บทที่ 1877 หลี่เสี่ยวไปได้รับการสนับสนุน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1877 หลี่เสี่ยวไปได้รับการสนับสนุน

 

ฟางหยวนมองวิญญาณอมตะกลายพันธุ์ที่อยู่ในมือ

 

วิญญาณอมตะกลายพันธุ์มีรูปร่างที่แปลกประหลาด มันมีลําตัวเป็นด้วง ขาแมงมุม เขาแรด ปีกจักจั่น แขนตกแตน หางหิ่งห้อยที่ปลดปล่อยแสงสีรุ้งออกมา

 

วิญญาณอมตะกลายพันธุ์เป็นของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแต่นี้ไม่ใช่ปัญหาสําหรับฟางหยวน

 

ตั้งแต่ฟางหยวนได้รับมัน เขาก็เริ่มปรับแต่งวิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้แล้ว

 

วิญญาณอมตะดวงนี้สามารถเปลี่ยนส่วนหนึ่งของร่างกาย หากฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นเสื้อ มันยังสามารถมอบปีกให้เขา เขาอาจได้รับดวงตาที่สาม ขาแมงมุม หรือหางแมงป่อง

 

แน่นอนว่ามันมีการกลายพันธุ์ที่อาจทําร้ายตนเองเช่นกัน ดังนั้นการใช้มันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะจะช่วยลดข้อบกพร่องและมีประสิทธิภาพมากกว่า

 

นอกจากนี้มันยังมีประโยชน์กับมิติช่องว่าง

 

ด้วยการใช้มันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะ สิ่งมีชีวิตในมิติช่องว่างจะเกิดการกลายพันธุ์และแข็งแกร่งขึ้น นี่จะทําให้ผู้อมตะได้รับผลประโยชน์มหาศาล

 

“วิญญาณอมตะกลายพันธุ์มีความสามารถครอบคลุมทุกแง่มุม มันสมควรเป็นหนึ่งในวิญญาณหลักของเทพปีศาจคลั่ง ไม่แปลกใจเลยที่บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกังวลหลังจากสูญเสียมัน” ฟางหยวนคิด

 

นอกเหนือจากวิญญาณอมตะกลายพันธุ์ ฟางหยวนยังได้รับวิญญาณอมตะอีกหลายดวง

 

ส่วนใหญ่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งกฎวิญญาณผ่าน

 

มันเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณอมตะ ย้อนกลับไปฟงจิวเก้อก็ต้องการวิญญาณอมตะดวงนี้เช่นกัน

 

วิญญาณอมตะดวงนี้มีประโยชน์สําหรับเขา

 

แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะมาลงเอยในมือของฟางหยวน

 

‘วิญญาณอมตะเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเทพปีศาจคลั่ง น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถฉกชิงมรดกนี้มาจากบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง’

 

ในแง่ของพลังงานแห่งเต๋ บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่สามารถแข่งขันกับฟางหยวน แต่เขามีวิธีการมากมายรวมถึงความอดทน เว่ยเฟิงถูกล่อลวงและสังหารในสนามรบ วังหมื่นรูปปั้นเปลี่ยนร่างเป็นบรรพชนหมื่นเปลี่ยนแปลงและต่อสู่เคียงข้างบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้ค่อนข้างเป็นอุปสรรค

 

มันไม่ง่ายที่จะวางแผนต่อต้านบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

 

กระทั่งวังสวรรค์จะวางแผนมาเป็นอย่างดี แต่พวกเขายังจบลงโดยไม่ได้รับสิ่งใด

 

การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของภาคกลางกําลังใกล้เข้ามา

 

‘ภาคเหนือมีถ้ําสวรรค์นิรันดร ภาคใต้มีวูหยง ทะเลตะวันออกมีบรรพชนทะเลปราณ ทะเลทรายตะวันตกมีตระกูลฟางกับตระกูลถังที่ข้าสามารถใช้ประโยชน์’

 

“ข้าสามารถมองเห็นสถานการณ์ที่สี่ภูมิภาคบุกโจมตีภาคกลางแล้ว”

 

นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนวางแผนไว้ตั้งแต่กําเนิดใหม่

 

ฟางหยวนไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดที่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ตอนนี้เขามีลูกน้องที่โดดเด่นมากมาย

 

เขาใช้ทุกคนเป็นตัวหมากเบี้ยเพื่อต่อต้านวังสวรรค์ซึ่งอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา

 

เจตจํานงสวรรค์เคยใช้ประโยชน์จากเขาเช่นเดียวกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ เทพปีศาจบัวแดง ชูตู่ และคนอื่นๆ แต่ตอนนี้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เดินหมาก

