“จวิ้นเอ๋อร์… ” สีหน้าของตงหลิงหวงเปลี่ยนไปในทันที มือที่พยุงตงหลิงจวิ้นสั่นเทาเล็กน้อย
“พี่หวง… ”
ตงหลิงจวิ้นกำลังจะเปิดปากพูด เลือดสีแดงปนดำก็ไหลออกมาจากมุมปากของเขา
ในช่วงเวลาสั้นๆ เบ้าตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำ ริมฝีปากเป็นสีม่วง ใบหน้าซีดขาว อาการอันตรายเป็นอย่างมาก
ตงหลิงหวงรีบพยุงตงหลิงจวิ้นลุกขึ้นนั่ง “นั่งลง พี่จะช่วยเจ้าขับพิษออก เจ้าจะไม่เป็นอันใด”
ร่างกายของตงหลิงจวิ้นสั่นเทาไม่หยุด หลังจากตงหลิงหวงพยุงขึ้นนั่ง เขาก็ล้มลงกับพื้น ร่างอ่อนปวกเปียกเหมือนดินโคลน
ตงหลิงหวงช่วยพยุงอยู่หลายครั้ง ทว่าเขาไม่สามารถนั่งนิ่งได้
ท้ายที่สุด ตงหลิงหวงจึงทำได้เพียงจัดให้เขานอนตะแคงบนพื้น และคว้ามือของเขามาส่งพลังภายในเข้าสู่ร่างกาย
ทว่าพลังภายในที่ส่งเข้ามานั้น ราวกับส่งลงไปในก้นเหวลึก ไม่สามารถรวบรวมได้เลย ไม่ช่วยเหลืออันใดแม้แต่น้อย
สุดท้าย ตงหลิงหวงก็อ่อนแรงลง หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อขนาดเท่าเมล็ดถั่ว เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่ม
ในกลุ่มเชื้อพระวงศ์ ต่างกล่าวกันว่ามีเพียงการแย่งชิงอำนาจที่โหดเหี้ยมที่สุด บางครั้ง แม้แต่บิดาของเขายังวางแผนต่อต้านนาง ทว่าในกลุ่มเชื้อพระวงศ์นี้ มีเพียงตงหลิงจวิ้นเท่านั้นที่เป็นดั่งน้ำใส เขาไม่เคยแย่งชิงกับนาง ไม่เคยคิดเป็นปรปักษ์กับนาง และดีต่อนางเสมอมา
เชื้อพระวงศ์แคว้นตงเฉินมีทายาทไม่กี่คน ตั้งแต่เด็ก นางไม่มีน้องสาว น้องชาย พี่สาว และพี่ชาย มีเพียงลูกพี่ลูกน้องผู้นี้เท่านั้นที่เป็นเพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของนางตั้งแต่วัยเด็ก เขาเป็นคนที่นางสนิทที่สุด และเป็นคนที่ปฏิบัติต่อนางอย่างดีที่สุดนอกจากมารดาของนาง ในกลุ่มเชื้อพระวงศ์ที่เย็นชาและไร้ความปรานีนี้ เขาดีต่อนางมากที่สุด
นางไม่เคยคิดทอดทิ้งเขา
ทอดทิ้ง…
เมื่อคิดว่าตงหลิงจวิ้นกำลังจะจากนางไป ตงหลิงหวงก็แทบเป็นบ้า นางถ่ายเทกำลังภายในเข้าสู่ร่างกายของตงหลิงจวิ้นอย่างสุดชีวิต
ตงหลิงจวิ้นหันหลังกลับมา และยื่นมือที่สั่นเทาของเขาออกไปจับมือตงหลิงหวงอย่างยากลำบาก
“พี่หวงอย่า อย่าทำเช่นนี้ ท่านอาจตายได้! ”
ใบหน้าของตงหลิงหวงเปียกโชก แยกไม่ออกเลยว่าเป็นเหงื่อหรือน้ำตาที่ไหลลงมาบนใบหน้าของนาง นางจับมือตงหลิงจวิ้นและยังคงถ่ายเทพลังภายในตลอดเวลา
“จวิ้นเอ๋อร์ ต่อให้ต้องตาย พี่จะต้องช่วยเจ้า อดทนเอาไว้! เจ้าคือน้องชายที่แข็งแกร่งที่สุดของพี่ เจ้าต้องอดทน พี่ช่วยเจ้าได้อย่างแน่นอน! ”
