ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 662 สวมรอยรับความดีความชอบ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ค่ายกลที่รุนแรงดุดันอย่างค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ หลังจากทำงานแล้วจะก่อเกิดการทำลายล้างน่าสะพรึง

แม้แต่ตัวค่ายกลเองก็ยังต้องหายไปเพราะสาเหตุนี้ คิดจะใช้อีกครั้งจึงจำเป็นต้องสร้างขึ้นใหม่

การทำลายล้างและการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อลักษณะพิเศษทางภูมิประเทศและการหมุนเวียนปราณวิญญาณรอบๆ ยิ่งไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง

น่านน้ำทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิงในตอนนี้แทบจะเปลี่ยนสภาพไปโดยสิ้นเชิง

ทว่าในสายตาคนที่ศึกษาค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติอย่างลึกซึ้งเช่นหนงอวี่ซวน กลับยังคงมีร่องรอยให้พอสืบสาวได้

เขามองทุกอย่างเบื้องหน้าอย่างเงียบๆ จมอยู่ในห้วงความคิด

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว “ไม่อาจอยู่นานเกินไป จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเวียนอ๋องที่อยู่บนเกาะเฉวียนหลิงแม้ว่าจะก่อให้เกิดข้อผิดพลาดที่ใต้จมูก แต่หากทางเกาะโม๋หลูได้รับข่าว ราชวงศ์ต้าเวียนอ๋องจะยิ่งส่งจอมยุทธ์ระดับสูงกว่ามาตรวจสอบเรื่องราว”

หนงอวี่ซวนโบกมือ ไม่กล่าววาจา

คนอื่นได้แต่อดทนรอคอย

แต่หลังจากเวลาผ่านไป หนงอวี่ซวนยังคงมองก้นทะเลพลางเหม่อลอย ทุกคนได้แต่เร่งเร้าเขา

ตอนที่ความอดทนของทุกคนใกล้จะหมดลง เร่งรัดครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายหนงอวี่ซวนก็เอ่ยปากขึ้น “ได้แล้ว พวกเราไป”

ทุกคนต่างถอนใจโล่งอก ขณะเดียวกันก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้น

เหล่าคนในสำนักแสงสว่างถอยไปอย่างรวดเร็ว ออกจากน่านน้ำทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิงอีกครั้งหนึ่ง

ขณะที่เดินทาง สายตาของทุกคนล้วนอยู่บนตัวหนงอวี่ซวน

หนงอวี่ซวนสายตาเคร่งขรึม “ถ้าหากข้ามองไม่ผิดล่ะก็ เยี่ยนจ้าวเกอนั่นน่าจะแทงหินโสโครกที่ก้นทะเลของน่านน้ำทางเหนือรอบๆ เกาะเฉวียนหลิง เพื่อกระตุ้นแกนไฟใยดินที่ฝังอยู่ข้างใต้”

“อีกทั้งยังไม่ใช่วิธีธรรมดา เขาน่าจะทำถึงเก้าครั้งทีเดียว เป็นสภาวะเก้าดาวต่อเนื่อง ทำให้แกนไฟมีเสถียรภาพ จากนั้นก็กระตุ้นให้แกนไฟต่อต้านและปะทุ”

คนในสำนักแสงสว่างมองหน้ากันเอง หนงอวี่ซวนอธิบายต่อ “เนื่องจากค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องวางไว้ เดิมทีก็ทำให้การหมุนเวียนของปราณวิญญาณและใยดินของที่นี่ปั่นป่วนอยู่แล้ว ดังนั้นเด็กน้อยนั่นจึงทำสำเร็จได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้”

“ไฟใต้พิภพปะทุ อาคมค่ายกลไม้เขียวจันทราที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องสร้างไว้บนเกาะเฉวียนหลิงจึงทำงาน”

“ตามปกติแล้ว พลังการปะทุของไฟใต้พิภพขาดปกติไม่อาจกระตุ้นอาคมค่ายกลไม้เขียวจันทราได้ แต่ว่าสภาวะเก้าดาวต่อเนื่องเหนี่ยวนำใยดินของเกาะเฉวียนหลิงอย่างแยบคาย ก่อให้เกิดผลลัพธ์ใช้เล็กงัดใหญ่”

หนงอวี่ซวนพ่นลมหายใจยาว “อาคมค่ายกลไม้เขียวจันทราพอถูกกระตุ้น อัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติที่ถูกสั่งสมจนจับตัวกันอยู่กลางอากาศเนื่องจากการคงอยู่ของค่ายกลที่เกาะเฉวียนหลิง จึงถูกดึงลงมาจากฟากฟ้า”

“ไฟใต้พิภพกลายเป็นเสาไฟเก้าต้นพวยพุ่งออกมา จากนั้นก็กลายเป็นค่ายกลขนาดเล็กในความไร้ร่องรอย เกิดการรวมกลุ่ม ดังนั้นเพลิงสายฟ้าจากท้องฟ้าจึงไม่ได้พุ่งลงมายังเกาะเฉวียนหลิงทั้งหมด แต่ถูกดึงให้มารวมตัวกัน ก่อนจะพุ่งใส่น่านน้ำทางเหนืออย่างแม่นยำ ประสานกับไฟใต้พิภพ สุดท้ายรวมกันเป็นหนึ่งเดียว”

หนงอวี่ซวนพูดจบก็เม้มปาก “น่าจะเป็นเช่นนี้แน่ นอกจากวิธีนี้ ข้าก็นึกวิธีอื่นไม่ออกแล้ว”

