ในระยะเวลาอันสั้น เขาได้ออกมาจากเมืองชิงหยุน ก้าวเข้าไปในเขตการปกครองหยุนหลง จึงได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า

ผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เวลาก็ล่วงเลยไปถึงเก้าปี เขาได้ครอบครองพลังการต่อสู้ที่สามารถเข่นฆ่า เจ้ายุทธจักรได้ ระยะห่างของอันดับที่จะได้เข้าเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์แดนขั้นสูง มันห่างไปแค่เพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น!

ด้านหน้าหอคอยที่กักขังเหวินเซวียนหง เสิ่นหยวนหนาน และเย่เจียเอ๋อร์ได้มีค่ายกลสร้างเอาไว้ หลัวซิวสะบัดนิ้วมือยิงออกไป ค่ายกลนั้นก็ทลายลงในทันที จากนั้นจึงสาวเท้าเข้าไปด้านในหอคอย

แอ๊ด!

ประตูไม้ค่อย ๆ เปิดออก ในห้องที่มืดมน คนสามคนที่มีใบหน้าซีดเล็กน้อยเงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นแววตาที่เหม่อลอย ก็ฉายแววประหลาดใจออกมา

“หลัวซิว?”

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

“มีคนต้องการจะเล่นงานเจ้า เจ้ารีบหนีไปเร็วเข้า!”

เหวินเซวียนหงคือผู้นำทางของหลัวซิว ทำให้เขาเข้าใจว่าบนโลกใบนี้ไม่ใช่ทุกคนที่มีนิสัยหน้าไหว้หลังหลอก แต่เหวินเซวียนหงที่รู้ถึงความลับบนตัวของเขาดี แต่กลับไม่เคยมีจิตใจริษยาแม้สักน้อย

ยังมีเสิ่นหยวนหนาน ในตอนที่หลัวซิวมีเรื่องบาดหมางกับสำนักเหลยหวู่ที่เขตการปกครองโตว้ไห่ ในเวลานั้นสำหรับเขาแล้ว สำนักเหลยหวู่เรียกได้ว่าเป็นมังกรที่ยิ่งใหญ่ โชคดีที่มีหัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานคอยปกป้อง เขาจึงสามารถเดินมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างปลอดภัย

วันเวลาเก่า ๆ เหล่านั้น คือจุดเริ่มต้นในเส้นทางโลกยุทธ์ของเขา ในตอนนั้นพลังความสามารถของเขาอ่อนแอนัก ต้องดิ้นรนกับชะตากรรมที่ขมขื่น

แม้ว่าสำหรับเขาในตอนนี้ ผลการฝึกตนของเหวินเซวียนหงและเสิ่นหยวนหนานไม่ได้เพิ่มขึ้นอีกแม้สักน้อย แต่สำหรับหลัวซิว ก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเคารพนับถือ และปฏิบัติต่อพวกเขาทั้งสองอย่างถ่อมตัว

เพราะเขารู้ดีว่า หากไม่มีทั้งสองท่านนี้ บางทีเขาอาจจะไม่มีวันได้เดินมาถึงจุดนี้

“ผู้อาวุโสทั้งสองท่าน ทำให้พวกท่านต้องติดร่างแหไปด้วย ข้าน้อยรู้สึกผิดยิ่งนัก” หลัวซิวเดินขึ้นไปทำความเคารพ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวลใจ

เมื่อรู้เรื่องราวของคนพวกนั้นที่จับตนมาเป็นตัวประกันว่าได้ถูกหลัวซิวฆ่าทิ้งไปแล้ว เหวินเซวียนหงและเสิ่นหยวนหนานก็สงบจิตใจลงได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แววตาที่มองมายังหลัวซิว เต็มไปด้วยความชื่นชม

พวกเขารู้ดีว่าพรสวรรค์ของพวกเขานั้นถือว่าอยู่ในระดับธรรมดาทั่วไป ทั้งชีวิตนี้บางทีแม้แต่บรรลุถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ก็คงเป็นก้าวเดินที่ยากลำบาก แต่กลับสามารถเห็นผู้แข็งแกร่งวัยเยาว์ค่อย ๆ เติบโตทีละก้าว ในชีวิตนี้ก็นับว่าไม่มีเรื่องใดต้องเสียดายอีก

“เฮียหลัว” เย่เจียเอ๋อร์หันมาทำความเคารพหลัวซิว

“ทำให้เจ้าต้องติดร่างแหไปด้วย ต้องขออภัยจริง ๆ” หลัวซิวเอ่ยขอโทษ เด็กสาวที่ดื้อรั้นและอวดดีในอดีต ในวันนี้ก็เติบโตขึ้นแล้ว ทั้งยังสืบต่อกิจการของครอบครัวขนาดใหญ่ด้วย

ในตอนที่เริ่มเปิดเขาไท่เสวียน นางก็เคยขอเข้าร่วมเป็นศิษย์ในสำนักไท่เสวียน แต่เพราะคุณสมบัติด้านพรสวรรค์ที่ขาดไปเพียงเล็กน้อย จึงไม่ได้กลายเป็นศิษย์ของไท่เสวียน

ถึงแม้พรสวรรค์ของนางครั้งหนึ่งเมื่ออยู่ในเขตการปกครองโตว้ไห่จะนับได้ว่าเป็นหัวกะทิ แต่หากเทียบกับทั้งประเทศเทียนหวูแล้ว มันไม่ได้มีประโยชน์ใดเลย

“ครั้งนี้ทำให้ทั้งสามท่านต้องพลอยติดร่างแหไปด้วย เป็นความผิดพลาดของข้า แต่ในวันนี้อันตรายยังคงมีอยู่ ทั้งสามท่านรีบออกไปก่อนเถิด ทางที่ดีที่สุดคือออกไปให้ไกลจากอาณาเขตของประเทศเทียนหวู เก็บตัวเงียบ ๆ อยู่ที่เมืองหลวงอื่นสักพัก ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าได้เผยตัวว่ารู้จักกับข้าเป็นอันขาด” หลัวซิวกล่าว

“มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?” เหวินเซวียนหงถามอย่างตรงประเด็น

“ด้วยเหตุผลบางอย่าง ข้าถูกกองกำลังต่าง ๆ ไล่ตามฆ่า……” หลัวซิวไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด แต่ในคำพูดของเขาชี้ให้เห็นอย่างคลุมเครือว่ากองกำลังที่ตามล่าเขานั้นไม่ธรรมดามากเพียงใด

เหล่าเหวินเซวียนหงและอีกสองคนต่างรู้ดีว่าสิ่งใดควรไม่ควร จึงไม่ได้อยู่รำลึกความหลังกับหลัวซิวนานนัก รีบออกไปจากเขตการปกครองโตว้ไห่ทันที

ในตอนที่ร่ำลากัน หลัวซิวหยิบแหวนเก็บของสามชิ้นมอบให้พวกเขาทั้งสาม มีทรัพยากรพวกนี้ที่อยู่ในแหวนเก็บของ หากตนมีพรสวรรค์ที่เพียงพอ ฝึกตนระดับที่บรรลุถึงมหายุทธ์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

เพราะว่าแหวนเก็บของที่เขามอบให้นั้น ก็คือสิ่งที่ได้มาจากการฆ่า เจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์!

การเก็บสะสมของ เจ้ายุทธจักรผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง จะธรรมดาได้อย่างไร?