ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 661 เดินบนทางที่ผู้คนไม่เคยเดิน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้ายได้สำเร็จ!

การหลอมเปลี่ยนพลังงานและปราณมังกรเพื่อชำระล้างร่างกาย การดูดซับพลังจันทร์ของดำส่วนหนึ่ง การฝึกฝนท่าคุนเผิงรกร้างอันเป็นวรยุทธ์สะท้านโลกา ต่างทำให้พลังของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพัฒนาขึ้นขั้นหนึ่ง

สุดท้ายในตอนนี้ หลังจากได้ผลึกปอดแดนทะเลมา มันก็ก้าวเท้าก้าวสุดท้ายสำเร็จ

ภายใต้การสั่งสม ด่านที่ลำบากยากเข็ญสำหรับคนจำนวนมาก ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลับก้าวข้ามได้อย่างสบายๆ

น้ำทั้งหมดไหลรวมกันเป็นธาร

ชายชราผู้นั้นแม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามเช่นกัน อีกทั้งยังฝึกฝนวิชาอย่างคัมภีร์นภากาลเวลา กอปรกับมีพลังเหนือธรรมดา

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกระบองไม้ไผ่สีเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอ อาวุธศักดิ์สิทธิ์กระบี่รุ้งพร่างพราวของเขาไม่อาจแสดงความสามารถได้

เยี่ยนจ้าวเกอถอดเกราะเหมันต์ทระนง ใส่ลงบนร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่เหี้ยมหาญอยู่แล้วน่าเกรงขามมากขึ้น ผลลัพธ์ของการต่อสู้ต่อจากนี้ถูกลิขิตไว้แล้ว

ปราณมังกรหลายสายในวังฝูงมังกรกลายเป็นสายโซ่ ผนึกทางหนีของชายชราผู้นั้นไว้โดยสิ้นเชิง

สู้ก็สู้ไม่ได้ หนีก็หนีไม่พ้น

เยี่ยนจ้าวเกอหมายจะจับเป็นชายชราผู้นี้ ในเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าที่ส่งของวิเศษต่างๆ เช่นเครื่องหอมบรรจุฟ้าและผลึกปอดแดนทะเล เช่นนั้นก็น่าจะเข้าใจรายละเอียดของค่ายกลบูชาฟ้า

ถึงแม้จะอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้ายเหมือนกัน ทว่ามีเรื่องที่รู้มากกว่าน้องชายเสียนิสัยอย่างคังจิ่นหยวนอย่างชัดเจน

แต่ว่าชายชราผู้นี้กลับมีนิสัยเด็ดขาดยิ่ง ไม่กลัวตายเหมือนคังจิ่นหยวนนั่น

จนถึงตอนสุดท้ายเมื่อพบว่าไม่มีความหวังจะหนีอีก และเยี่ยนจ้าวเกอมีความคิดจะจับเป็น เขาก็กัดฟันพุ่งใส่คมหอกของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกใช้พลังและท่ามือได้ตามใจ เก็บพลังของตัวเอง

ชายชราผู้นั้นกลับทำท่าขอตกตายร่วมกับศัตรู ไม่สนใจตัวเองโดยสิ้นเชิง ฉวยโอกาสจู่โจมอย่างดุดัน

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้าเล็กน้อย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพลันส่งหอกออกไป แทงทรวงอกของอีกฝ่ายทะลุ

ประกายชีวิตหายไปจากดวงตาของชายชราอย่างรวดเร็ว คนโรยราลง

ก่อนจะตาย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยอมรับ แต่ไม่ใช่เป็นเพราะความตายของตัวเอง “โจรน้อย เจ้าทำลายแผนการใหญ่ของพวกข้า ข้าไม่มีทางเลิกรากับเจ้าเป็นอันขาด!”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเขา จู่ๆ ก็ยิ้มขึ้น “ตาเฒ่า พวกท่านทำให้แผนการใหญ่ของข้าสำเร็จ ขอบคุณมาก”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเก็บกระบี่รุ้งพร่างพราวในมือของอีกฝ่าย

ชายหนุ่มยื่นมืออกมากดบนจุดตันเถียนของชายชรา ลมปราณที่เหมือนความโกลาหลรุกล้ำเข้าไปด้านใน

