อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรมาก็ต้องมา สิ่งที่ต้องเจอก็ต้องเจออยู่ดี
ตงหลิงหวงรีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและปรับอารมณ์ของตนเอง เพียงพริบตา หลู่หยางอ๋องก็เดินมาถึงหน้าประตู
ทั้งเขายังไล่องครักษ์ทั้งหมดออกไป
เกี่ยวกับพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของพระสนมน่าหลาน ตงหลิงหวงได้ฝึกซ้อมอยู่ในใจหลายครั้งแล้ว จึงรีบแสดงท่าทางยั่วยวนเหมือนปกติในชีวิตประจำวันของพระสนมน่าหลานและเดินเข้าไปต้อนรับ
“ท่านอ๋อง! ”
หลู่หยางอ๋องพยุงตงหลิงหวงด้วยตนเอง
“พระสนมที่รักลืมอีกแล้ว ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าหากเจ้าตั้งครรภ์ให้เลี่ยงพิธีการยุ่งยากเหล่านี้? ยิ่งไปกว่านั้น เป็นสามีภรรยาจะทะเลาะกันเรื่องพวกนี้เพื่ออันใด? ”
ตงหลิงหวงแย้มยิ้มเล็กน้อยและลุกขึ้น ก่อนจะรับหมวกและเสื้อคลุมจากหลู่หยางอ๋องมาแขวนไว้บนราวแขวนด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
“เหตุใดท่านอ๋องถึงได้เสด็จกลับมาวันนี้เพคะ? ”
จากนั้นจึงรินน้ำชาให้หลู่หยางอ๋อง
หลู่หยางอ๋องรับมา สีหน้าของเขาดูเป็นกังวล
“ในราชสำนักมีงานมากมายนัก ข้าเหนื่อยเล็กน้อย และนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้พบหน้าพระสนมหลายวันแล้ว จึงกลับมาหาเจ้า”
หลู่หยางอ๋องพูดพลางคว้าตัวตงหลิงหวงมานั่งบนตักตนเอง
ตงหลิงหวงตกใจและรีบหลบเลี่ยงมือของหลู่หยางอ๋อง แม้ใบหน้าของนางจะดูปกติ ทว่านางกร่นด่าหลู่หยางอ๋องอยู่ในใจหลายครั้ง
หลู่หยางอ๋องขมวดคิ้วเล็กน้อย “เป็นอันใดไปหรือ? ไม่พบกันหลายวัน นึกไม่ถึงว่าพระสนมจะห่างเหินกับข้าเช่นนี้? ”
ตงหลิงหวงแย้มยิ้มและรีบเดินไปด้านหลังหลู่หยางอ๋อง ก่อนจะบีบนวดไหล่ให้เขา
“ท่านอ๋อง พระองค์… ทรงคิดมากไปกระมัง? พระองค์ตรัสเช่นนี้ หม่อมฉันเจ็บปวดใจยิ่งนัก หม่อมฉันเพียงรู้สึกว่าหลายวันมานี้ร่างกายหนักขึ้นเล็กน้อย เกรงว่าหากอยู่ใกล้ท่านอ๋องมากเกินไป อาจกระทบกระเทือนทารกในครรภ์ และอาจจะนำโชคร้ายมาให้ท่านอ๋องด้วย”
แสงสว่างแปลกประหลาดปรากฏในดวงตาของหลู่หยางอ๋อง ราวกับว่า… เป็นเปลวไฟแห่งความปรารถนา มือที่จับตงหลิงหวงก็ลูบไล้ไม่หยุด และพยายามพูดหว่านล้อมให้ตงหลิงหวงเข้ามาสู่อ้อมแขนของตน
“พระสนมที่รักคิดมากไปแล้ว ข้ามีสถานะเช่นไร ต้องกลัวเรื่องโชคร้ายพวกนี้ด้วยหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นบุตรของข้าเอง ข้าต้องระวังอยู่แล้ว มานี่… พระสนมที่รัก ข้ากับเจ้าไม่ได้พบหน้ากันหลายวันแล้ว… ”
แม้ใบหน้าของตงหลิงหวงจะมีรอยยิ้มเสมอ ทว่าภายในใจกลับกร่นด่าหลู่หยางอ๋องไปสิบครั้งแล้ว
นางแสร้งทำทีเข้าอกเอาใจอย่างสุดความสามารถ
“ท่านอ๋อง มิสู้… หม่อมฉันไปตามสนมอื่นให้พระองค์… ”
หลู่หยางอ๋องสีหน้าบึ้งตึงทันที
“หึ วันนี้พระสนมที่รักเป็นอันใด ปกติเจ้าไม่ทำท่าทีเช่นนี้”
ตงหลิงหวงหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ทว่านางไม่อาจปล่อยให้ตนเองเสียตัวได้!
