ตอนที่ 1232

Alchemy Emperor of the Divine Dao

คังซิวหยวนเองก็เผยสีหน้าเย็นชาใส่หลิงฮันเช่นกัน

ถึงมันจะเป็นความจริงที่หลิงฮันช่วยเหลือตำหนักฮันหลิงเอาไว้มาก ทั้งยังทำให้ตำหนักฮันหลิงมีชื่อเสียงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางยอมให้ใครกล่าวอ้างทักษะของอาจารย์เป็นทักษะของตัวเองอยู่ในตำหนักฮันหลิงนี้ได้ นี่เป็นการไม่ให้เกียรติอาจารย์ของพวกเขา

หลิงฮันหัวเราะและพึงพอใจกับปฏิกิริยาของศิษย์ทั้งสองคนนี้มาก จากนั้นเขาก็พูดว่า “เจ้าจะขับไล่ข้าออกจากตำหนักฮันหลิงอย่างนั้นหรือ?”

“พวกเราจะจ่ายให้ท่านมากพอ” คังซิวหยวนกล่าวอย่างเย็นชา

หลิงฮันพูดต่อว่า “พวกเจ้าไม่กลัวว่าข้าจะเข้าร่วมกับตำหนักเป่าหลินเลยรึ? พวกเจ้าควรรู้เอาไว้ว่าถ้าข้าเข้าร่วมตำหนักเป่าหลิน ตำหนักฮันหลิงของพวกเจ้าคงอยู่ได้ไม่ถึงสิบวัน และอาจจะต้องปิดกิจการ”

“หึ่ม ข้าไม่รู้หรอกว่าท่านเคยได้ยินคำพูดนี้หรือไม่ ยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์!” หยุนหยงหวังกล่าว

หลิงฮันปรบมือและพูดว่า “แล้วยังไง? มันก็แค่คำพูด”

“ท่านควรรีบออกไปจากตำหนักฮันหลิงของพวกข้าจะดีกว่า ส่วนรางวัลข้าจะส่งไปให้ท่านในอีกสองสามวันข้างหน้า” คังซิวหยวนกล่าว

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าจำได้ว่าในฤดูหนาวปีหนึ่ง ข้าเจอเด็กชายคนหนึ่งยืนหนาวสั่นอยู่หน้าโรงเตี๊ยม เมื่อเห็นเช่นนั้นข้าจึงสั่งก๋วยเตี๋ยวให้เด็กคนนั้นชามหนึ่ง จากนั้นเด็กคนนั้นก็ขอติดตามข้า ไม่ว่าข้าจะไปที่ไหนก็จะตามไปทุกที่”

เมื่อได้ยินที่หลิงฮันพูด ร่างกายของคังซิวหยวนสั่นสะท้านทันที แววตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง และรีบจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา

นั่นคือเหตุการณ์ที่เขากับอาจารย์เจอกันครั้งแรก เขาเป็นเด็กกำพร้าและเกือบตายเพราะความหนาวเย็น หลังจากที่ได้รับก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชาม เขาก็ขอติดตามหลิงฮันไปทุกที่

ต่อมา ด้วยความเพียรพยายามของเขา ในที่สุดหลิงฮันก็ยอมรับเขาเป็นศิษย์และเขาก็ไม่ทำให้หลิงฮันผิดหวังด้วยการแสดงพรสวรรค์ด้านปรุงยาให้หลิงฮันเห็น และเริ่มเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่เคยบอกใครมาก่อน!

นี่มัน…หมายความว่า…

หลิงฮันหันไปมองหยุนหยงหวังและพูดอีกครั้งว่า “ส่วนเจ้าคือนายน้อยแห่งตระกูลหยุน เนื่องจากเจ้าถูกคู่หมั้นทอดทิ้งเลยอยากยุติความสัมพันธ์อาจารย์กลับข้า เพราะกลับไปฝึกฝนวรยุทธและกลับไปตบหน้าคู่หมั้นของเจ้าสองที แต่น่าเสียดายที่เจ้ามีพรสวรรค์ด้านปรุงยามากกว่าด้านวรยุทธ และล้มเหลวในการเดินบนเส้นทางวิถีวรยุทธ แต่ท้ายที่สุดเจ้าก็กลายเป็นปรมาจารย์นักปรุงยา”