 

……

 

ถ้ําสวรรค์วรรณกรรม

 

“ข้าเห็นสิ่งใดผิดไปหรือไม่? เหตุใดชื่อศิษย์ของข้าถึงอยู่ในรายชื่อสิบนักปราชญ์?” อาจารย์เจียงดูข้อมูล และรู้สึกตกใจ

 

“ท่านอาจารย์ ท่านอยู่ข้างในหรือไม่? ศิษย์หลี่เสี่ยวไป๋ต้องการพบท่าน” เสียงของหลี่เสี่ยวไป๋ดังมาจากด้านนอก

 

อาจารย์เจียงเปิดประตู “เข้ามาและบอกข้าว่าเกิดสิ่งใดขึ้น”

 

หลี่เสี่ยวไป๋บอกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับอาจารย์เจียง

 

เขากังวลมาก “ท่านอาจารย์ ท่านต้องช่วยข้า”

 

อาจารย์เจียงมองหลี่เสี่ยวไป๋ด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนที่เขาจะส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้มขบขัน “ข้าไม่รู้ว่าควรกล่าวสิ่งใดกับเรื่องนี้จริงๆ”

 

ในมุมมองของอาจารย์เจียง หลี่เสี่ยวไป๋ไม่มีความหวังที่จะได้เป็นสิบนักปราชญ์ แต่ผู้ใดจะคิดว่าโชคจะวิ่งเข้ามาหาเขา

 

โชคอันยิ่งใหญ่ทําให้อาจารย์เพียงรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

 

“หลังจากเรื่องในคืนนั้น ท่านหญิงซูฉีฮั่นบอกให้ข้าเป็นหนึ่งในสิบนักปราชญ์ แต่ข้าได้รับคําแนะนําจากท่านอาจารย์และไม่กล้ายโส ข้าปฏิเสธแต่ท่านหญิงซูฉีฮั่นตัดสินใจไปแล้ว ข้าไม่สามารถต่อต้านนาง คนอ่อนแอจะสู้คนแข็งแกร่งได้อย่างไร?” หลี่เสียวไป๋แสดงออกด้วยความโศกเศร้า

 

“การเผชิญหน้าโดยบังเอิญของเจ้าทําให้ทุกคนรู้สึกอิจฉาแต่เจ้ากลับต้องการปฏิเสธงั้นหรือ?” อาจารย์เจียง

 

“ท่านอาจารย์ โปรดอย่าล้อเลียนข้า ข้ามาที่นี่เพื่อขอให้ท่านช่วย ข้ามีความสามารถไม่เพียงพอ การเป็นหนึ่งในสิบนักปราชญ์จะผลักข้าลงสู่ขุมนรก” หลี่เสี่ยวไป๋กล่าว

 

อาจารย์เจียงหยุดยิ้มและพยักหน้า “ถูกต้อง เจ้าสามารถยอมรับความจริง เห็นได้ชัดว่าการสั่งสอนของข้าไม่ได้สูญเปล่า แต่เจ้าคิดมากเกินไป หากเป็นก่อนหน้านี้การแย่งชิงตําแหน่งนักปราชญ์จะทําให้เจ้าพบอันตราย แต่ตอนนี้เจ้ากลายเป็นหนึ่งในสิบนักปราชญ์ไปแล้ว ราชสํานักจะปกป้องเจ้า ผู้ใดที่พยายามทําร้ายเจ้าก็คือศัตรูของราชสํานักเช่นกัน เข้าใจหรือไม่?

 

หลี่เสี่ยวไป๋ส่ายศีรษะ “แต่ข้ายังรู้สึกกังวล เมื่อเปรียบเทียบกับอีกเก้าคน ข้ามีชื่อเสียงน้อยที่สุด ผู้คนอาจไม่พอใจ นอกจากนี้หลังจากเรื่องนั้นเกิดขึ้น ท่านหญิงซูฉีฮั่นก็เข้มงวดกับข้ามาก”

 

อาจารย์เจียงพยักหน้าอีกครั้ง “แม้ข้าจะอยู่ที่นี่แต่ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของซูฉีฮั่น นางมีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ และมีความภาคภูมิใจในตนเอง เมื่อนางต้องการรับผิดชอบเจ้า ข้าแน่ใจว่านางจะแต่งงานกับเจ้า ข้าหมายถึงนางต้องการให้เจ้าแต่งเข้าตระกูลซู”

 