ชั่วพริบตา ภายในหัวก็ครุ่นคิดหาวิธีการได้หลายวิธี
ท้ายที่สุด จู่ๆ นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางตีหน้าเศร้า ทั้งยังน้ำตาคลอเบ้า จากนั้นจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา
“ท่านอ๋อง พระองค์ช่างนี่กระไร… ท่านอ๋องไม่เอ็นดูหม่อมฉันแล้ว ท่านคิดว่าหม่อมฉันเต็มใจหรือ? เต็มใจผลักไสพระองค์ไปให้สนมอื่นในจวนหรือเพคะ? ไม่ใช่เพื่อทารกในครรภ์หรือ? ไม่ใช่เพื่อท่านอ๋องหรือ?
ไม่คิดว่าท่านอ๋องจะกล่าวหาหม่อมฉันเช่นนี้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันจะเก็บทารกในครรภ์ไว้เพื่ออันใด? ”
นางพูดพลางยกมือทุบหน้าท้องตนเอง
ตอนที่ปลอมตัวคราวก่อน ตงหลิงหวงได้เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเด็กไว้มากพอสมควร นางจึงได้ยัดหมอนไว้ในท้องล่วงหน้า
ดังนั้น นางจึงแสร้งเจ็บตัวและทรมานตนเองได้เหมือนมาก ทว่านางยังรู้สึกอยากอาเจียน ทุกครั้งที่นึกถึงหลู่หยางอ๋องที่อยู่ตรงหน้า และนึกถึงท่าทางของตนเองในตอนนี้ นางก็คลื่นไส้จนอยากอาเจียนออกมา
เมื่อหลู่หยางอ๋องเห็นเช่นนี้ จึงรีบเข้าไปห้ามตงหลิงหวง
“พระสนมกำลังทำอันใด? ข้าเพียงพูดไปอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะในใจข้ามีเจ้าอยู่หรอกหรือ? ”
ตงหลิงหวงกลั้นน้ำตาได้ในเวลาที่เหมาะสม และแสร้งมองหลู่หยางอ๋องอย่างเอียงอาย ก่อนจะเดินไปนั่งลงด้านข้าง
แม้หลู่หยางอ๋องจะนั่งอยู่ด้านข้างตงหลิงหวง ทว่าเขาทำเพียงประคองไหล่ของตงหลิงหวงเอาไว้ ไม่ได้กระทำอันใดเกินพอดีอีก
ทว่าถึงอย่างไร ตงหลิงหวงก็… ทนไม่ไหวจริงๆ
นางต้องการเอามีดออกมาแทงหลู่หยางอ๋องให้จบๆ
ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าเกิดอันใดกับหลู่หยางอ๋อง เขามองไปที่แขนของตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงสังเกตอันใดได้บางอย่าง จึงรีบเอ่ยถามด้วยความหวั่นใจ “ท่านอ๋อง เป็นอันใดไปหรือเพคะ? ”
“กำไลที่ข้ามอบให้เจ้าก่อนหน้านี้เล่า? กำไลนั้นเจ้าใส่ตลอดเวลา เหตุใดวันนี้ถึงเปลี่ยนเป็นอีกวง? ”
ตงหลิงหวงไม่คิดว่าหลู่หยางอ๋องจะสังเกตรายละเอียดเหล่านี้ นางจึงยิ่งไม่กล้าคลายความระมัดระวัง
ก่อนหน้านี้บนแขนของน่าหลานมีกำไลหยกเขียวอยู่วงหนึ่งจริงๆ ทว่าตอนที่ต่อสู้กันในห้องของตงหลิงจวิ้น กำไลนั้นได้รับความเสียหายและแตกหัก
ภายหลังเมื่อกลับมาที่ห้องของพระสนมน่าหลาน ตงหลิงหวงเจอกำไลอีกวง นางจึงใส่ไว้เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย
อย่างไรก็ตาม นางคิดไม่ถึงว่าหลู่หยางอ๋องจะถามขึ้นมาจริงๆ
นางจึงรีบอธิบาย “กำไลวงนั้น ไม่กี่วันก่อนขณะที่หม่อมฉันแต่งตัว หม่อมฉันไม่ทันระวัง เผลอเอาไปกระแทกจนเกิดรอยแตก หม่อมฉันกำลังให้คนนำไปซ่อมแซมเพคะ”
ตงหลิงหวงอธิบายโดยไม่มีช่องโหว่ เนื่องจากเป็นกำไลหยก ยิ่งเป็นหยกคุณภาพดียิ่งเปราะง่าย เป็นเรื่องปกติหากถูกกระแทกจนเกิดความเสียหาย
เป็นจริงดั่งคาด หลู่หยางอ๋องไม่สงสัยแม้แต่น้อย
