บทที่ 914 สิ้นหวังอย่างแท้จริง

Mars เจ้าสงครามครองโลก

คำพูดของเทพอาวุโสสี่ทิศ ทำให้เจ็ดผู้อาวุโสเครียดทันที

ถ้าเทียนสยบแดนทะลุเทพ 3 คนนั้นร่วมมือกันลอบสังหาร อย่าว่าแต่พวกเขาเจ็ดผู้อาวุโสเลย ยิ่งเป็นเทพอาวุโสสี่ทิศ ก็มีโอกาสตายได้เหมือนกัน

มหาพญาเทพพูดเบาๆ “ถ้าเป็นเทียนสยบ อาจจะมีความเป็นไปได้ ผู้หญิงคนนั้นที่ก่อตั้งเทียนสยบในตอนแรก ก็ตั้งใจที่จะเป็นอริกับสรวงสวรรค์อย่างพวกเรา คิดจะทำลายเส้นทางการเป็นเทพของพวกเรา ทำลายความเป็นอมตะของพวกเรา น่าเสียดาย สุดท้ายหญิงบ้าคนนั้นก็ไม่สามารถทะลวงไปถึงแดนทะลุเทพได้ และถือว่าสตรีที่มีความสามารถคนหนึ่ง สำหรับฉันแล้ว ไม่ต้องสืบหาแล้ว เรื่องนี้จะต้องเป็นฝีมือของเทียนสยบแน่นอน”

เทพอาวุโสเหนือพยักหน้า “นอกจากฟ้าสยบแล้ว คนอื่นๆก็ไม่มีความเป็นไปได้ ถึงแม้ว่าตอนนั้นคนๆนั้นยังมีชีวิตอยู่ หลายปีมานี้ก็ถูกคำสาปติดตามหลอกหลอน ความแข็งแกร่งก็ลดลงไปนานแล้ว ถ้าเขาทำลายคำสาป ก็คงมาแก้แค้นเราตั้งนานแล้ว เขาไม่ใช่คนที่มีความอดทนสักหน่อย และตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็เป็นคนที่ต้องแก้แค้นทันที

พญาเขียวและคนอื่นๆไม่รู้ว่าเทพอาวุโสเหนือพูดหมายถึงใคร และก็ไม่กล้าถามด้วย

ท่านพญาอย่างพวกเขา แม้ว่าทุกวัยก็ใหญ่มาแล้ว มีชีวิตมาหลายร้อยปีแล้ว แต่เมื่อเทียบกับห้าเทพอาวุโส ก็แตกต่างราวกับฟ้าและดินเลย

ก่อนหน้านี้พวกเขา แปดท่านพญาแห่งสรวงสวรรค์เปลี่ยนมาหลายครั้งแล้ว ตอนนั้นผู้แข็งแกร่งไม่ได้หายากเหมือนตอนนี้

แปดท่านพญาในตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดบำเพ็ญตนอย่างค่อยเป็นค่อยไปในภายหลัง

ชุดแรกสุดนั้น ตายมาไม่รู้กี่ปีแล้ว

กระดูกก็ได้กลายเป็นปุ๋ยไปนานแล้ว

มหาพญาเทพมองพญาเขียว และพูดว่า “พวกคุณก็ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล ฟ้าสยบฆ่าพญาดำไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถลงมืออีกครั้งภายในระยะเวลาอันสั้นหรอก พวกคุณรีบไปสืบหาเบาะแสของฟ้าสยบ เชือดใครบางคน เพื่อเป็นการเตือน ในขณะเดียวกัน ไปค้นหาสถานที่สำนักงานใหญ่ของฟ้าสยบ องค์กรนี้อยู่มานานพอสมควรแล้ว ไม่ต้องเก็บไว้แล้ว”

พญาเขียวรีบพูดว่า “ลูกน้องเข้าใจแล้ว”

