บทที่ 1761 เกลียดแปรเปลี่ยนเป็นหลง / บทที่ 1762 เหมาะเหม็งเลย!

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1761 เกลียดแปรเปลี่ยนเป็นหลง

ผู้อาวุโสกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง เอ่ยปากอย่างมีความสุขบนความทุกข์คนอื่น “เจ้าหนูนี่หัวแข็งมาก พอถูกจับตัวมาก็จะกัดยาพิษที่ซ่อนอยู่ในปากให้แตก พอแกะยาพิษออกมาแล้วก็จะโขกหัวฆ่าตัวตาย โชคดีที่ฉันขวางไว้ก่อน”

เป่ยโต่วได้ยินดังนั้นก็อ้อมไปหาเลี่ยวเจียฉีอย่างตกใจ “หือ รั้นขนาดนี้เชียวเหรอ”

ชีซิงกล่าว “ลูกชายของเลี่ยวไห่เฉิง เทียบกับคนธรรมดาแล้วยังไงก็ไม่มีทางจัดการง่ายขนาดนั้น”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วแปลกใจ ต้องมองเลี่ยวเจียฉีใหม่อีกหลายส่วน “งั้นเหรอ กล้าหาญเอาเรื่องจริงๆ …”

ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาในห้อง เลี่ยวเจียฉีที่หมอบอยู่บนพื้นก็เงยหัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและมองไปทางเยี่ยหวันหวั่นอย่างสงสัยอยู่บ้าง

ในกลุ่มคนลักพาตัวทำไมถึงมีผู้หญิงได้ แถมเสียงยังเพราะขนาดนี้…

วินาทีถัดมา เลี่ยวเจียฉีเงยหน้าขึ้น พริบตาที่ที่เห็นหญิงสาวคนนั้นชัดเจนก็ชะงักในทันที ใบหน้าที่โหดเหี้ยมอาบเลือดเปลี่ยนไปเหม่อแข็งค้างว่างเปล่า

“คะ…คะ…คุณคือใคร…” เลี่ยวเจียฉีจ้องหญิงสาวที่ถูกคนล้อมอยู่ตรงกลางอย่างตะลึงค้าง

หญิงสาวชุดออกกำลังกายเรียบง่ายสีดำแดง ผมสีดำราวน้ำหมึก ผิวขาวราวหิมะ ใบหน้าราวดวงจันทร์สว่าง

อีกฝ่ายกุมหน้าผาก นั่งลงบนเก้าอี้เหล็กผุพังอย่างเนือยๆ ดวงตากระจ่างน่าประทับใจเวลานี้ตกอยู่ลงบนตัวเขา โรงงานผุพังคาวเลือดกับกลุ่มคนลักพาชั่วร้ายโหดเหี้ยมนี้เหมือนกับโลกคนละใบ…

งดงามจน…ไม่เหมือนกับมนุษย์…

หญิงสาวคนนี้ก็ถูกพวกเขาลักพาตัวมาเหรอ

เลี่ยวเจียฉีคิดอย่างนี้ก็ถามออกมาตรงๆ “คะ…คุณก็ถูกพวกเขาลักพาตัวมาเหรอ”

วินาทีนี้ความต้องการปกป้องในฐานะเพศชายของเลี่ยวเจียฉีปะทุขึ้นในทันที “แม้แต่เด็กสาวอ่อนโยนที่ไม่มีแรงมัดคอไก่ก็ยังไม่เว้น พวกแกมันชั่วช้าบ้าคลั่งชัดๆ!”

สิ้นเสียงของเลี่ยวเจียฉี พวกเป่ยโต่ว ชีซิง ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสสามต่างถูกต่อว่าจนตะลึงค้างแล้ว จากนั้นสีหน้าก็พลันดำมืด

เป็นคนลักพาตัวเหมือนกัน วายร้ายเหมือนกัน หน้าตาพวกเขาแค่มองก็รู้ว่าเป็นวายร้าย เป็นคนชั่ว

แต่ท่านผู้นำ…ยังถูกตัวประกันคิดว่าเป็นดอกบัวขาวที่ถูกลักพาตัวมาเสียได้…

เป่ยโต่วเท้าสะเอว สีหน้าเหมือนผู้นำตัวเองถูกหยามเกียรติ เขาตะคอกเสียงโกรธ “แกแม่งตาบอดเหรอ ถึงกับกล้าหยามเกียรติผู้นำพวกเรา! นี่คือลูกพี่ของพวกเราโว้ย!”

