ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 659 เรื่องยินดีนอกเหนือความคาดหมาย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอ ได้มาจากการหลอมเปลี่ยนซากของผู้อื่น ตอนแรกเป็นร่างของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ไม่อาจเปลี่ยนไปฝึกวิชาอื่นได้ง่ายๆ ดังนั้นจึงไม่เคยฝึกฝนวรยุทธ์ต้นกำเนิดสายหยกพิสุทธิ์อย่างคัมภีร์นภาไร้ขีดจำกัด หรือคัมภีร์พลิกฟ้ามาก่อน

แต่เยี่ยนจ้าวเกอมีวิชาที่เหมาะสมกับตัวมัน ทำให้พลังของมันยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง

วิชาคุนเผิงรกร้าง เป็นวรยุทธ์ที่มีชื่อเสียงก่อนวิกฤตการณ์ หลังจากเคล็ดวิชาลมกรดในตอนแรกสร้างรากฐานได้แล้ว

นับเป็นวรยุทธ์ระดับสูงสุดในการฝึกวิถีพลังคุนเผิงของมนุษย์ตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมา

เยี่ยนจ้าวเกอใช้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตเลียนแบบวิชาคุนเผิงรกร้าง ลงมือพร้อมกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก สะท้อนเป็นภาพตัวคุนเผิง

ชายชราผู้นั้นป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยพลังทั้งหมดเหมือนก่อนหน้า ยังพอจะต้านทานไว้ได้

ตอนนี้ลงมือจู่โจมเอง จึงไม่อาจถอยกลับ ถูกเยี่ยนจ้าวเกอม้วนตัวไว้ ส่งเข้าไปในวังฝูงมังกร

ครั้นเขาเข้ามา ประตูวังก็ปิดเสียงดังปัง จากนั้นก็จมลงสู่ทะเล ไปไกลในชั่วพริบตา

หลังจากเข้ามาในวังฝูงมังกร ชายชราผู้นั้นก็แค่นเสียง “เด็กน้อยเจ้าเล่ห์!”

เขาพลิกฝ่ามือ กระบี่ยาววาบวับปรากฏขึ้นในมือ ปราณกระบี่พรั่งพรู สภาวะดุดันทีเดียว

จากเรื่องเล่าที่ได้ยินมา เขารู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีกระบองไม้ไผ่ประหลาดแท่งหนึ่งที่สะกดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำได้ ชายชรายามนี้จึงไม่ได้ใช้กระบี่ที่ตัวเองพกติดตัวมาโดยตลอด

แต่ในตอนนี้ถึงเวลาสู้ตาย ชีวิตของตนเทียบกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ พิจารณาความสำคัญแล้ว ไม่ต้องบรรยายก็รู้ดี

ถ้าหากรอดชีวิตไปได้ ต่อให้กระบี่ได้รับความเสียหาย ก็ได้แต่ทำใจ ค่อยหาโอกาสทวงแค้นวันหน้า

“ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องไม่อาจสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์สำหรับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ดูจากท่าผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิงอย่างพวกท่านต่างมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ติดตัว ตระกูลไม่ใช่แค่มั่งมีแบบธรรมดาแน่” เยี่ยนจ้าวเกอเห็นในที่สุดเขาก็ใช้กระบี่ แต่กลับไม่สนใจ ในมือเปล่งแสงสีม่วง กระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าโผล่ขึ้นมา จากนั้นก็ฟาดใส่!

“…” อีกฝ่ายได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าแปลกประหลาดขึ้น

ขณะมองอาวุธศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นได้แก่หอกขนอีกาสังหารในมือ และเกราะเหมันต์ทระนงบนร่างของเยี่ยนจ้าวเกอ รวมถึงหอกมังกรมัจฉาที่อยู่ในมือร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ชายชราโมโหจนคับค้อง ไร้คำพูดอยู่ชั่วขณะ

ชายชราผู้นี้สงบจิตใจ กระบี่ยาวในมือเอียงลงนิ้วหนึ่ง

ประกายกระบี่เย็นยะเยือก ประสานกับวิชากระบี่กาลเคลื่อนคล้อย กลายเป็นสายรุ้ง เคลื่อนไหวทั่วท้องฟ้า

เขาหมายจะใช้การเปลี่ยนแปลงของท่ากระบี่ชิงชัย หลบหลีกกระบองไม้ไผ่สีเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอ โจมตีใส่ชายหนุ่มโดยตรง

ถ้าหากไล่ต้อนเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกให้หลีกทางได้ เขาจะมีโอกาสพุ่งออกจากวังฝูงมังกร

“โอ้ กระบี่ไม่เลว ใกล้เคียงกับระดับของหอกมังกรมัจฉา ในกลุ่มอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่างนับว่าโดดเด่นมาก”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเล็กน้อย แต่กลับทำให้สีหน้าของชายชราถมึงทึงกว่าเดิม

