าคลั่ง ราวกับจะหลบหนีจากอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกมันหวาดผวา
กู้ซีจิ่วเดินทางจากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบน จิตมารที่อยู่ใกล้ตัวเธอก็พากันหลบเร้นขึ้นสู่ด้านบนเช่นกัน
ส่วนจิตมารที่อยู่บนผิวน้ำก็พยายามหนีลงข้างล่างอย่างสุดชีวิต จิตมารทั้งสองฝั่งจึงชนกัน ต่างฝ่ายต่างตระหนกผวา เริ่มหลบหลีกกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย
เมิ่งอู๋หยามองด้วยความงุนงง…
เขารู้สึกว่าตนได้เปิดโลกทัศน์แล้ว
เขาลงสู่แม่น้ำธารทมิฬนี้หลายต่อหลายครั้งแล้ว เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นปรากฏการณ์เช่นนี้
มีผู้ยิ่งใหญ่ท่านใดกำลังลงมาจากข้างบนอีกแล้วหรือ?!
ข้อสงสัยนี้ของเขาได้รับคำตอบเร็วยิ่ง เงาสีม่วงสายหนึ่งที่ดูราวกับตะวันส่องสลายเมฆาครึ้ม ดิ่งตรงลงมา รวดเร็วจนน่าตื่นตะลึง
เมิ่งอู๋หยาหน้าเปลี่ยนสีแล้ว!
ตี้ฝูอี!
ผู้ที่มาคือตี้ฝูอี...
ไม่นึกเลยว่าเขาจะตามหาที่นี่พบด้วย!
ทั้งสองคนหนึ่งพุ่งลงด้านล่าง หนึ่งทะยานขึ้นสู่ด้านบน สายตาสอดประสานกันผ่านสายน้ำ ตี้ฝูอีคล้ายจะโล่งอกแล้ว ตรงเข้ามาคว้ามือเธอ “อาจิ่ว!”
กู้ซีจิ่วพลิกตัวกลางธาราคราหนึ่ง หลบเลี่ยงการคว้ากุมของเขา ถอยไปอยู่ด้านข้างเล็กน้อย สุ้มเสียงเย็นชานิดๆ “เจ้ามาทำไม?”
ตี้ฝูอีเก้อไปแวบหนึ่ง
เขาเม้มริมฝีปากบางนิดๆ “เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พวกเราขึ้นฝั่งแล้วค่อยคุยกันเถอะ”
ในแม่น้ำธารทมิฬที่มีจิตมารร้องโหยหวน ไม่ใช่สถานที่สำหรับพูดคุยกันจริงๆ
เอาเถอะ งั้นก็ขึ้นไปคุยกันบนฝั่งก็แล้วกัน
กู้ซีจิ่วพยักหน้านิดๆ มุ่งหน้าขึ้นสู่ด้านบน
….
ตามที่กู้ซีจิ่ววางแผนไว้ คือหลังจากขึ้นฝั่งแล้ว จะหาสถานที่เงียบสงบสักแห่ง คุยกับตี้ฝูอีดีๆ ล้มเลิกสัญญาหมั้นหมายฉบับนั้นอย่างจริงจัง ละครฉากนี้ไม่จำเป็นต้องแสดงอีกต่อไปแล้ว นับแต่วันนี้ไปชายแต่งงานหญิงออกเรือนต่างไม่เกี่ยวกันแล้ว
เธอรู้สึกว่าขอเพียงตนยืนกรานสักหน่อย ตี้ฝูอีก็น่าจะตอบตกลง ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็กำลังดูใจกับท่านหญิงน้อยผู้นั้นอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นหินขวางเท้าพวกเขาอยู่เช่นนี้
กลับคาดไม่ถึงว่าทันทีที่โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำก็ต้องสะดุ้งโหยงเลย!
แม่น้ำธารทมิฬที่เงียบสงัดมาโดยตลอดเต็มไปด้วยผู้คน ชายหญิงแก่ เยาว์วัย สูงต่ำยากดีมีจนล้วนมีหมด
เมื่อเธอโผล่ขึ้นมา สิ่งที่รอต้อนรับเธอก็คือสายตาเจิดจ้าเรืองรองมากมายนับไม่ถ้วน…
กู้ซีจิ่วทำตัวไม่ถูกแล้ว…
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ภพมารมีการเรียกประชุมครั้งใหญ่ที่นี่หรือ?