อีกฝ่ายที่ใกล้หมดลมหายใจ พึมพำอย่างยากลำบาก “เจ้าคิดจะสำรวจวรยุทธ์ของพรรคเราหรือ? ไม่มีประโยชน์ ไฉนจะให้เจ้าดูออกง่ายขนาดนั้น? เจ้า…”

เขาพลันเบิกตาขึ้น “นี่…”

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าราบเรียบ ญาณจริงแท้ที่เหมือนกับความโกลาหลกลางฝ่ามือรุกล้ำเข้าไปในร่างของชายชรา ค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพไร้สิ้นสุด

ญาณจริงแท้ที่กำลังจะสลายของอีกฝ่ายไหลเชี่ยวไม่หยุด คล้ายกับกลายเป็นกระแสเวลา

กระนั้นในวินาทีนี้ เวลาเหมือนกับหมุนกลับ ทุกสิ่งต่างถอยกลับสู่จุดเริ่มต้นในตอนแรกสุด เมื่อครั้งฟ้าดินยังไม่ได้แยกออกจากกัน ความขมุกขมัวยังไม่จางหาย

ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ มีลวดลายแสงหลายสายสว่างขึ้น เรียงกันไม่เป็นระเบียบ ไม่มีลำดับขั้นตอน

แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอัศจรรย์พันลึกนัก

ตนเหมือนกับยืนอยู่บนกระแสเวลาอีกครั้ง ปลีกตัวออกมา ก้มมองทะเลเหือดแห้งกลายเป็นนา การเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง

‘ถึงจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ทำให้ผู้คนได้รับประโยชน์ไร้สิ้นสุด’ เยี่ยนจ้าวเกอมุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย ในใจเบิกบานยิ่ง

ขณะมองสีหน้าไม่อยากเชื่อบนใบหน้าของชายชราผู้นั้น เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเยาะเย้ยว่า “ท่านเข้าใจวิชากระบี่กาลเคลื่อนคล้อยที่ท่านฝึกฝนสักเท่าไรเชียว? รู้หรือไม่ว่ารากฐานของมันคืออะไร?”

“คัมภีร์…นภา…กาลเวลา” ชายชราพูดอย่างยากลำบาก หายใจออกมากกว่าหายใจเข้า ใกล้จะสิ้นชีวิตแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเล็กน้อย “คัมภีร์นภากาลเวลา เคล็ดวิชาหยกพิสุทธิ์ หนึ่งในหกคัมภีร์ที่กำเนิดขึ้นภายหลังของคัมภีร์นภาแรกเริ่ม”

“ในเมื่อท่านรู้ชื่อคัมภีร์นภากาลเวลา เช่นนั้นสมควรรู้ว่าในคัมภีร์นภาแรกเริ่มสิบม้วน คัมภีร์นภาไร้ขีดจำกัดเป็นอันดับหนึ่งในคัมภีร์สิบม้วน เป็นแหล่งกำเนิดของทุกวิชา”

ชายชราอ้าปากตาค้าง ลมหายใจขาดห้วง ตายตาไม่หลับ

เยี่ยนจ้าวเกอชักฝ่ามือกลับ ส่ายหน้าเล็กน้อย พลางมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหิ้วศพของชายชราผู้นี้ลงไป ก่อนที่เขาจะมองกระบี่รุ้งพร่างพราวในมือ พร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย

‘ก่อนหน้านี้เอาแต่พูดพร่ำมาตลอดว่าในมือไม่เคยมีกระบี่ที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ วันนี้ได้มาแล้ว’

เขาอดยิ้มขึ้นไม่ได้ แล้วงอนิ้วดีดกระบี่ในมือ

จิตพลังที่แฝงอยู่ในกระบี่ยาวเล่มนี้ไม่ได้สอดประสานกับคัมภีร์นภากาลเวลาและกระบี่กาลเคลื่อนคล้ายโดยสิ้นเชิง

เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะสู้กับชายชราผู้นั้น ได้ศึกษาจิตวรยุทธ์ของเขา อีกฝ่ายน่าจะไม่ได้สร้างกระบี่นี้ด้วยตัวเอง

บางทีอาจจะมีคนอื่นมอบให้ บางทีอาจเป็นโชควาสนาที่ได้มาจากโลกภายนอก

แต่ว่าคุณสมบัติของกระบี่รุ้งพร่างพราวนี้สูงส่งยิ่ง เป็นอาวุธที่โดดเด่นในหมู่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำ

‘เพราะโชควาสนาจากวังฝูงมังกรกับพิธีอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือก สมบัติของข้าจึงมีมากกว่าคนทั่วไป ไม่จำเป็นต้องลงแรงอย่างค่อยเป็นค่อยไปเหมือนมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมคนอื่น’ เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญ ‘มีคัมภีร์นภาไร้ขีดจำกัดเป็นพื้นฐาน ด่านประสานร่างเนื้อและวิญญาณรวมกับรูปญาณวรยุทธ์ สำหรับคนอื่นยากเย็นแสนเข็ญ หรือถึงขั้นอันตราย แต่สำรับข้ากลับง่ายดายนัก’

“เพียงแต่แค่นี้จะพอหรือ?”