“หยงหวัง ข้ายังจำได้ว่าครั้งหนึ่งเจ้าเคยถักเสื้อคลุมตัวหนึ่งให้กับข้า แต่มันมีขนาดใหญ่เกินไป จนทำให้พี่น้องทั้งสามคนของเจ้าหัวเราะเรื่องนี้กว่าครึ่งปี”

“อาจารย์ อาจารย์!” หยุนหยงหวังตะโกน ถึงกระนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นอาจารย์ของเขาจริงๆ

หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “ในตอนที่ข้าเข้าไปสำรวจโบราณสถานแห่งนั้น ทำให้ข้าต้องจบชีวิตลง แต่จิตวิญญาณของข้ายังคงอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งพันปี ข้าก็เกิดใหม่ในร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง”

หยุนหยงหวังและคังซิวหยวนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ

ต้องทราบก่อนว่าแม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ บุปผาวิญญาณเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด และใช้เวลาหมื่นล้านปีถึงจะถือกำเนิดขึ้นมาหนึ่งดอก! แต่หลิงฮันสามารถจุติในโลกใบเล็กได้ นี่เป็นเรื่องที่ฝืนกฎสวรรค์ยิ่งนัก

ข้าควรเชื่อคำพูดของเขาหรือไม่?

หลิงฮันหัวเราะและหยิบนำสิ่งของที่พวกเขาทั้งห้าคนเคยใช้ร่วมกันมาก่อน

หยุนหยงหวังและคังซิวหยวนเริ่มตกตะลึงมากยิ่งขึ้น แม้ว่าสิ่งของที่หลิงฮันจะนำออกมาจะไม่ใช่ความลับอะไร ตอนนี้ยิ่งพวกเขาฟังที่หลิงฮันพูดเท่าไหร่ มันก็เริ่มทำให้พวกเขาเชื่อหลิงฮันมากขึ้นเรื่อยๆ

หลักฐานสำคัญที่สุดคือ นอกจากอาจารย์ของพวกเขาแล้ว ใครจะมีพรสวรรค์ด้านปรุงยาที่สูงกว่าเขาอีก?

หากเป็นอาจารย์ของพวกเขาจริง การเลื่อนระดับแปดด้วยเวลาแค่ครึ่งปี…บางทีอาจเป็นไปได้!

“อาจารย์!” หยุนหยงหวังและคังซิวหยุนรีบคุกเข่าลงพร้อมกับน้ำตา

หลิงฮันเองก็รู้สึกตื้นตันใจเช่นกัน เขายกมือขึ้นและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับข้าขนาดนั้น ถึงข้าจะไม่ได้เห็นหน้าพวกเจ้ามานานถึงหมื่นปี การที่พวกเจ้ายังอยู่ปลอดภัย และยังมีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านปรุงยาและด้านวรยุทธ แค่นี้ก็ทำให้ข้ามีความสุขมากแล้วที่ได้เป็นอาจารย์ของพวกเจ้า”

“อาจารย์-”  หยุนหยุงหวังและคังซิวหยวนหลั่งน้ำตาและพูดไม่ออก

“จริงสิ แล้วพี่น้องอีกสองคนของพวกเจ้าไปไหน?” หลิงฮันถาม

ในบรรดาศิษย์ทั้งสี่คน เฉินหลุยจิงคือพี่ใหญ่ หยุนหยงหวังคือพี่รอง คังซิวหยวนคือน้องสาม และเจียงเย่เฟิงคือน้องสี่

ใบหน้าของหยุนหยงหวังเปลี่ยนไปเล็กน้อย

หลิงฮันมองและพูดว่า “ข้ารู้ดีว่าจะต้องมีการทะเลาะกันระหว่างพี่น้อง หลังจากที่ข้าเห็นสมาคมน้ำแข็งนิรันดร์สองแห่งในทวีปเทียนฮง ข้าก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

“สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า?”