ตงหลิงจวิ้นไม่รู้ว่าจู่ๆ พลังมาจากที่ใด เขาพยายามนั่งและกอดตงหลิงหวงเอาไว้
“อย่า… ท่านพี่อย่าทำเช่นนี้! จวิ้นเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเดือดร้อน! ”
“จวิ้นเอ๋อร์… ” ทันทีที่ตงหลิงหวงเอ่ยปากพูด น้ำตาของนางก็ไหลอาบสองแก้ม
“จวิ้นเอ๋อร์หนาวยิ่งนัก! พี่กอดจวิ้นเอ๋อร์ให้แน่นหน่อยได้หรือไม่? หนาว… ”
มือของตงหลิงหวงที่กำลังจะถ่ายเทพลังภายในให้ตงหลิงจวิ้นค่อยๆ เลื่อนลงไปกอดตงหลิงจวิ้นแนบแน่น
“ตกลง! ”
เมื่อเอ่ยคำว่า ‘ตกลง’ ออกมา ตงหลิงหวงก็ทนไม่ไหวและร้องไห้อย่างขมขื่น
“จวิ้นเอ๋อร์ พี่ขอโทษ! พี่ต้องขอโทษเจ้า หากพี่มาเร็วกว่านี้ หากพี่มาเร็วกว่านี้ เจ้าจะไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ พี่ขอโทษเจ้า! ”
“แค่ก แค่ก แค่ก… ”
ตงหลิงจวิ้นไออย่างต่อเนื่อง เลือดสีดำเข้มข้นทะลักออกมาจากปากของเขาทีละนิด ทว่าเพื่อไม่ให้ตงหลิงหวงกังวลและโศกเศร้ามากเกินไป เขาจึงพยายามกล้ำกลืนเลือดพิษเข้าไปอีกครั้ง ทำให้เขาหายใจไม่ออก แก้มแดงก่ำ
ในที่สุด เขาก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป มือของเขาจับแขนตงหลิงหวงแน่น “เจ็บ พี่หวง จวิ้นเอ๋อร์เจ็บยิ่งนัก เจ็บมากจริงๆ ท่านพี่… ปลิดชีพข้าเถิด! ปลิดชีพข้าเสียเถิด! ”
แผ่นหลังของตงหลิงหวงแข็งทื่อ ทันใดนั้น ความเย็นยะเยือกก็เลื่อนจากศีรษะไปจนถึงฝ่าเท้า
นางจะลงมือกับตงหลิงจวิ้นได้อย่างไร? ทว่าเมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดทุกข์ทรมานของตงหลิงจวิ้น คำอ้อนวอนขอความตาย หัวใจของนางก็รู้สึกราวกับถูกมีดเชือดเฉือน
“ท่านพี่ ข้าเจ็บ เจ็บยิ่งนัก! ท่านพี่ จวิ้นเอ๋อร์ทรมานมากจริงๆ ท่านพี่ช่วยเหลือข้าเถิด ปลดปล่อยข้าไปเถิด… ”
เสียงอ้อนวอนของตงหลิงจวิ้นดังก้องอยู่ในหูของตงหลงหวงครั้งแล้วครั้งเล่า ภายในใจของนางสับสน พลางหลับตาลงอย่างอ่อนแรง ครู่หนึ่ง เมื่อนางลืมตาขึ้น แววตาของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ นิ้วของนางสั่นเทา ก่อนจะหยิบมีดพกออกมาจากอกเสื้อ
“จวิ้นเอ๋อร์ไม่ต้องห่วง พี่จะล้างแค้นให้เจ้าอย่างแน่นอน คนที่ทำร้ายพวกเรา พี่จะไม่ปล่อยไปสักคน”
ชั่วพริบตา ในความคิดของตงหลิงหวง นางได้นึกถึงแผนการสังหารพระสนมน่าหลานหลายวิธี นางจะต้องทำให้พระสนมน่าหลานตายทั้งเป็น
ตงหลิงหวงเจ็บปวดใจ นางยกมีดพกในมือขึ้น