“ในเมื่อหักแล้วยังต้องซ่อมอันใดอีก วันหลังข้ามอบอันใหม่ให้เจ้าก็สิ้นเรื่องแล้ว”
ตงหลิงหวงพูด “อย่างไรเสีย กำไลนั้นก็เป็นของที่ท่านอ๋องประทานให้ หม่อมฉันทิ้งไม่ลงเพคะ”
หลู่หยางอ๋องดูพอใจในคำพูดของตงหลิงหวง เขาหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสียงดังอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ตงหลิงหวงถือโอกาสดึงเข้าสู่หัวข้อที่ตนเองอยากรู้
“ท่านอ๋องไม่กลับจวนมาหลายวันแล้ว เรื่องในราชสำนักยังไม่เรียบร้อยดีกระมัง? รายละเอียดพิธีขึ้นครองบัลลังก์ยังไม่ได้กำหนดเวลาหรือเพคะ? ”
“หึ!” เป็นจริงดั่งคาด หลู่หยางอ๋องเอ่ยกับตงหลิงหวงว่า “ขุนนางในราชสำนักส่วนใหญ่อยู่ฝ่ายข้าแล้ว แม้จะมีพวกหัวแข็ง ข้าก็จับตัดคอไปเสียส่วนใหญ่ เหลือไม่กี่คนที่ไม่ได้เป็นตัวแปรสำคัญอันใด อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่าพวกเขาคงไม่สามารถก่อการใหญ่อันใดได้”
ตงหลิงหวงยืนขึ้นแล้วบีบนวดหัวไหล่ให้หลู่หยางอ๋องอย่างพะอืดพะอม “ท่านอ๋องทรงอย่าโหมงานหนักเกินควรนะเพคะ บางเรื่องไม่อาจเร่งรีบได้
“ตอนนี้แคว้นตงเฉินกว่าครึ่งตกอยู่ใต้อำนาจของข้า ในเมืองหลวงมีคนของข้าประจำการอย่างแน่นหนา ขอเพียงเวลาที่เหมาะสมมาถึง ข้าก็จะได้ครองราชสมบัติ และขึ้นนั่งบัลลังก์อย่างราบรื่น ทว่า… ”
หลู่หยางอ๋องทำท่าราวกับกำลังพูดเรื่องน่าปวดหัว เขาขมวดคิ้วหนัก ทั้งยังนวดคลึงหน้าผากด้วยสีหน้าเป็นกังวล ก่อนจะเอนพิงพนักด้านหลัง
ตงหลิงหวงบีบนวดพลางกล่าวว่า “ตามที่ท่านอ๋องกล่าวมา ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในกำมือของท่านอ๋องแล้ว ยังมีเรื่องอันใดให้ท่านอ๋องเป็นกังวลอีกหรือ? ”
ท่าทางของหลู่หยางอ๋องดูเหนื่อยล้าอย่างมาก เขาหลับตาลงโดยไม่สนใจสีหน้าของตงลิงหวง
“หึ เป็นเพราะตราประทับราชลัญจกรหยกฮ่องเต้”
“ตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้? ”
“ไม่รู้ว่าตาเฒ่าตงหลิงไท่ผู้นั้นเก็บตราประทับราชลัญจกรไว้ที่ใด ตอนเขาออกจากเมืองหลวง ข้าส่งคนออกไปตามหาทุกซอกทุกมุมแล้วก็ยังหาไม่พบ”
“ไม่มีตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้? ไม่ต้องใช้สิ่งนั้นไม่ได้หรือเพคะ? ”
น้ำเสียงของหลู่หยางอ๋องมีความขุ่นเคือง “ข้าจะแย่งชิงราชบัลลังก์มาจากมือพี่ชายตนเอง เป็นเรื่องที่สร้างคำครหาและไร้คุณธรรมอยู่แล้ว หากไม่มีตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้ ข้าจะโน้มน้าวใจใต้หล้า จะบัญชาการกองทัพทั้งสามได้อย่างไร? ”
ตงหลิงหวงอยากเชือดคอหลู่หยางอ๋องด้วยมีดให้ตายเสียตรงนี้
ที่แท้ก็รู้ดีว่าตนเองก่อกบฏยึดแคว้นมาอย่างไร้คุณธรรม!!
ทว่าเวลานี้ นางไม่อาจทำตัวบุ่มบ่ามได้
นางยังคงพูดในประเด็นที่ตนเองต้องการ “ท่านอ๋อง แม้ตงหลิงหวงไม่อยู่ ทว่าฮองเฮาต้องทราบแน่ว่าตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้อยู่ที่ใด! ท่านอ๋องไม่ลองไปสอบถามฮองเฮาดูเล่า?”