เพียงชมกระบี่ ไม่ได้ชมวิชากระบี่กับคน…

ทว่าชายชราไม่มีเวลาให้คับข้องใจแล้ว

กระบองไม้ไผ่สีเขียวกระจายไปทั่ว แสงอัสดงและรุ้งกินน้ำล้วนถูกทำลาย

หอกขนอีกาสังหารในมือเยี่ยนจ้าวเกอกับหอกมังกรมัจฉาในมือร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพาดขึ้นพร้อมกัน ขัดขวางกระบี่รุ้งพร่างพราวของชายชราผู้นั้นไว้

ในวินาทีถัดมา กระมองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าฟาดลง ทำให้ประกายกระบี่ของกระบี่รุ้งพร่างพราวริบหรี่ลง

ชายชราผู้นี้พลิกตัวหลบ กระบองไม้ไผ่ของเยี่ยนจ้าวเกอฟาดลงมาติดต่อกัน กลับฟาดใส่บ่าของเขา

เขาถูกฟาดร่างจนกายสั่นสะท้าน ถุงย่อส่วนใบหนึ่งหล่นออกมา

เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกายเล็กน้อย

ชายชราตกใจ เยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพุ่งเข้าหา หอกแล้วหอกเล่ากดดันอีกฝ่ายถอยหลัง

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกคว้ามือ ถุงย่อส่วนใบนั้นมาอยู่ในมือแล้ว

กลิ่นหอมกำจายที่ลอยออกมาจากด้านในเป็นกลิ่นที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้เมื่อครู่ มาจากบนร่างของชายชราผู้นี้อย่างที่คิดไว้

“หยุดมือ!” ชายชราร้อนใจ พุ่งเข้ามา กลับต้องถอยเพราะเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง

ปราณมังกรหลายสายในวังฝูงมังกรพุ่งลงด้านล่าง ล้อมชายชราผู้นั้นไว้ คิดขังเขาไว้ด้านในเหมือนกับโซ่ตรวน

ชายชราหลบหลีกซ้ายขวา ประกายกระบี่ของกระบี่รุ้งพร่างพราวกระจัดกระจายไปทั่ว โซ่ปราณมังกรพลันแตกร้าว

แต่อานุภาพเมื่อครู่ไม่มีผลอะไร กระบองไม้ไผ่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอฟาดมาอีกครั้ง

เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ไม่หวั่นวิตกแล้ว กลับเริ่มตั้งรับ ปกป้องประตูวังมังกรไว้อย่างแน่นหนา

ขอแค่ไม่ทำให้อีกฝ่ายหนีออกไปได้ก็พอแล้ว

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเขาถอยไปด้านข้าง ก่อนจะเปิดถุงย่อส่วนออก

ถึงจะไม่เคยเห็นของจริง เพียงแค่เคยอ่านคำบรรยายที่อยู่ในบันทึกคัมภีร์โบราณ ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอมองแวบแรกก็แน่ใจว่า เครื่องหอมชนิดหนึ่งที่บรรจุไว้ในถุงย่อส่วน คือเครื่องหอมบรรจุฟ้าที่ตนคาดเดาไว้ก่อนหน้า

มิติในถุงย่อส่วนกว้างใหญ่ แต่ในตอนนี้กลับถูกยัดไว้จนเต็ม ของที่อยู่ด้านในมีแค่ไม่กี่ชนิด แต่ว่าของแต่ละชนิดมีจำนวนมหาศาล

ยกตัวอย่างเช่นเครื่องหอมบรรจุฟ้า เกรงว่าจะมีมากกว่าหนึ่งร้อยชั่ง จำนวนของของวิเศษอย่างอื่นอลังการยิ่งกว่า

ของบางอย่างก็หายากถึงขีดสุด จำนวนที่มหาศาลเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้

มีของบางอย่างถึงแม้จะหายากเช่นกัน แต่คุณค่าค่อนข้างมีจำกัด มีประโยชน์เพียงไม่กี่อย่าง ไม่ได้ล้ำค่าแต่อย่างไร

เมื่อของหลายอย่างวางไว้ด้วยกัน ให้คนธรรมดามาดู คงไม่ได้เชื่อมโยงกับอะไร

ต่อให้เป็นขุมกำลังแดนศักดิ์สิทธิ์ด้านวรยุทธ์ขุมต่างๆ อย่างสำนักความมืด สำนักแสงสว่าง และหอกระบี่ทะเลเหนือ เมื่อเห็นของเหล่านี้ สิ่งที่ให้ความสนใจก็มีเพียงแค่ของวิเศษที่ค่อนข้างล้ำค่าไม่กี่ชนิดเท่านั้น

แต่ว่าในสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ รู้สึกเหมือนจู่ๆ มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น

‘เครื่องหอมบรรจุฟ้า ผลึกปอดแดนทะเล ดินกำเนิดจักรภพ…’ เยี่ยนจ้าวเกอสายตาเคร่งเครียดขึ้น ‘ทั้งยังมีอีกหลายอย่าง เป็นวัตถุดิบตั้งค่ายกลที่ค่ายกลบูชาฟ้าต้องการในการติดต่อกับมารดาแห่งแผ่นดิน’