เธอมองเห็นใบหน้าของคนคุ้นเคยอยู่มากมาย อินจิ่วซือ ผู้สำเร็จราชการ ท่านหญิงน้อยเมิ่งหลิวชิง องค์หญิงในจอมมารพระองค์เดิมอินหมิงจู…
เธอกวาดตามองรอบข้างแวบหนึ่ง ฝีเท้าพลันซวนเซเล็กน้อย!
เธอมองคนสองคนที่ไม่น่าจะอยู่ที่นี่ในตอนนี้ที่สุดแล้ว…
ฟั่นเชียนซื่อกับอูเชียนเหยียน
ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาสองคนจะปะปนอยู่ในฝูงชนด้วย ยามนี้กำลังมองเธออยู่เช่นกัน
คราแรกฟั่นเชียนซื่อยังคงโบกพัดชมเรื่องครื้นเครงอยู่ แต่พอได้เห็นเธอชัดๆ สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปทันที
————————————————————————————-
บทที่ 2908 ขอแต่งงาน 5
ดวงหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือด อูเชียนเหยียนอ้าปากค้างนิดๆ สายตามองตรงมาที่เธอ แทบจะหลุดปากเอ่ยเรียกแล้ว
การปลอมตัวของกู้ซีจิ่วคนอื่นมองไม่ออก แต่ปิดบังฟั่นเชียนซื่อกับอูเชียนเหยียนไม่ได้
เนื่องจากไม่ว่ากู้ซีจิ่วจะแปลงกายเป็นผู้ใด ล้วนจะมีขี้แมลงวันเม็ดหนึ่งอยู่ตรงริมฝีปากเสมอ ตำแหน่งและขนาดของขี้แมลงวันเม็ดนี้จะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ฟั่นเชียนซื่อกับอูเชียนเหยียนออกท่องหกภพภูมิกับเธอมาเนิ่นนานปานนี้ ย่อมจดจำได้ มองแวบเดียวก็ดูออกแล้ว!
ไม่นึกว่าไอ้สารเลวน้อยผู้นี้ก็มาที่ภพมารแล้วเหมือนกัน…
เช่นนี้เกรงว่าจะไม่อาจถอนหมั้นกับตี้ฝูอีได้แล้ว มิเช่นนั้นที่ทำมาก่อนหน้านี้จะสูญเปล่า
“มาแล้ว! ออกมาแล้ว! แม่นางอาจิ่วอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!”
“ใช่แล้ว ไม่เสียทีที่ท่านราชครูตี้ตามหาอย่างพลิกฟ้าพลิกดินอยู่เนิ่นนานปานนี้”
“เอ๊ะ ไม่น่าเชื่อว่านางจะสามารถขึ้นมาจากแม่น้ำธารทมิฬด้วยตัวเองได้ โดยที่ไม่บุบสลายเลย เห็นทีว่าวรยุทธ์ของนางจะยอดเยี่ยมจริงๆ”
“เฮอะ ยอดเยี่ยมอะไรกัน พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่ารอบกายนางมีเขตแดนห่อหุ้มอยู่? เขตแดนนี้ต้องเป็นท่านราชครูตี้ที่กำบังให้นางแน่นอน” ท่านหญิงน้อยยิ้มหยัน
“ใช่แล้วๆ มิเช่นนั้นด้วยวรยุทธ์ของแม่นางอาจิ่วคงไม่มีทางขึ้นมาที่นี่ได้” มีบางคนคล้อยตามท่านหญิงน้อย
จ้อกแจ้กจอแจ เสียงวิจารณ์สารพัดมีอยู่ไม่ขาดหูเลย
และพร้อมกับเสียงวิจารณ์ กู้ซีจิ่วก็เหินขึ้นสู่อากาศแล้ว ลอยนิ่งอาภรณ์แผ่พลิ้วอยู่กลางอากาศ
ตี้ฝูอีก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำแล้วเช่นกัน พลันทะยานร่าง ขึ้นมายืนเคียงข้างเธอ
เด็กรับใช้ที่อยู่บนฝั่งตะโกนขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง “ยินดีด้วยที่นายท่านหาตัวแม่นางอาจิ่วกลับมาได้!”