ทว่าในวินาทีสุดท้ายของชีวิต ตงหลิงจวิ้นยังหวาดกลัว ขณะที่มีดพกกำลังจะแทงลงมา เขาหวาดกลัวจนคว้าเสื้อของตงหลิงหวงแน่น
เกิดเสียงดัง ‘ตุก’ ขวดกระเบื้องโบราณสวยงามหลุดออกมาจากแขนเสื้อของตงหลิงหวง หลังจากกลิ้งไปสองครั้ง ฝาขวดก็ถูกเปิดออก ปรากฏยาเม็ดสีดำเข้มเปล่งแสงเจิดจ้า
ตงหลิงหวงหยุดชะงัก ทันทีที่นางเห็นยาเม็ดนั้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังพลันเปล่งประกาย
นางโยนมีดพกทิ้งและรีบคลานไปหยิบยาเม็ดนั้นทันที
ตงหลิงหวงร่ำไห้ด้วยความดีใจ “ข้าลืมไปได้อย่างไร? จวิ้นเอ๋อร์ เจ้ารอดแล้ว เจ้ารอดแล้ว”
นางพูดพลางเปิดปากตงหลิงจวิ้นโดยไม่อธิบายเพิ่มเติม และรีบป้อนยาเม็ดเข้าไปในปากของเขา
ตงหลิงจวิ้นยังรู้สึกเจ็บปวด ร่างกายของเขายังคงสั่นเทา
ตงหลิงหวงพยุงตงหลิงจวิ้นขึ้นนั่ง และถ่ายเทพลังภายในเข้าไปในร่างกายของเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ เพื่อขับสารพิษออกจากร่างกายของเขา นางจึงถ่ายเทพลังภายในอย่างหนักหน่วงเกินไป
ทว่าครั้งนี้ นางทำเพื่อช่วยให้ยาในร่างกายสลายอย่างรวดเร็วและทำให้ออกฤทธิ์เร็วขึ้น
เป็นจริงดั่งคาด หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ท่าทางเจ็บปวดของตงหลิงจวิ้นก็ลดลงอย่างมาก ดวงตาที่ดำคล้ำและริมฝีปากสีม่วงค่อยๆ จางลง
จนกระทั่งท่าทางที่แสดงถึงสารพิษในร่างกายของเขาหายไปหมดสิ้น ตงหลิงหวงจึงค่อยๆ ถอนพลังภายในกลับคืน
ตงหลิงจวิ้นร่วงลงในอ้อมแขนของตงหลิงหวง
“จวิ้นเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง? ”
ตงหลิงจวิ้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง
“ท่านพี่ ข้า… เกิดอันใดขึ้นกับข้า ข้า… ยังไม่ตายหรือ? ”
“เด็กโง่ หยุดพูดเรื่องตายได้แล้ว เจ้าดวงแข็ง ยมบาลยังไม่มารับตัวเจ้า”
“แค่ก แค่ก! ”
ตงหลิงจวิ้นไอออกมาสองครั้งด้วยความตื่นเต้น ไม่มีเลือดไหลออกมาจากปากของเขาอีกแล้ว
“ท่านพี่ เมื่อครู่ท่านให้ข้าทานสิ่งใดหรือ? ”
“ยาคืนวิญญาณ! ”
“ยาคืนวิญญาณ? แค่ก แค่ก… ”
เมื่อตงหลิงจวิ้นได้ยินชื่อยาคืนวิญญาณ เขาก็ตกตะลึงและไอออกมาอย่างหนักสองครั้ง
เขาไม่คิดว่าจะได้พบยาคืนวิญญาณนี้ มันเป็นยาวิเศษระดับสุดยอด เขาเคยอ่านจากหนังสือเท่านั้น และกล้ารับรองว่าไม่มีใครในอาณาจักรเทียนเหอที่สามารถหลอมยาชนิดนี้ออกมาได้
แม้จะมี… บุคคลผู้นั้นคงพบตัวได้ยากอย่างมาก และเป็นผู้ที่คนธรรมดาอย่างพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
เช่น… จิ่วหรง เป็นต้น
ไม่คิดเลยว่าพี่หวงจะมียาคืนวิญญาณอยู่กับตัว