หยุนหยงหวังและคังซิวหยวนหันไปมองหน้ากันอีกครั้ง และหยุนหยงหวังก็พูดว่า “ข้าจะเป็นคนพูดเรื่องนี้เอง”

เขาหยุดหายใจครู่หนึ่งและพูดว่า “หลายร้อยปีต่อมาหลังจากที่อาจารย์เสีย-” เขาหยุดพูดอย่างกะทันหันและจ้องมองหลิงฮันด้วยสีหน้าเขินอาย

“ข้าไม่คิดมาก พูดต่อได้เลย” หลิงฮันพูดรอยยิ้ม

“ห้านิกายโบราณเริ่มเผยธาตุแท้ของพวกมันออกมาและในไม่ช้าก็เป็นภัยคุกคามต่อโลก ในเวลานั้นจอมยุทธทุกคนบนโลกต่างพากันลุกขึ้นสู้เพื่อต่อต้านการกดขี่ของห้านิกายโบราณ ทว่าห้านิกายโบราณมีรากฐานที่หยั่งลึกเกินไป ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ว่าพวกเราจะสามารถสังหารจอมยุทธขอบเขตพระเจ้าได้หลายคน แต่ในท้ายที่สุดพวกเราก็จบลงด้วยความล้มเหลว”

“อย่างไรก็ตาม บุตรสาวของจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งจากนิกายดาบสวรรค์ที่ลงมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาที่ทวีปฮงเทียนนั้น เกิดตกหลุมรักน้องสี่”

“หืม!” หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงอุทาน เจียงเย่เฟิงหล่อเหลาถึงขนาดำให้สาวงามจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตกหลุมรัก นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ

“และน้องสี่ก็หลงรักผู้หญิงคนนั้นจริงๆ แล้วอยากให้พวกเราทั้งสามตามเขาไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน แต่แน่นอนว่าพวกเราตอบปฏิเสธไป…” หยุนหยังหวังกล่าว

“เดิมทีพวกเราคิดที่จะตายบนแผ่นดินทวีปเทียนฮง แต่แม่ของอา- แต่เป็นเพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะที่พาพวกเรามาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อเป็นคำพูดของนาง พวกเราจะไม่เชื่อฟังก็ไม่ได้”

ในใจของศิษย์ทั้งสี่คนของเขานั้น สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะเป็นเหมือนแม่ของอาจารย์ คำพูดของนางน่าเกรงขามยิ่งกว่าคำพูดของอาจารย์ซะอีก

หลิงฮันส่ายหัว ถึงเมื่อก่อนเขาจะไม่สามารถเอาชนะสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะได้ แต่ตอนนี้…ไม่น่ามีปัญหา

“แล้วตอนนี้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะอยู่ที่ไหน?” หลิงฮันถาม น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความตื่นเต้น

“ถึงแม้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะเกิดบนโลกใบเล็ก แต่สายเลือดของนางนั้นแข็งแกร่งมาก หลังจากที่กลับเข้าสู่นิกายนกอมตะบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นางก็มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนวรยุทธ และใช้เวลาแค่สามพันปีเท่านั้นในการทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา ตอนนี้นางนางจะอยู่จุดสูงสุดของระดับสุริยันจันทราแล้ว” คังซิวหยวนกล่าว

“นางไม่พอใจกับการฝึกฝนของนิกาย และหลังจากทุ่มเทความพยายามอย่างหนักเพื่อนิกาย นางก็ประกาศว่าจะออกจากนิกายและพูดว่าตัวเองเป็นคนของตระกูล-“

เขาหยุดพูดและมองดูหลิงฮัน

หลิงฮันหงุดหงิดและพูดว่า “เจ้าคิดจะทำให้อาจารย์ของเจ้ารู้สึกสงสัยจนตายตาไม่หลับงั้นรึ?”

เขาพูดต่อว่า “นางอ้างว่าเป็นคนตระกูลหลิง”

หลิงฮันลูบคาง ถึงนางจะทำตัวโหดร้ายกับเขาอยู่เสมอ แต่นางก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นภรรยาของเขา ไม่ว่านางจะปากไม่ตรงกับใจแค่ไหน แต่เขาก็ชอบนาง!