ตงหลิงหวงพูดพลางโจมตีไปยังพระสนมน่าหลานทันที
พระสนมน่าหลานถอยหลังไปสองสามก้าวและชักกระบี่อ่อนออกมาจากเอว นางไม่สนใจว่านางกำลังตั้งครรภ์ ทั้งแผ่นหลังยังได้รับบาดเจ็บ หลังจากหลบหลีกการโจมตีจากคนชุดดำ นางก็เริ่มโจมตีคนชุดดำกลับบ้าง
ไม่นานนัก ทั้งสองก็ต่อสู้กันพัลวัน แม้พระสนมน่าหลานจะได้รับบาดเจ็บ ทว่านางไม่ด้อยไปกว่าคนชุดดำแม้แต่น้อย
ตงหลิงจวิ้นลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว และช่วยตงหลิงหวงจัดการกับพระสนมน่าหลาน
ตงหลิงหวงและตงหลิงจวิ้นร่วมมือกันต่อสู้กับพระสนมน่าหลาน จึงทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาบ้าง ต้องทราบว่าปกติแล้ว วรยุทธ์ของพระสนมน่าหลานสูงส่งอย่างมาก
เมื่อประมือกันสิบกว่ากระบวนท่า บาดแผลบนหลังของพระสนมน่าหลานก็มีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของนางเริ่มซีดขาว ทว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บเพิ่ม และไม่มีร่องรอยของความอ่อนล้าให้เห็น
ในทางกลับกัน คนชุดดำกับตงหลิงจวิ้นกลับมีบาดแผลบนร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบาดแผลร้ายแรงและมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก
พระสนมน่าหลานหมุนตัวและร่อนลงบนชายคา พลางชำเลืองมองคนชุดดำ
“เจ้าคือตงหลิงหวง? ”
ตงหลิงหวงค่อยๆ ถอดหมวกฟางสีดำบนศีรษะ “ใช่ ข้าเอง! ”
แววตาของพระสนมน่าหลานปรากฏความเคร่งขรึม “คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังไม่ตาย! ช่างบังอาจยิ่งนัก กล้าแอบเข้ามาในจวนของหลู่หยางอ๋อง เจ้ารนหาที่ตายหรือ? ”
ตงหลิงหวงยกยิ้มเล็กน้อย “เจ้าต้องตายก่อน! เจ้ากระทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมมากมาย หากเจ้ายังไม่ตาย เราสองพี่น้องจะตายได้อย่างไร? ”
“เหอะ คิดจะสังหารข้าหรือ พวกเจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว! ”
“โอ้ จริงหรือ? อาการของพระสนมน่าหลาน ไม่รู้ว่าสามารถยืนหยัดได้นานเพียงใด แม้เราสองพี่น้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่พวกเราจะสู้จนเจ้าเลือดไหลหมดตัวและสิ้นใจ”
เป็นเรื่องจริงที่บาดแผลของนางมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก หากไม่จัดการกับบาดแผลโดยเร็ว นางคงต้องลำบาก อีกทั้งนางกำลังตั้งครรภ์ หากเสียเลือดมากเกินไปจะไม่เป็นผลดีต่อทารกในครรภ์
พระสนมน่าหลานใบหน้าซีดเผือดไปชั่วขณะ ทันใดนั้น นางก็ตะโกนออกไปด้านนอก “องครักษ์ ตายไปหมดแล้วหรือ รีบเข้ามาเดี๋ยวนี้! ”
“อย่าเสียแรงเปล่า” สีหน้าของตงหลิงหวงเรียบเฉยอยู่เสมอ “พระสนมไม่รู้หรือว่าทุกคนอยู่ที่ใด? ”
ทันใดนั้น พระสนมน่าหลานก็นึกอันใดขึ้นมาได้ นางโซเซจนเกือบตกจากชายคา
ก่อนหน้านี้ เพื่อจัดการตงหลิงจวิ้นอย่างเงียบเชียบที่สุด นางได้ออกคำสั่งให้องครักษ์ทั้งหมดที่อยู่ในจวนออกไป นอกจากนั้น ตอนที่นางเข้ามา นางยังกำชับให้นางกำนัลในจวนออกไปข้างนอกทุกคน ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอันใดก็ตาม ไม่ต้องเข้ามา เวลานี้ ต่อให้นางตะโกนเรียกอย่างไร แม้จะมีผู้ใดได้ยินก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยนางแน่นอน!