ชายหนุ่มพึมพำ พลันหัวเราะขึ้นมา ‘จิตใจคนไม่ควรโลภมากอย่างงูกลืนช้าง คำพูดของคนโบราณไม่หลอกลวง’

‘การมีปณิธานสูงส่งกับการมักใหญ่ใฝ่สูง จริงๆ ใกล้กันเพียงเส้นบางๆ เท่านั้น’

เยี่ยนจ้าวเกองอนิ้วดีดคมกระบี่รุ้งพร่างพราว ทำให้ปราณกระบี่ของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ซัดสาด ต่อต้านอย่างต่อเนื่อง

สายตาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแน่วแน่ ‘ก่อนวิกฤตการณ์มีเทพเซียนอยู่เต็มท้องฟ้า แต่เพราะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ปัจจุบันยังเหลืออยู่เท่าไรไม่มีใครรู้ ทว่าพวกเขาทำได้ถึงขั้นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาเลย’

‘คิดจะโดดออกจากบ่อ จำเป็นต้องเดินบนเส้นทางที่ไม่เคยมีคนเดิน หรือเดินน้อยมาก’

ในขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอต่อสู้กับชายชราผู้นั้น สถานการณ์การต่อสู้ในทางเหนือของทะเลหวงเจียก็กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือดเช่นกัน

เพลิงอัสนีมากมายบนเกาะเฉวียนหลิงทำให้ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติเกิดการเปลี่ยนแปลง

การเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณแถบทะเลเหนือปั่นป่วน ย่อมทำให้ยอดฝีมือทั้งหมดในกองทัพต่อต้านต้าเสวียนที่อยู่ในข่ายกระบี่บนเกาะโม๋หลูรู้สึกตัว

ดองทัพต่อต้านต้าเสวียนฉวยโอกาสตอนที่ราชวงศ์ต้าเวียนอ๋องหยั่งเท้าไม่มั่นคง ทำให้อีกฝ่ายปั่นป่วนยิ่งกว่าเดิม จนถึงขั้นตกอยู่ในสภาพปั่นป่วนมากขึ้น ทั้งสองฝ่ายรบกันเป็นพัลวัน

ส่วนที่เกาะเฉวียนหลิงจะเกิดเหตุอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์ต้าเวียนอ๋องกับฝ่ายต่อต้านต้าเสวียนต่างค่อนข้างประหลาดใจ

พวกหนงอวี่ซวนที่เป็นจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างหลังจากหลบการระเบิดครั้งสุดท้ายของเสาแสง ก็เกิดการปะทะกับจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องในท้องที่เช่นกัน

หลังจากสลัดหลุดได้แล้ว พวกหนงอวี่ซวนก็กลับน่านน้ำทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิงอย่างเหนือความคาดหมายของผู้คนอีกครั้ง

หนงอวี่ซวนมองดูมหาสมุทรที่ยังคงเหมือนกับถูกต้ม พลางเงียบงันไม่พูดจา

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างด้านข้างคิดไม่ออก “มหาปรมาจารย์คนหนึ่งทำได้อย่างไร?”

“อวี่ซวน เจ้าเป็นคนที่ศึกษาค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติมากที่สุด คนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องสามารถงอนิ้วนับได้ เจ้าดูออกหรือไม่ว่าเด็กน้อยจากโลกเบื้องล่างผู้นั้นทำได้อย่างไร?”

หนงอวี่ซวนได้ยินแล้วกลับไม่ตอบ ร่างของเขาจมลงไปในมหาสมุทรด้านล่าง เขาพุ่งถึงก้นทะเล เข้าใกล้เปลือกแผ่นดิน

ณ ที่แห่งนั้น ยังคงมีไฟใต้พิภพพวยพุ่งอยู่