อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2004 ผมน่ะถ่อมตัว
“บังอาจ! คุณรู้ไหมว่ากำลังยืนอยู่ตรงหน้าใคร?”
เห็นชายหนุ่มก้าวเข้ามาและพูดจาอาจหาญ ชายชราที่ยืนอยู่ข้างผู้อาวุโสไป๋เย่หน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที
ผู้อาวุโสไป๋เย่คือท่านปู่ของไป๋เหรินชิง จึงมีสิทธิ์ที่จะออกรับแทนพฤติกรรมของไป๋เหรินชิงได้…เพียงแต่เขายังไม่สะดวกที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงตอนนี้ อันเนื่องมาจากสถานภาพที่มีอยู่ในสำนักดาบ
คุณคิดว่าคุณเป็นใครถึงเข้ามาก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวของพวกเขา?
“ผมกำลังพูดกับเขา คนนอกอย่างคุณออกไปให้ไกลๆ!” จางเซวียนคำรามขณะกวัดแกว่งดาบใส่อีกฝ่าย
ชายชรานึกไม่ถึงว่าจางเซวียนจะกล้าเล่นงานเขา เขาอดไม่ได้ที่จะคำรามพร้อมกับหัวเราะลั่น “คุณกล้าดีอย่างไร! เข้ามาสิ ขอผมดูหน่อยว่าคุณเก่งกาจแค่ไหน ผมจะยอมรับคุณเลยถ้าคุณต้านทานกระบวนท่าของผมได้ถึง 3 กระบวนท่า…”
ตุ้บ!
แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะพูดจบ ศีรษะของเขาก็กลิ้งหลุนๆไปกับพื้น
เขาชักดาบออกมาเพื่อปัดป้องการโจมตีของชายหนุ่มแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มเล็ดลอดผ่านการป้องกันตัวของเขาได้!
“พูดจาเหลวไหลไร้สาระ” จางเซวียนคำรามหลังจากตัดหัวชายชราด้วยการฟันฉับเดียว “หมอนี่พูดจาเลอะเทอะ ไม่ต้องใส่ใจเขาหรอก เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากกว่านี้อีกแล้ว ถ้าแม้แต่ศิษย์สายตรงผู้ทรงเกียรติของสำนักดาบเมฆเหินของเรายังคิดจะชักดาบ แล้วความน่าเชื่อถือของพวกเราจะเหลืออะไร?”
“พ่อหนุ่มที่อยู่ตรงนั้นน่ะ พวกเราเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูด แต่ไม่คิดว่าคุณจะมีสิทธิ์พูดแทนไป๋เหรินชิงนะ พวกเราอยากฟังจากปากของเธอเอง!” ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนหนึ่งคำราม
ไม่มีทางที่พวกเขาจะเต็มใจยอมเสียเงินที่หามาด้วยความยากลำบาก เมื่อมีใครสักคนลุกขึ้นมาพูดว่าทุกอย่างเป็นแค่เรื่องล้อเล่น ทุกคนก็รู้สึกราวกับว่าในที่สุดก็พบลำแสงแห่งความหวัง แต่ยังไม่ทันจะได้ดีอกดีใจ หมอนี่ก็พรวดพราดเข้ามาพร้อมกับปัดคำพูดเหล่านั้นตกไปอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นธรรมดาที่บรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดที่อยู่บริเวณนั้นจะไม่รู้สึกดีกับชายหนุ่มคนนี้สักเท่าไหร่
อีกอย่าง พวกเขาก็ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหมอนี่ทรงพลังแค่ไหน
ชายหนุ่มสังหารชายชราที่ยืนอยู่กับผู้อาวุโสไป๋เย่ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่เพราะชายชรา ได้ปลอมตัวเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งเมื่อเข้าสู่หอนิรันดร์ ทุกคนจึงคิดว่าเขาเป็นแค่นักรบไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่งที่ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง เขาถูกสังหารอย่างง่ายดายเกินไปจนความอ่อนแอของเขาดูจะโดดเด่นกว่าพละกำลังของชายหนุ่มเสียอีก
ไม่มีใครคิดว่าแท้ที่จริงแล้วชายชราผู้นี้จะเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของพวกเขา
“อ้อ? เท่าที่ผมฟังจากที่พวกคุณพูดมา ดูเหมือนพวกคุณไม่เต็มใจจะชดใช้นะ?” จางเซวียนตั้งคำถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องพบเจอกับความหน้าไม่อายแบบนี้จากบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด!
