เดิมที ร่างกายของตงหลิงจวิ้นก็อ่อนแอมากอยู่แล้ว เมื่อครู่เขาสามารถช่วยตงหลิงหวงจัดการกับพระสนมน่าหลาน ล้วนต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ตอนนี้พระสนมน่าหลานสิ้นพระชนม์แล้ว เขาไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป จึงหมดสติล้มลงกับพื้น
ตงหลิงหวงช่วยพยุงตงหลิงจวิ้นเข้าไปในห้อง จากนั้นจึงจัดการกับพระศพของพระสนมน่าหลาน
หลังรุ่งสาง ตงหลิงจวิ้นตื่นขึ้น เขาพยายามยันร่างกายที่อ่อนแอของตนและมองไปรอบห้อง เขาไม่เห็นตงหลิงหวง แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะเห็นพระสนมน่าหลานที่เสียชีวิตไปแล้ว
ตงหลิงจวิ้นตกใจจนหน้าซีดเผือดไปชั่วขณะ เขาแทบตกจากเตียง
เขาชี้ไปที่พระสนมน่าหลานและพูดอย่างเหลือเชื่อว่า “เจ้า… เป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่ใช่… ”
ก่อนที่ตงหลิงจวิ้นจะพูดจบ พระสนมน่าหลานก็พูดขึ้นว่า “จวิ้นเอ๋อร์ นี่ข้าเอง”
“พี่หวงหรือ? ”
ตงหลิงหวงถอดหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก “เป็นอย่างไรบ้าง วิชาแปลงโฉมของข้า? ”
ตงหลิงจวิ้นปาดเหงื่อที่เย็นเฉียบ “พี่หวง ท่านทำให้ข้าตกใจยิ่งนัก ข้าคิดว่าพระสนมน่าหลานยังไม่ตาย และฟื้นคืนชีพขึ้นมา”
ตงหลิงหวงแย้มยิ้ม “ต่อไปพี่จะใช้สถานะของพระสนมน่าหลานเพื่ออยู่ในเมืองหลวงสักระยะ หลู่หยางอ๋องกำลังยุ่งอยู่กับงานในราชสำนัก ทั้งพระสนมน่าหลานยังทรงพระครรภ์ เขาคงไม่มีเวลากลับมา โอกาสที่จะพบหน้ามีน้อยมาก
ข้าจะได้ทำเรื่องบางอย่างที่ไม่สามารถทำด้วยตนเองได้”
ตงหลิงจวิ้นมีท่าทางมั่นใจอย่างมาก “พี่หวง ข้าคิดว่าด้วยวิชาแปลงโฉมของท่าน ต่อให้เสด็จพ่อกลับมา พระองค์ก็ไม่มีทางทราบแน่นอน”
ตงหลิงหวงแย้มยิ้มโดยไม่พูดอันใด และสวมหน้ากากหนังมนุษย์อีกครั้ง
“พอได้แล้ว เจ้าพักฟื้นก่อน ตอนนี้เช้าแล้ว ข้าควรออกไปข้างนอก ไม่เช่นนั้นจะทำให้ผู้อื่นสงสัยได้”
“อืม! ”
ตงหลิงหวงเดินไปได้สองก้าว ทันใดนั้น เสียงของตงหลิงจวิ้นก็ดังตามมาข้างหลัง “พี่หวง! ”
ตงหลิงหวงหยุดและหันกลับไป “มีอันใดหรือ? ”
“พี่หวง ท่านกลับมาครั้งนี้เพื่อจัดการกับเสด็จพ่อใช่หรือไม่? เสด็จลุงจะบุกเข้ามาในเมืองหลวงหรือไม่? ถึงเวลานั้น เสด็จพ่อจะ… ”
ตงหลิงหวงบอกตงหลิงจวิ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “หากเป็นไปได้ ถึงเวลานั้น ข้าจะไว้ชีวิตหลู่หยางอ๋อง อย่างไรเสีย เสด็จพ่อและเขาก็เป็นพี่น้องกัน ทว่าหากเขายืนกรานที่จะต่อต้าน… จวิ้นเอ๋อร์จะถือโทษพี่หวงหรือไม่?! ”
ตงหลิงจวิ้นตกตะลึงครู่หนึ่ง ใบหน้าที่เจ็บป่วยอยู่แล้วยิ่งซีดขาวไร้เลือดฝาด แสงแดดยามเช้าตกกระทบลงบนใบหน้าของเขาจนดูเหมือนแผ่นกระดาษบางๆ
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ตงหลิงจวิ้นก็บอกกับตงหลิงหวง “ถือโทษ! ”