“จวิ้นเอ๋อร์ พวกเราจู่โจมพร้อมกัน! นางทนได้อีกไม่นานแน่! ”
“ตกลง! ”
ตงหลิงหวงกับตงหลิงจวิ้นโจมตีพระสนมน่าหลานอย่างต่อเนื่อง ต่อให้นางรับมือได้ แต่คงยืนหยัดอยู่ได้ไม่นาน
เป็นจริงดั่งคาด หลังผ่านไปหลายสิบกระบวนท่า ในที่สุด พระสนมน่าหลานก็ยืนหยัดไม่ไหว เมื่อนางล้มลงกับพื้น นางไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะถือกระบี่อ่อนไว้ในมือ ขาของนางสั่นเทาตลอดเวลา เหงื่อไหลท่วมตัว
ผ่านไปครู่หนึ่ง พระสนมน่าหลานค่อยๆ ลืมตามองตงหลิงจวิ้น
“ตงหลิงจวิ้น เห็นแก่ที่ข้ามีเจ้าอยู่ในใจเสมอ วันนี้ปล่อยข้าไปเถิด ได้หรือไม่? ”
ตงหลิงจวิ้นแสดงท่าทางขยะแขยงและหันศีรษะไปทางอื่น ไม่ต้องการมองพระสนมน่าหลาน
แววตาของพระสนมน่าหลานปรากฏความสิ้นหวัง นางยกยิ้มเล็กน้อย “ต่อให้ไม่คิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน ก็ควรเห็นแก่เด็กในครรภ์ของข้า ซึ่งเป็นสายเลือดเดียวกับเจ้า เป็นพี่น้องกัน!”
ต้องกล่าวว่าพระสนมน่าหลานผู้นี้จับจุดอ่อนของผู้คนได้เก่งยิ่งนัก ทันทีที่นางพูดจบ ตงหลิงจวิ้นก็หวั่นไหวเล็กน้อย
เพราะเรื่องที่นางพูดเป็นความจริง ไม่ว่าผู้ใหญ่จะเป็นเช่นไร ทว่าทารกในครรภ์คือผู้บริสุทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น ลูกหลานของสกุลตงหลิงมีน้อยอยู่แล้ว หลายปีมานี้ เขาไม่มีน้องสาว น้องชายแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าทารกผู้นี้จะถือกำเนิดมาจากผู้ใด เขาก็คือน้องของตน
ตงหลิงจวิ้นเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาทันที
อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าตงหลิงหวงที่ยืนอยู่ด้านข้างจะเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง
“พระสนมน่าหลาน เจ้ามันไร้ยางอาย กล้าบอกว่าทารกในครรภ์เป็นของหลู่หยางอ๋องหรือ? ”
ตงหลิงจวิ้นมองตงหลิงหวงด้วยความสงสัย
ตงหลิงหวงมองพระสนมน่าหลานด้วยใบหน้าเรียบเฉย และพูดว่า “เกรงว่าเจ้าคงยังไม่ทราบเรื่องราวบางอย่าง
แม้ข้าจะสำเร็จราชกิจแทนพระองค์ ทว่าข้าได้เล่าเรียนวิชาแพทย์ที่สำนักแพทย์เทียนอี ได้เรียนรู้ทักษะทางการแพทย์มาบ้าง หลายปีก่อน หลู่หยางอ๋องไม่สบาย ข้าได้ตรวจชีพจรให้เขา ชีพจรของเขาบ่งบอกว่าไม่สามารถมีทายาทได้อีก ไม่ทราบว่าทารกในครรภ์ของพระสนมน่าหลานเกี่ยวข้องเป็นพี่น้องกับจวิ้นเอ๋อร์ทางสายใดหรือ? ”
พระสนมน่าหลานไม่คาดคิดว่าเรื่องจะออกมาเป็นเช่นนี้
เกรงว่าเรื่องนี้ แม้แต่หลู่หยางอ๋องก็ยังไม่ทราบกระมัง!