เมื่อครู่นี้ยังตกลงกันดิบดี แต่ก็บิดพริ้วทันทีเพียงเพราะไป๋เหรินชิงถูกฆ่าและยังไม่กลับมา…
จริงๆเลยนะ คนบางคนก็หน้าไม่อายได้ขนาดนี้เมื่อมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง!
“พวกเราไม่ได้คิดจะชักดาบ แต่คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินเรื่องนี้ อันที่จริง ผมคิดว่าคำพูดของสหายที่อยู่ตรงนั้นฟังดูมีเหตุผล ในฐานะหลานสาวของผู้อาวุโสที่ 3…ไป๋เหรินชิงไม่ใช่คนที่จะขัดสนเงินทอง แน่นอนว่าเหตุผลเดียวที่เธอออกความคิดเรื่องการพนันก็น่าจะเป็นเพราะต้องการสร้างความกดดันให้พวกเรา จริงไหม?” ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดที่พูดขึ้นก่อนหน้านี้หันไปตั้งคำถามกับผู้อาวุโสไป๋เย่ “ใช่หรือเปล่า สหาย?”
“ใช่ มันเป็นอย่างนั้นแหละ…” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตอบ “เหตุผลเดียวที่เหรินชิงทำแบบนั้นลงไปก็เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้พวกคุณ โดยหวังว่าจะทำให้การดวลเป็นไปอย่างชอบธรรมกว่าเดิม ไม่มีเหตุผลเลยที่เธอจะเที่ยวอยากได้เงินของใครต่อใคร…”
แต่ยังไม่ทันที่ผู้อาวุโสไป๋เย่จะพูดจบ ประกายคมปลาบของดาบก็วาบเข้าตา
“อะไรกัน?”
เขาหันขวับไป ผู้อาวุโสไป๋เย่เห็น ‘ผมน่ะหล่อมาก’ ฟาดฟันดาบเข้าใส่เขา
ผู้อาวุโสไป๋เย่เลิกคิ้วด้วยความไม่พอใจขณะชักดาบออกมาเพื่อปัดป้องการโจมตีนั้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้ยื่นมือออกไป ก็พลันรู้สึกเย็นเยือกที่ข้อมือ
เมื่อก้มลงมอง ก็เห็นว่าข้อมือของเขาถูกตัดออกไปแล้ว ดาบในมือของเขาร่วงลงไปกองกับพื้น
“เฮ้ย…” ผู้อาวุโสไป๋เย่หรี่ตาด้วยความพรั่นพรึง
ในฐานะหนึ่งในสามผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักดาบเมฆเหิน เขาสำเร็จวรยุทธนักรบอมตะขั้นสูงนานแล้ว ทำให้เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปที่ถูกลืม
โดยเฉพาะศิลปะเพลงดาบของเขา มีนักรบไม่มากนักที่เทียบชั้นกับเขาได้
แต่ตอนนี้ ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร ข้อมือก็ถูกตัดออกไปเสียแล้ว!
จริงอยู่ว่าอีกฝ่ายโจมตีเขาอย่างกะทันหัน แต่ด้วยความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบ เขาน่าจะรับมือกับมันได้อย่างง่ายดาย ดูเหมือนอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก!
ไม่แปลกใจแล้วที่เพื่อนเก่าของเขาถูกสังหารด้วยการฟันฉับเดียว เขาคิดว่าอีกฝ่ายไม่ยอมถอยเพราะเกรงจะถูกเปิดเผยตัวตน แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนเขาไม่มีโอกาสได้ถอยเลยมากกว่า
ทั่วทั้งสำนักดาบเมฆเหินแห่งนี้ นอกเสียจากท่านเจ้าสำนัก ก็มีเพียงคนเดียวที่สามารถกำจัดเพื่อนเก่าของเขาได้ ทั้งยังตัดข้อมือของเขาได้อย่างง่ายดายด้วย ผู้นั้นคืออัจฉริยะที่สามารถทำความเข้าใจเจตนาของเพลงดาบของเทพเจ้า, ผมน่ะถ่อมตัว!