ตงหลิงหวงคิดว่าตงหลิงจวิ้นจะโกรธตนเองจริงๆ นางกำลังจะอธิบายเพิ่มเติมเพื่อพูดหลักเหตุและผล อย่างไรก็ตาม นางไม่คิดว่าตงหลิงจวิ้นจะแย้มยิ้มเล็กน้อยและพูดเสริม
“ทว่าข้าเข้าใจพี่หวงและเสด็จลุง จวิ้นเอ๋อร์จะเป็นน้องชายที่ดีของพี่หวงเสมอ”
ตงหลิงหวงยกยิ้ม นางพยายามแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ตงหลิงจวิ้น
ตงหลิงจวิ้นเอ่ยขึ้นว่า “พี่หวงสัญญากับจวิ้นเอ๋อร์ได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ท่านต้องไว้ชีวิตเสด็จพ่อของข้า อย่าสังหารเขาได้หรือไม่? จวิ้นเอ๋อร์เชื่อว่าภายในใจของเสด็จพ่อยังมีสกุลตงหลิงเช่นกัน ทั้งยังมีเสด็จลุงและพี่หวง เสด็จพ่ออาจเลอะเลือนไปชั่วขณะ ต่อไปเขาต้องรู้ว่าตนเองกระทำผิด และเปลี่ยนใจมาสำนึกผิดแน่นอน”
เรื่องนี้ ตงหลิงหวงไม่สามารถรับปากตงหลิงจวิ้นได้ เพราะมีหลายเรื่องที่นางยังไม่รู้
หากหลู่หยางอ๋องยอมสู้จนตัวตายเล่า?
หาก…
ตอนนี้นางไม่สามารถให้ความหวังกับตงหลิงจวิ้นได้ ถึงเวลานั้นอาจทำให้เขาต้องผิดหวัง
ตงหลิงหวงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดกับตงหลิงจวิ้นว่า “พี่ออกไปก่อน เจ้ารักษาอาการบาดเจ็บให้ดี สมุนไพรที่จำเป็นต่ออาการบาดเจ็บของเจ้า พี่ได้ใส่ไว้ในลิ้นชักบนโต๊ะข้างเตียงของเจ้าแล้ว ทานยาให้ตรงเวลาและทำตามที่พี่เขียนไว้ในกระดาษ อีกสองสามวันพี่จะมาหาเจ้า”
ตงหลิงหวงเดินออกมาจากเรือนพักของตงหลิงจวิ้น เป็นจริงดั่งคาด องครักษ์ทุกคนต่างรออยู่ด้านนอก ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
อวิ๋นจือ นางกำนัลข้างกายพระสนมน่าหลานก็รออยู่ข้างนอกเช่นกัน ทันทีที่นางเห็นตงหลิงหวงเดินออกมา นางก็รีบเข้าไปทักทาย
“พระสนม พระองค์ออกมาแล้ว! บ่าวรออยู่ที่นี่ทั้งคืน บ่าวเป็นห่วงยิ่งนักเพคะ ทว่าพระสนมกำชับไม่ให้พวกบ่าวเข้าไป ต่อให้บ่าวจะเป็นห่วงมากเพียงใดก็ทำได้เพียงคุ้มกันอยู่ข้างนอก”
อวิ๋นจือเห็นเจ้านายของนางมีท่าทางผิดปกติเล็กน้อย จึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “พระสนม พระสนม… ทรงเป็นอันใดหรือเพคะ? ”
ตงหลิงหวงจงใจเลียนแบบการเคลื่อนไหวตามปกติของพระสนมน่าหลาน นางลูบจอนผมพลางยกยิ้มมุมปาก แสดงท่าทางว่าภารกิจสำเร็จเป็นอย่างดี
“ข้าจะเป็นอันใดได้หรือ? ”
อวิ๋นจือเป็นนางกำนัลส่วนพระองค์ของพระสนมน่าหลาน นางรู้จักพระสนมน่าหลานดีที่สุด และเข้าใจความคิดของพระสนมน่าหลานที่มีต่อตงหลิงจวิ้น ชั่วขณะหนึ่ง นางก็เข้าใจอันใดบางอย่าง
ทว่านางมีท่าทางสงสัยเล็กน้อย “พระสนมต้องการสังหารซื่อจื่อมิใช่หรือ? ตอนนี้ซื่อจื่อ… ”
แววตาของคงหลิงหวงปรากฏความดุร้าย นางจ้องหน้าอวิ๋นจืออย่างดุดัน “ใครบอกว่าข้าต้องการสังหารซื่อจื่อ?”