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นางยังไม่แน่ใจ ทว่าเมื่อเห็นหลู่หยางอ๋องก่อกบฏ นางจึงกังวลว่าในอนาคต เมื่อตงหลิงจวิ้นถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท พระชายาของหลู่หยางอ๋องจะได้รับบรรดาศักดิ์ และมีการเลื่อนขั้นบุตรธิดา เช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อนาง นางจึงพยายามตั้งครรภ์โดยเร็ว
ทว่าพยายามหลายต่อหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ นางจึงลักลอบได้เสียกับองครักษ์ แต่คาดไม่ถึง…
ใบหน้าของพระสนมน่าหลานซีดขาวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าผู้ใดที่มีสายตาเฉียบแหลมย่อมรู้ว่าเกิดอันใดขึ้น
ตงหลิงจวิ้นมีท่าทีถมึงทึงเช่นกัน ในฐานะบุตร แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของหลู่หยางอ๋อง ทว่าอย่างไรเสีย หลู่หยางอ๋องก็เป็นเสด็จพ่อของเขา เขาไม่มีทางยอมให้เสด็จพ่อของเขาถูกผู้อื่นหลอกลวง
ทันใดนั้น เขาก็หยิบกระบี่ขึ้นมาและแทงไปที่พระสนมน่าหลาน
“นางสนมชั่ว ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เวลานี้ แม้พระสนมน่าหลานจะไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ทว่านางยังสามารถหลบหลีกการโจมตีของตงหลิงจวิ้นได้ทันเวลา
ตงหลิงจวิ้นหันหลังกลับมาราวกับสิงโตดุร้าย และโจมตีพระสนมน่าหลานอีกครั้ง
พระสนมน่าหลานหลบหลีกหลายครั้งติดต่อกัน ในที่สุดก็หมดเรี่ยวแรง นางถูกกระบี่ยาวของตงหลิงจวิ้นแทงเข้าที่หัวใจ
ตงหลิงจวิ้นกัดฟันกรอดและออกแรงอีกครั้ง กระบี่ยาวในมือของเขา แทงเข้าไปในร่างของพระสนมน่าหลานลึกขึ้นเรื่อยๆ
พระสนมน่าหลานกระอักเลือดออกมาคำโต นางเงยศีรษะขึ้น แววตาทอประกายค่อยๆ มองไปที่ตงหลิงจวิ้นอย่างซับซ้อน “เจ้าต้องการให้ข้าตายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
ใบหน้าของตงหลิงจวิ้นปรากฏความเย็นชาและไม่พูดอันใด
แววตาของพระสนมน่าหลานแสดงถึงการตำหนิ นางราวกับคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“หากคืนนั้นเจ้าเต็มใจ ข้าจะไปหาผู้อื่นหรือ?”
ตงหลิงจวิ้นเหมือนได้ยินเรื่องที่น่าละอายอย่างมาก เขาดึงกระบี่ยาวในมือออกมา และฟันลงไปที่คอของพระสนมน่าหลานทันที
พระสนมน่าหลานไม่มีโอกาสได้พูด นางทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาเบิกกว้าง
คนตายไปแล้ว ทว่ามือของตงหลิงจวิ้นยังสั่นเทาไม่หยุด
ตงหลิงหวงเดินไปจับแขนของตงหลิงจวิ้น และพูดแผ่วเบา “มันจบแล้ว! ”
ตงหลิงจวิ้นเงยหน้ามองพี่สาวของเขา “อืม! ”
ตอนนี้เป็นยามกลางคืน แสงจันทร์มีเมฆดำบดบัง ภายในเรือนค่อนข้างมืดเล็กน้อย เมื่อลมหนาวพัดมา บรรยากาศภายในจวนจึงปรากฏความอึมครึม
ทุกอย่างในเรือนต้องกำจัดให้หมดจดโดยเร็วที่สุด รวมทั้งพระศพของพระสนมน่าหลานด้วย ไม่เช่นนั้น หากพระอาทิตย์ขึ้นจะพบเห็นได้ง่าย