ผมน่ะหล่อมาก*…*ผมน่ะถ่อมตัว
เมื่อทั้งสองชื่อเข้ามารวมกันในหัวสมองของผู้อาวุโสไป๋เย่ ความจริงก็ปรากฏทันที “คุณนี่เอง…”
เหตุผลที่ผู้อาวุโสไป๋เย่นึกไม่ถึงมาตลอดไม่ใช่เพราะเขาสมองทื่อ แต่เป็นเพราะความจริงที่รู้กันอยู่ว่าผมน่ะถ่อมตัวเป็นแค่นักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึก และสำหรับหอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด ผู้ที่เข้ามาได้จะต้องมีวรยุทธขั้นเสมือนอมตะระดับล่างเป็นอย่างน้อย
ด้วยความเหลื่อมล้ำระหว่างวรยุทธทั้งสองขั้น ยากเหลือเกินที่จะจินตนาการได้ว่าผมน่ะถ่อมตัวจะสามารถฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จภายในระยะเวลาเพียงไม่นาน
แต่หลังจากที่อีกฝ่ายสำแดงศิลปะเพลงดาบอันล้ำลึกออกมา เขาคงโง่เง่าเต็มทีหากยังปะติดปะต่อเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้
แต่ยังไม่ทันที่ผู้อาวุโสไป๋เย่จะพูดจบ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ลิ้น ดาบเล่มหนึ่งแทงเข้าไปในปากของเขา และด้วยการสะบัดอย่างรวดเร็ว ทั้งลิ้นและฟันของเขาก็ถูกทำลายด้วยกระแสดาบฉีสายหนึ่ง เลือดพุ่งกระฉูดออกจากปากขณะที่เขาพูดอะไรไม่ออกเพราะความเจ็บปวดแสนสาหัส
“อย่าพยายามหาเรื่องผม ถ้าผมโมโหขึ้นมาล่ะก็ แม้แต่ตัวผมก็ยังกลัวตัวเอง!” จางเซวียนจ้องหน้าผู้อาวุโสไป๋เย่อย่างเย็นชา
“อ๊ากกกกก!” ผู้อาวุโสไป๋เย่โอดครวญ
มีคำพูดมากมายที่เขาอยากพูด แต่พูดไม่ได้เพราะสภาพร่างกายที่เป็นอยู่ เขาพยายามใช้โทรจิตสื่อสารกับอีกฝ่าย แต่ก็ถูกปัดป้องออกไป
แม้หอนิรันดร์จะมีธรรมชาติของการเป็นภาพลวงตา แต่ความเจ็บปวดนั้นเป็นของจริง แค่ถูกตัดข้อมือก็เพียงพอจะทำให้ใครสักคนกรีดร้องเป็นชั่วโมงแล้ว แต่ตอนนี้ทั้งลิ้นกับฟันของเขาก็ถูกกระแสดาบฉีทำลายหมด เหงื่อเย็นๆผุดออกจากหน้าผากของผู้อาวุโสไป๋เย่ ร่างของเขาสั่นสะท้านไม่หยุด
ไม่น่าเชื่อว่าตัวเขาซึ่งเป็นถึงนักรบอมตะขั้นสูงผู้ทรงพลัง อีกทั้งเป็นหนึ่งในกลุ่มอำนาจใหญ่ผู้ทรงเกียรติของทวีปที่ถูกลืมจะต้องตกอยู่ในสภาพนี้เพราะการฟาดฟันเพียง 2 ครั้ง
“คุณรนหาที่ตายแล้ว!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในช่วงเวลาเพียง 2 อึดใจ และในตอนนั้นเองที่ไป๋เฟิงเพิ่งได้สติ ความโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงระเบิดออกจากตัวเขา
อวดดีนัก*!เจ้าหนุ่มนี่กล้าดีอย่างไรถึงเล่นงานผู้อาวุโสไป๋เย่?รนหาที่ตาย!*
ไป๋เฟิงถือดาบไว้แน่นและพุ่งเข้าใส่จางเซวียน แต่ยังไม่ทันที่ปลายดาบจะได้เข้าใกล้อีกฝ่าย ก็พลันรู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอ
ตุ้บ!