“วะ…ว่าไงนะ เธอ…เธอคือลูกพี่ของพวกแก? ” เลี่ยวเจียฉีมีสีหน้าเปี่ยมความไม่อยากเชื่อ “นี่เป็นไปได้ยังไง…”

หญิงสาวที่เหมือนกับนางฟ้าทำไมถึงเป็นพี่ใหญ่ของคนชั่วร้ายนี้ได้

ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่นอย่างเหงื่อเย็นไหลโชก “ผู้นำใจเย็นๆ นะครับ เจ้าหนูนี่สายตาน่าจะมีปัญหาชัวร์!”

ผู้อาวุโสสามก็รีบปลอบ “ถูกต้องๆ ไม่แค่สายตามีปัญหา สมองเกรงว่าก็คงมีปัญหาด้วย! ผู้นำอย่าเถียงกับคนความรู้น้อยเลยครับ!”

เยี่ยหวันหวั่นหมดคำจะพูด

เอาเถอะ สำหรับคนพวกนี้แล้ว ตัวเองถูกเข้าใจผิดว่าเป็น ‘คนดี’ เหมือนจะเป็นการหยามเกียรติจริงๆ

“คุณเป็น…เป็นพี่ใหญ่ของพวกเขาจริงๆ …”

เวลานี้เลี่ยวเจี่ยฉีจึงค่อยเพิ่งสังเกตว่าหญิงสาวคนนี้คือคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เพียงคนเดียว แถมท่าทีที่คนพวกนี้ปฏิบัติกับหญิงสาวยังเคารพนอบน้อมอย่างมาก

แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังไม่อยากเชื่อ

เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ปฏิเสธ มองเลี่ยวฉีอย่างใจอกใจเย็น “ใช่แล้ว ทำไม”

ใบหน้าของเลี่ยวเจียฉีแดงขึ้นอย่างผิดปกติ สองตาเปล่งประกายเหมือนดื่มเหล้าไม่ปาน ได้ยินดังนั้นเขาพลันพูดโพล่งออกไป “ผะ…ผมเข้าแก๊งด้วยได้ไหม”

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก

เป่ยโต่วพูดไม่ออก

ชีซิงพูดไม่ออก

ผู้อาวุโสใหญ่พูดไม่ออก

ผู้อาวุโสสามก็พูดไม่ออก

————————————————————————————–

บทที่ 1762 เหมาะเหม็งเลย!

ตัวประกันที่ถูกจับมาคนหนึ่ง ลูกชายแท้ๆ ของเลี่ยวไห่เฉิง ผู้สืบทอดของสมาคมหงซิ่งกลับร้องขอเข้าแก๊งคนที่ลักพาตัวเขา…

ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ย “ผู้นำสูงส่งจริงๆ!”

ผู้อาวุโสสามเอ่ย “ผู้นำมองการณ์ไกล ลูกน้องรู้สึกต่ำต้อยนัก!”

เป่ยโต่วอดปรบมือไม่ได้ “พี่เฟิง สุดยอดเลย!”

สมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยที่อยู่ด้านข้างก็พึมพำด้วยสีหน้าเปี่ยมความนับถือ “ผู้อาวุโสสามรู้แค่จับปลาซิวปลาสร้อย ผู้อาวุโสมั่นใจว่าตัวเองฉลาดจับโจรก่อนจับหัวโจก แต่ผู้นำล่ะ ปลุกปั่นคนเขาโดยตรงกำจัดคนทั้งแก๊งได้ในทีเดียว!”

เยี่ยหวันหวั่นที่ถูกยกยอต่างๆ นานาอย่างประหลาดพูดไม่ออก

ขอบคุณพวกนายจริงๆ นะที่ให้เกียรติฉันขนาดนี้…

เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูดอย่างแรงกับการนับถือชนิดหน้ามืดตามัวของสมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยทุกคน

เยี่ยหวันหวั่นมองเลี่ยวเจียฉีเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “คุณชายเลี่ยวล้อเล่นเก่งจริงๆ!”

เลี่ยวเจียฉีมองหน้าตายกยิ้มบางของหญิงสาว สติก็เลื่อนลอยอีกหลายส่วน แทบจะสาบานชี้สวรรค์สาบานแล้ว เขาเอ่ยทันที “ผมเปล่านะ! ผมไม่ใช่! ผมจริงจัง!”