เทพอาวุโสสี่ทิศพูดเสริมอย่างช้าๆ “ไปสืบดูด้วยว่า เย่เซิ่งเทียนกับฟ้าสยบมีการติดต่อกันหรือเปล่า ถ้าหากทั้งสองฝ่ายมีการติดต่อกัน งั้นก็ฆ่าพวกคนต่ำต้อกลุ่มนั้นข้างกายของเย่เซิ่งเทียนไปด้วยเลย แล้วก็พาตัวลูกสาวเขากลับมา เพื่อเตือนให้รู้”

ระหว่างที่พูด ก็ได้ตัดสินชะตากรรมของเย่เซิ่งเทียนและคนอื่นๆแล้ว

มหาพญาเทพมองดูผู้หญิงสวมหน้ากากลายก้อนเมฆ และถามว่า “พญาเมฆ ทางฝั่งหมิงยู่มีความคืบหน้าอะไรไหม?”

พญาเมฆรีบยืนขึ้นและกล่าวว่า “ด้วยความเคารพมหาพญาเทพ ยังคงค้างอยู่ในอนุภาคจิตวิญญาณ อนุภาคจิตวิญญาณของเลือดเทพเผ่าซวนหยวน ค่อนข้างแตกต่างจากอนุภาคจิตวิญญาณของเลือดเทพแห่งตระกูลเย่ เพียงแค่ความแตกต่างเหล่านี้ยังไม่ได้รับการวิจัยอย่างเต็มที่ ลูกน้องได้รายงานฉบับหนึ่งแล้ว ทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์อีกหน่อย ก็จะเอามาให้ท่านอ่าน”

มหาพญาเทพพยักหน้า “รีบทำเวลาเถอะ ถ้าครั้งนี้เราทำให้สำเร็จไม่ได้ ก็ไม่มีเวลามากให้เสียเปล่าแล้ว”

แม้ว่าน้ำเสียงของมหาพญาเทพจะฟังดูสงบมาก แต่พญาเมฆกลับไม่กล้าประมาท รีบพูดว่า “มหาพญาเทพโปรดวางใจ ลูกน้องจะต้องพยายามทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองคนนี้โดยเร็วที่สุด”

มหาพญาเทพพยักหน้า และพูดอีกว่า “ต่อไป เย่เซิ่งเทียนจะต้องมาติดต่อกับทางฝั่งตระกูลโบราณนั้นแน่ พวกคุณแอบจับตามองไว้ก็พอ ในตอนนั้นระหว่างตระกูลเซียวกับเผ่าซวนหยวนมีความเกี่ยวข้องกัน เย่เซิ่งเทียนมีโอกาสสูงที่จะไปหาตระกูลเซียว พวกคุณไปทำเถอะ คิดหาวิธีกระตุ้นเลือดเทพในตัวของเย่เซิ่งเทียน ให้เขาพยายามใช้เลือดเทพมาทะลวงผ่านแดนทะลุเทพ เป็นเช่นนี้พวกเราถึงจะมีโอกาสได้เป็นทวยเทพด้วยหนทางที่ถูกต้อง และได้เดินบนทางอมตะ

ผู้อาวุโสทั้งหลายพูดพร้อมกันว่า “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”

และเย่เซิ่งเทียนในตอนนี้ กลับยังไม่รู้ว่า แผนบางอย่างของเขากับหยางทาวและคนอื่นๆ ถูกทางฝั่งสรวงสวรรค์คาดเดาเอาไว้แล้ว

ยิ่งไม่รู้อีกว่า อุบายเหล่านั้นของพวกเขา ในสายตาสรวงสวรรค์แล้ว มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตเลยด้วยซ้ำ

สรวงสวรรค์ไม่ได้สนใจพวกเขาว่าจะไปดึงตระกูลลี้ลับมาด้วยหรือไม่ และก็ไม่สนใจด้วยว่าพวกเขาสมคบคิดกับตระกูลลี้ลับ

สิ่งที่ต้องการก็แค่ให้ตัวทดลองอย่างเย่เซิ่งเทียนพยายามใช้เลือดเทพทั้งสองชนิดในร่างกาย บรรลุแดนทะลุเทพ และเก็บเกี่ยวผลลัพธ์ก็เท่านั้นเอง

นี่ ถึงจะเป็นจุดที่ทำให้คนสิ้นหวังอย่างแท้จริง