ศีรษะของเขาร่วงลงไปกลิ้งกับพื้น
“คุณคือ…”
ขณะที่ไป๋เฟิงพบว่ากำลังจ้องมองเท้าของตัวเอง ก็เพิ่งถึงบางอ้อว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะถูกสังหารโดยคนคนเดียวกันภายในระยะเวลาเพียงวันเดียว…
ไป๋เฟิงอยากปล่อยโฮเต็มที
หลังจากเล่นงานชายจุ้นจ้านทั้งสามแล้ว จางเซวียนเหลียวมองฝูงชนและพึมพำเสียงเย็น “มีใครที่ยังคิดว่าไป๋เหรินชิงแค่ล้อเล่นอยู่ไหม?”
เขาอยากเก็บเนื้อเก็บตัวและไม่อยากมีปัญหากับใคร แต่คนพวกนี้กล้าคิดจะชักดาบ…คงไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังแหย่เสือหลับ!
คุณเคยได้ยินคำพูดที่เขาว่ากันว่า*‘อย่าย้อนเกล็ดมังกร’ไหม?*
จางเซวียนรู้ดีว่าคำพูดของเขาไม่ได้มีน้ำหนักมากมายอะไร จึงจำเป็นจะต้องสร้างอำนาจของตัวเองให้เกิดขึ้นเสียก่อน เขาจึงตัดสินใจสังหารเจ้าสามคนปากดีนั่นทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เพราะหากไม่ทำแบบนั้น คนอื่นๆก็มีแต่จะเพิกเฉย ราวกับเขาคือคนที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร
“สหาย คุณไม่รู้สึกบ้างหรือว่ามันไม่เหมาะสมที่จะเล่นงานพวกเขาอย่างโหดร้ายแบบนั้น? ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร?” ศิษย์สายตรงคนหนึ่งก้าวเข้ามาและตั้งคำถาม
เมื่อเห็นผู้ที่เข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ทุกคนเงียบกริบทันที
เธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจากศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้รั้งอันดับ 3 หลิวยู่เหลียน!
หลังจากถูกสังหาร เธอก็รีบกลับเข้ามาใหม่พร้อมกับตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอีกอันหนึ่ง และเพื่อให้แน่ใจว่าคนอื่นๆจะยังจดจำเธอได้ จึงเลือกใช้รูปลักษณ์เดิม
“คุณก็จะไม่ยอมใช้หนี้เหมือนกันหรือ?” จางเซวียนมองเธอและคำรามเยาะ
“ฉันเชื่อมั่นในบุคลิกและนิสัยของไป๋เหรินชิง ไม่มีทางที่เธอจะยอมรับเงินจาก…” หลิวยู่เหลียนพูดไปได้เพียงครึ่งประโยค ก็พลันรู้สึกว่ากำลังจ้องมองบั้นท้ายของตัวเอง
ตุ้บ!
ศีรษะของเธอตกลงไปที่พื้นแล้วกลิ้งหลุนๆไป
“เรียบร้อยเสียที ยังมีใครคิดจะชักดาบอยู่ไหม? ผมก็ไม่ว่าอะไรนะถ้าพวกคุณไม่อยากใช้หนี้ แค่บอกไว้ก่อนว่าผมจะสังหารคุณทุกครั้งที่พบคุณในหอนิรันดร์จนกว่าคุณจะยอมจ่าย!” จางเซวียนสะบัดดาบอย่างเย็นชาขณะพูดประโยคนั้น
*คุณอาจคิดว่าจะรวมตัวกันเพื่อกดดันผมให้ล้มเลิกเรื่องเดิมพันนั้นได้แต่โชคร้ายหน่อยนะคนที่คุณกำลังพยายามจะเล่นงานน่ะไม่ใช่มดตัวหนึ่งแต่เป็นปีศาจร้าย!*ท
“คุณ…”
เหตุผลที่คนพวกนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับผมน่ะหล่อมากก็เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทรงพลังแค่ไหน ทั้งผู้อาวุโสไป๋เย่ ไป๋เฟิง และชายชราผู้นั้นก็ล้วนแต่ปลอมตัวมาและถูกสังหารอย่างง่ายดายจนดูเหมือนว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเขาอ่อนแอ
ทุกคนคิดว่าต่อให้ผมน่ะหล่อมากจะทรงพลังขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่เขาจะรับมือกับศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดระดับหัวกะทิได้
แต่เมื่อครู่นี้ เป็นหลิวยู่เหลียนที่เจรจากับหมอนั่น ซึ่งเธอก็ถูกตัดหัวอย่างไร้ความปรานี…
ทุกคนต่างพรั่นพรึง