“แม่นางอาจิ่ว นายท่านของพวกเราตามหาท่านอย่างยากลำบากยิ่ง แทบจะพลิกหาทั่วภพมารแล้ว โชคดีที่ท่านปลอดภัย”
กู้ซีจิ่วมองไปที่ตี้ฝูอี “คนเหล่านี้เป็นเจ้าพามาด้วยหรือ?”
เขามาช่วยเธอ เธอยินดีมาก แต่ระดมพลกันมากมายขนาดนี้มาเพื่ออะไรกัน?
ตี้ฝูอีนิ่งไปแวบหนึ่ง พยักหน้านิดๆ “ใช่ ข้าก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน”
กู้ซีจิ่วไม่เข้าใจอยู่บ้าง “ไม่มีทางเลือก?”
ตี้ฝูอียังไม่ทันพูดอะไรต่อ เมิ่งอู๋หยาก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำแล้ว สายตาจ้องตรงไปที่ใบหน้ากู้ซีจิ่ว “เจ้า…เป็นใครกันแน่?”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ ทราบว่าเขาฉุกสงสัยแล้ว ยังไม่ได้เอ่ยวาจา ผู้สำเร็จราชการก็ตะโกนขึ้นมาแล้ว “ไม่นึกเลยว่าแม่นางอาจิ่วจะหลบอยู่ที่นี่จริงๆ! ปล่อยให้ทุกคนตามหาอยู่ตั้งนาน!”
จากนั้นก็หันไปมองตี้ฝูอีต่อ “แต่นี่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่านางมิใช่คนร้ายที่ลอบปลงพระชนม์จอมมาร ใครจะรู้ได้ว่านางไม่ได้มาหลบซ่อนอยู่ที่นี่หลังจากที่ปลงพระชนม์จอมมารไปแล้ว?”
กู้ซีจิ่วงุนงง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเธอถึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยที่ลอบปลงพระชนม์จอมมารไปได้ล่ะ?!
ตอนที่จอมมารถูกลอบปลงพระชนม์ เธอกำลังรวบรวมหินผลึกอยู่ที่เนินหินผลึกไม่รู้หรือไง?
เหล่าขุนนางผู้ภักดีต่อผู้สำเร็จราชการที่อยู่ด้านข้างก็คล้อยตามทันที ถ้อยคำตัดสินกันไปแล้วว่ากู้ซีจิ่วคือคนร้าย เหตุผลของพวกเขามีอยู่สี่ข้อ หนึ่ง วรยุทธ์ของเธอยอดเยี่ยม มีต้นทุนพอจะสังหารจอมมารได้ สอง เธอไม่มีหลักฐานยืนยันที่อยู่ สาม หลังจากจอมมารถูกลอบสังหารได้ไม่นานเธอก็หายตัวไปเลย คล้ายว่าหลบหนีความผิด สี่ เป็นข้อสำคัญที่สุด ในคืนนั้นที่จอมมารถูกลอบสังหารองครักษ์คนหนึ่งที่ภักดีต่อจอมมาร เห็นเธอกระโจนออกมาจากตำหนักจอมมารกับตา ในที่เกิดเหตุยังมีปิ่นเล่มหนึ่งของเธอตกอยู่ด้วย
กู้ซีจิ่วฟังพวกเขาพูดกันอย่างเจ้าคำข้าคำ พูดกันอย่างมั่นใจ ยัดอาจมก้อนโตกองหนึ่งลงบนหัวเธอ
ฝูงชนเดือดพล่านกันไปชั่วขณะ คล้ายว่าเธอจะเป็นฆาตกรไปแล้ว
เธออดไม่อยู่ยิ้มออกมาแวบหนึ่ง และไม่มองตี้ฝูอีเลย ถามไปตรงๆ “ในอาณาจักรมารมีผู้ที่มีวรยุทธ์สูงกว่าจอมมารทั้งหมดแปดสิบแปดคน แปดสิบแปดคนนี้ล้วนมีกำลังพอจะสังหารจอมมารได้ทั้งสิ้น สอง ตอนที่จอมมารเกิดเหตุเป็นช่วงรุ่งสาง ตอนนั้นคนส่วนใหญ่ล้วนกำลังพักผ่อนอยู่…”