“อ๋า? ”
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว หากใครกล้าทำร้ายซื่อจื่ออีก อย่าโทษข้าที่ไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์นายบ่าว”
สีหน้าอวิ๋นจือพลันซีดขาว นางรีบพยักหน้าและโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว “เพคะ เพคะ เพคะ บ่าวเข้าใจแล้วเพคะ”
“แม่นมหลี่กับแม่นมเฝิงเล่า? ”
“แม่นมเฝิงหายหน้าไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเพคะ ส่วนแม่นมหลี่ เมื่อคืนนางตามพระสนมเข้าไปด้วย ตอนนี้ยังไม่ออกมาเลยเพคะ! ”
“ยังไม่ออกมาหรือ? ” ตงหลิงหวงจงใจเอ่ยเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “พวกบ่าวไร้ประโยชน์ ไปเล่นพนันอยู่ที่ใดอีกแล้ว รีบไปตามตัวพวกนางมาให้ข้าเดี๋ยวนี้! ”
“เพคะ! ”
อวิ๋นจือรีบรับคำสั่งและเดินออกไป
อย่างไรเสีย แม่นมหลี่และแม่นมเฝิงก็เป็นนางกำนัลข้างพระวรกายของพระสนมน่าหลาน หากจู่ๆ พวกนางหายตัวไปโดยที่นางไม่ถามไถ่ อาจสร้างความสงสัยแน่นอน ดังนั้นนางจึงใช้วิธีปิดบังอำพรางเช่นนี้
สำหรับรายละเอียดบางอย่าง ตงหลิงหวงคิดอย่างรอบคอบและกระทำโดยไม่มีจุดบกพร่อง
หลังจากนั้น ตงหลิงหวงก็กลับไปที่เรือนพักของพระสนมน่าหลาน
จวนของหลู่หยางอ๋อง ตงหลิงหวงเข้ามาเล่นซุกซนตั้งแต่เด็ก นางคุ้นเคยเหมือนอยู่ในจวนตนเอง จึงเดินไปไหนมาไหนได้ง่ายขึ้น
หลังผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม อวิ๋นจือก็กลับมาและพูดด้วยท่าทางกังวลว่า “พระสนม บ่าวตามหาทุกซอกทุกมุมในจวนแล้วเพคะ ทว่าตามหาไม่พบ ไม่มีวี่แววของแม่นมหลี่และแม่นมเฝิงเลยเพคะ”
“หรือว่าจะออกจากจวนไปแล้ว? ”
“บ่าวสอบถามองครักษ์ที่อยู่หน้าประตูแล้ว พวกเขาบอกว่าไม่มีใครเห็นแม่นมหลี่และแม่นมเฝิงเลยเพคะ! ”
ตงหลิงหวงหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบเล็กน้อย เพื่อปกปิดท่าทางผิดปกติไว้ด้านหลังถ้วยชา
“ออกไปตามหาอีกครั้ง อย่าให้โอกาสพวกนางหลบหนี”
อวิ๋นจือสะดุ้งเล็กน้อย “คงไม่ใช่กระมังเพคะ แม่นมเฝิงเป็นนางกำนัลในจวนตั้งแต่เกิด ทั้งสัญญาขายตัวของแม่นมหลี่ยังอยู่ที่พระสนม?”
“ทุกวันนี้ สิ่งใดก็เป็นไปได้ทั้งนั้นไม่ใช่หรือ? ก่อนหน้านี้ แม่นมของคุณชายน้อยจวนใต้เท้าซือหม่าก็หนีตามไปกับคนขับรถม้ามิใช่หรือ? ”
ในเวลานั้น แม้ตงหลิงหวงจะอยู่ที่ชายแดน ทว่านางสนใจเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง ทั้งยังแอบส่งสายสืบที่ไว้ใจได้มาจับตาดูความเคลื่อนไหวของขุนนางทุกคนในเมืองหลวง กระทั่งเรื่องของแม่นมผู้หนึ่งก็ไม่เว้น
อวิ๋นจือรู้สึกว่าสิ่งที่ตงหลิงหวงพูดนั้นสมเหตุสมผลอย่างมาก จึงรีบตอบรับคำและเรียกองครักษ์ออกไปตามหาต่อ
ตงหลิงหวงแอบเข้ามาในเมืองหลวงได้หลายวันแล้ว สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงภายในเมืองหลวง นางพอเข้าใจอยู่บ้าง
นอกจากนั้น นางจะจัดการอย่างไรต่อไป จำเป็นต้องคิดให้รอบคอบ ดังนั้น หลังจากอวิ๋นจือออกไป ตงหลิงหวงก็ไม่ได้พักผ่อน นางยังคงวางแผนในขั้นตอนต่อไป
ทันใดนั้น…
องครักษ์เข้ามาภายในเรือนและรายงานว่าหลู่หยางอ๋องเสด็จกลับมา และกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
ตงหลิงหวงตกตะลึงครู่หนึ่ง นางยังไม่ทันได้ตั้งตัว