“นางเป็นหนึ่งในนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งยุคสมัย สามีของนางต้องคู่ควรกับนาง หลังจากนางทดสอบเจ้าและพบว่าเจ้ามีพรสวรรค์บางอย่าง นางจึงเสนอชื่อของเจ้า ในอนาคตนางจะปูทางให้เจ้าและช่วยให้เจ้าก้าวไปข้างหน้า”

 

ขณะกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ อาจารย์เจียงก็มองหลี่เสี่ยวไป๋ด้วยสายตาซับซ้อน

 

เขาเคยเป็นหนึ่งในสิบนักปราชญ์ในอดีต เขาภูมิใจในความสามารถของตน แต่โลกมักโหดร้ายกับผู้คนเสมอ เขาไม่สามารถแข่งขันกับคนอื่นๆ เมื่อเวลาผ่านไป แม้เขาจะมีชื่อเสียง แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าสู่ราชสํานัก

 

อย่างไรก็ตามผู้ใดจะคิดว่าศิษย์ของเขาจะประสบความสําเร็จเพราะโชคช่วย!

 

ด้วยเหตุผลที่ไร้สาระ เขากลายเป็นผู้ชายของซูฉีฮั่นและได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากนาง

 

บิดาของซูฉีฮั่นเป็นเสนาบดใหญ่ของราชสํานึก นี่หมายความว่าหลี่เสี่ยวไป๋ได้รับภูมิหลังที่แข็งแกร่งมาแล้ว

 

“กล่าวตามตรง ข้าค่อนข้างมีความสุขในตอนแรก แต่เมื่อเร็วๆนี้ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ข้าเริ่มกลัว มีผู้คนมากมายชื่นชอบและไล่ตามท่านหญิงซูฉีฮั่น บุรุษที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์เหล่านั้นจะเกลียดชังข้าที่กลายเป็นคนรักของท่านหญิงซูฉีฮั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากกลายเป็นหนึ่งในสิบนักปราชญ์ ข้าต้องเข้าไปพบจักรพรรดิในวัง ข้าควรทําอย่างไร? ตอนนี้ข้าหมดหนทางแล้ว ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์” หลี่เสี่ยวไป๋ถอนหายใจ

 

อาจารย์เจียงบ่นเล็กน้อย “เสี่ยวไป๋ อย่าดูถูกตนเอง เจ้ามีพรสวรรค์เพียงพอ เจ้าคิดว่าการสั่งสอนของข้าไร้ประโยชน์งั้นหรือ? ในฐานะศิษย์ของข้า หากบางคนต้องการโจมตีเจ้า พวกเขายังต้องคิดถึงชื่อเสียงของข้า เอาเช่นนี้ ข้าจะเขียนจดหมายแนะนําสองสามฉบับให้เจ้าไปพบพวกเขา แล้วพวกเขาจะช่วยเหลือเจ้าตลอดทาง”

 

หลังจากนั้นอาจารย์เจียงก็ตัดสินใจ “เจ้าจงอยู่ที่นี่สักสองสามวัน ข้าจะสั่งสอนเจ้า”

 

หลี่เสี่ยวไป๋ดีใจมาก เขาเร่งโค้งคํานับ “ศิษย์ขอบคุณท่านอาจารย์!”

 

ซูฉีฮั่นต้องการเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับแต่หลี่เสี่ยวไป๋ไม่สนใจเรื่องนั้น

 

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาก็บอกความลับกับอาจารย์เจียงและขอความช่วยเหลือทันที

 

อาจารย์เจียงถูกกัดขันและไม่สามารถเข้าสู่ราชสํานัก ตอนนี้ศิษย์ของเขามีโอกาาสสูงที่จะได้เข้าไป หากศิษย์ของเขามีชื่อเสียงในอนาคต เขาจะลืมอาจารย์ผู้นี้งั้นหรือ?

 

ไม่อย่างแน่นอน

 

อาจารย์เจียงคุ้นเคยกับหลี่เสี่ยวไป๋ เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่คนเนรคุณ

 

กระทั่งหลี่เสี่ยวไป๋จะไม่สนใจเขาในอนาคต แต่เขาย่อมไม่กล้าเพิกเฉยต่อผู้มีพระคุณท่ามกลางสายตาของสาธารณชน ยิ่งสถานะของหลี่เสี่ยวไปสูงเท่าใด เขาก็ยิ่งต้องให้ความสําคัญกับอาจารย์ของเขามากเท่านั้น

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้อาจารย์เจียงก็ตัดสินใจดูแลศิษย์ผู้นี้อย่างดีที่สุด

 

หลังจากทั้งหมดความสําเร็จของศิษย์ก็คือความสําเร็จของอาจารย์!