เวลานี้ชีซิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “แกคิดว่าที่ของเราคือสถานที่ยังไง แกอยากเข้าก็เข้าได้เหรอ”

ชีซิงพูดจบก็หันไปเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น “พี่เฟิง เจ้านี่มีจิตใจไม่ซื่อ ห้ามเชื่อใจง่ายๆ ”

เป่ยโต่วกะพริบตาแล้วตบมือเอ่ย “งั้นก็เหมาะเหม็งเลยไม่ใช่เหรอ พวกเราต้องการคนอย่างนี้นี่!”

ชีซิงเอ่ย “…นายหุบปาก”

เป่ยโต่วมองชีซิงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “หุบปาก…ทำไมต้องหุบปากด้วย คนจิตใจไม่ซื่อเหมาะกับพันธมิตรอู๋เว่ยพวกเราพอดีเลยนะ หรือว่าต้องหาหนุ่มสาวสว่างสดใสเปี่ยมคุณธรรมมาเข้าร่วมกับพวกเราเหรอ”

เมื่อสิ้นเสียงของเป่ยโต่ว เยี่ยหวันหวั่นกับพวกผู้อาวุโสใหญ่คิดอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายกลับพูดไม่ออกสักประโยคเดียว…

คิดดูดีๆ เหมือนเป่ยโต่วจะพูดมีหลักเหตุผลจริงๆ หรือพันธมิตรอู๋เว่ยพวกเขาจะหาคนซื่อตรงมาเข้าร่วมเหรอ

ชีซิงหมดคำพูด

ชีซิงจ้องเป่ยโต่ว มุมปากกระตุกน้อยๆ เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน

ไม่นานเยี่ยหวันหวั่นก็มองเลี่ยวเจียฉีและเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลหลอกล่อ “คุณชายเลี่ยว พวกเราไม่มีเจตนาร้ายกับคุณ ขอแค่คุณร่วมมือกับพวกเราได้ พวกเราก็รับประกันความปลอดภัยของคุณ”

ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น เลี่ยวเจียฉีรีบลุกขึ้นและจ้องเยี่ยหวันหวั่น “เทพธิดา คุณอยากให้ผมร่วมมือยังไงผมก็จะร่วมมือยังงั้น…อีกอย่าง ผมไม่อยากปลอดภัย ผมอยากเข้าแก๊ง…”

เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าหมดคำพูดอยู่บ้าง “เรื่องเข้าแก๊ง…ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันเถอะ…ทำธุระก่อน…”

อีกด้านหนึ่ง

เหลียงเหม่ยเซวียนกับหวงหมิงคุนทั้งสองคน ในที่สุดก็ผ่านพ้นสี่ชั่วโมงที่เลวร้ายที่สุดในโลกมาได้

หลังจากถูกปล่อยตัวในที่สุด ทั้งสองคนถูกทรมานจนเหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายแล้ว

ความทรมานนี้ไม่ด้อยไปกว่าการตายเป็นร้อยเป็นพันครั้งของแท้

อีกฝ่ายตกลงเป็นใครกันแน่ ถึงกับคิดวิธีทรมานที่ไม่ต้องเปื้อนเลือดอย่างนี้ออกมาได้! เป็นปีศาจชัดๆ!

เหลียงเหม่ยเซวียนเส้นผมยุ่งเหยิง ใต้ตาเป็นวงสีดำคล้ำเหมือนผีไม่ปาน เธอคำรามโกรธอย่างจวนจะบ้าอยู่แล้ว “เยี่ยหวันหวั่นนังสารเลวนั่น! ถึงกับกล้าทำกับฉันแบบนี้! ฉันจะไม่ปล่อยมัน! ไม่ปล่อยมันไปเด็ดขาด!”

“นังสารเลวนี่ ก็ไม่รู้ว่าข้างนอกไปรู้จักคนยุ่งเหยิงแบบไหนมา พวกเรารีบติดต่อกับคุณเลี่ยว นังนั่นกล้าลงมือกับพวกเรา นี่เท่ากับตบหน้าของคุณเลี่ยวอย่างโจ่งแจ้ง! ฉันจะให้นังนั่นไม่ตายดี!”

“ถูกต้อง!”