มารดาแห่งแผ่นดิน มีชื่อเต็มว่า ‘มารดาแห่งแผ่นดินผู้มีธรรมและเมตตาสืบทอดหลักแห่งฟ้า’ หรือ ‘มารดาแห่งแผ่นดินผู้สืบทอดหลักแห่งฟ้า’

โบราณมีคำพูดว่า จักรพรรดิธรณี จักรพรรดิอยู่บน ธรณีอยู่ด้านล่าง

‘ธรนี’ ในที่นี้ หมายถึงมารดาแห่งแผ่นดิน หรือพระแม่ธรณีที่คนทั่วไปเรียกขาน

ศาสนาเต๋ามีการอธิบายถึงสามพิสุทธิ์สี่เทวราช สามพิสุทธิ์หมายถึงเทพเจ้าทั้งสาม[1] ไม่ต้องอธิบายให้มากความ

ส่วนมารดาแห่งแผ่นดินก็คือหนึ่งในสี่เทวราช ควบคุมหยินหยาง เลี้ยงดูสรรพสิ่ง เหมือนกับพระแม่ธรณี

ก่อนวิกฤตการณ์ ในยุคแห่งตำนานที่นานกว่านั้น ถือเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เหนือเหล่าธรรมบาล

เยี่ยนจ้าวเกอมองสิ่งของในมือของตัวเอง ความคิดมากมายนับไม่ถ้วนแวบขึ้นในสมอง

ผู้วิเศษเซิงหรือแม้แต่พวกไท่จูเสวียนเหวินอ๋องผู้ก่อตั้งแผ่นดินแห่งราชวงศ์อ๋องต่างมาจากนอกทะเลหวงเจีย ตั้งกองทัพอยู่ที่นี่ เป็นเพราะอะไรกันแน่?

ค่ายกลบูชาฟ้าไม่มีประโยชน์อย่างอื่น เป็นค่ายกลที่คนเบื้องล่างสร้างขึ้นเพื่อนึกถึงและขอบคุณความสามารถของมารดาแห่งแผ่นดินในยุคก่อนวิกฤตการณ์ เนื่องจากบุคคลที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ปกติไม่ได้พำนักอยู่ในวังเทพ เนื่องจากสถานการณ์พิเศษของตัวเอง

มาถึงยุคสมัยนี้ กลับมีคนสร้างค่ายกลนี้ขึ้น กอปรกับรักษามาเป็นเวลาหลายปี คิดจะทำอะไรกันแน่?

วัสดุและของวิเศษเหล่านี้ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องหลายปีมานี้น่าจะตั้งใจรวบรวมตั้งแต่แรก

น่าเสียดายที่เนื่องจากเกิดการต่อต้านต้าเสวียน สถานที่หลายแห่งหลุดจากการควบคุมของราชวงศ์ต้าเวียนอ๋อง ตกไปอยู่ในมือของขุมกำลังต่างๆ อย่างเช่นหอกระบี่ทะเลเหนือ

วัตถุดิบที่สะสมไว้ก่อนหน้าค่อยๆ หมดไป…

หรือว่านี่จะเป็นเหตุผลที่ลูกศิษย์ของผู้วิเศษเซิงต้องออกจากสำนัก? ไม่ใช่เพราะสนใจว่าแผ่นดินของราชวงศ์ต้าเวียนอ๋องจะมั่นคงหรือไม่

ปัจจุบันราชวงศ์ต้าเวียนอ๋องได้เปรียบ ทวงคืนดินแดนกลับมาและช่วงชิงทรัพยากรล้ำค่ามากมายมาได้ จึงดำเนินการรวบรวมต่อทันที

เช่นนั้นพวกเขาสร้างค่ายกลบูชาฟ้าขึ้นมาเพื่ออะไรกันแน่?

พบเจอโบราณสถานของผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ที่ทะเลหวงเจียอย่างเหนือความคาดหมาย เลยลองขุดค้นหรือ?

หรือพวกเขาคิดจะตามหามารดาแห่งแผ่นดิน?

ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้หลังจากวิกฤตการณ์ยังมีชีวิตอยู่หรือ?

ตามเหตุผลสมควรยังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าหากวิกฤตการณ์ในตอนนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์กระทำไม่ใช่ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่นนั้นก็บอกยากแล้ว…

หลังวิกฤตการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในโลกต่างๆ เช่นโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร หรือเมื่อมาถึงโลกซ้อนโลก ล้วนได้ยินข่าวการสำแดงอิทธิฤทธิ์ของผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดก่อนวิกฤตการณ์น้อยมาก

เยี่ยนจ้าวเกอเลียริมฝีปาก ‘เป็นเรื่องยินดีเหนือความคาดหมายจริงๆ’

……………………………………….

[1] เทพเจ้าทั้งสาม ได้แก่ หยวนสื่อเทียนจวิน เต้าเต๋อเทียนจวิน หลิงเป่าเทียนจวิน