ครั้นพูดถึงตรงนี้ เขาก็ไม่ได้พูดประโยคหลังออกมา

จากการศึกษาอยู่เนิ่นนานในสถานที่จริง เขาถึงเข้าใจวิธีการของเยี่ยนจ้าวเกอ โดยมีการพึ่งพาเบาะแสมากมาย แล้วค่อยคำนวณย้อนจนได้ผลลัพธ์ออกมา

ถ้าให้หนงอวี่ซวนมายังเกาะเฉวียนหลิงเองก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะลงมือ แม้จะรู้ว่าพื้นที่แห่งนี้วางค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติไว้ เขาก็ไม่อาจแก้ไขอยู่ดี

ถึงอย่างไรค่ายกลก็สร้างไว้แล้ว เพียงแต่สะสมพลังไว้ไม่ยอมปล่อยเท่านั้น

เมื่อเห็นทุกอย่างและทำความเข้าใจวิธีการเสร็จ หนงอวี่ซวนก็รำพึงรำพันว่าที่แท้ทำเช่นนี้ได้ด้วย

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่เหลืองงงันยิ่งกว่า

“นี่เป็นสิ่งที่เด็กน้อยจากโลกเบื้องล่างผู้นั้นคิดได้หรือ ใช่เป็นการมั่วเอาหรือไม่?” มีคนเอ่ยขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

หนงอวี่ซวนส่ายหน้า พูดอย่างมั่นใจว่า “เป็นไปไม่ได้ การแทงแกนไฟใต้ดินด้วยสภาวะเก้าดาวต่อเนื่อง พูดเป็นเรื่องง่าย จุดเก้าจุดที่แทงใส่นั้นมีหลักการของมัน หากจุดหนึ่งผิดไปก็ไม่เกิดผลอะไร จำเป็นต้องแม่นยำมากถึงจะทำได้ มั่วอย่างไรก็มั่วไม่ออก”

สำหรับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ การแทงกระตุ้นแกนไฟใยดินไม่ถือว่ายาก สิ่งที่ยากคือการรู้ว่าควรลงมือตรงไหน

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างคนหนึ่งพูดอย่างเชื่องช้า “คนหนุ่มที่มาจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของโลกเบื้องล่างเคยบอกว่า ระดับความรู้ซึ้งในค่ายกลของเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้ไม่ธรรมดา ถึงขั้นถือครองกระบวนทัพที่แข็งแกร่งอย่างค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายที่หายสาปสูญไปหลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่”

“ดูจากวันนี้ เด็กน้อยนั่นไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งถอนใจด้วยความเสียดาย “เด็กน้อยผู้นี้เป็นภัยร้ายอย่างที่คิดไว้ ดูจากลักษณะก่อนหน้า คงผูกมิตรกับสำนักความมืดแล้ว”

“เมื่อมีเรื่องวันนี้เกิดขึ้น ไม่แน่ว่าหอกระบี่ทะเลเหนือกับเกาะมนุษย์สำริดก็จะปกป้องเขาด้วย”

ผู้อาวุโสหญิงคนหนึ่งคัดค้าน “แม้ว่าจะไม่ธรรมดา แต่พลังฝึกปรือก็ยังมีจำกัด อีกทั้งยังเกิดในสถานที่เล็กๆ อย่างโลกแปดพิภพ สำนักความมืดยังพอว่า แต่สำนักอื่นจะร่วมมือกับคนธรรมดาเช่นนี้เพื่อกดหัวเราหรือ? อย่างมากสุดก็แค่ช่วยซ่อนร่องรอยเท่านั้น นี่นับว่ามีน้ำใจมากแล้ว”

“ไม่แน่ว่าอาจจะหมายตาของวิเศษหรือรูปแบบค่ายกลอะไรที่เด็กน้อยนี้มีอยู่ก็ได้”

ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างที่อยู่ด้านข้างส่ายหน้า “หากเป็นหอกระบี่ทะเลเหนือ…ยากจะบอก ต่อให้พวกเขาจะไม่ล่วงเกินพวกเราเหมือนคำพูดของเจ้า แต่แค่คุ้มครองให้ที่ซ่อน หรือปกปิดร่องรอยให้ ก็ทำให้ผู้คนปวดหัวแล้ว”

มีคนเสนอขึ้น “ไม่เช่นนั้น อย่าเพิ่งไปสนใจเขา หาโอกาสโจมตีโลกแปดพิภพก่อนดีหรือไม่?”

ผู้อาวุโสหญิงคนนั้นส่ายหน้า “ยังยืนยันไม่ได้ว่าเขานำของวิเศษพระอาทิตย์ชิ้นนั้นมายังโลกซ้อนโลกด้วย หรือทิ้งไว้ที่โลกแปดพิภพ หากอยู่ในโลกแปดพิภพก็ดี แต่ถ้าอยู่บนโลกซ้อนโลกแล้วเขาเอาแต่ซ่อนตัวหรือผละจากทะเลหวงเจีย ก็จะตามหายากกว่าเดิม”

“มิหนำซ้ำตอนนี้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องยังเร่งการโจมตี สำนักเราไม่อาจแบ่งกำลังไปได้”

หนงอวี่ซวนครั้งนี้พูดอย่างเชื่องช้า “ปล่อยให้หอกระบี่ทะเลเหนือกับเกาะมนุษย์สำริดติดค้างบุญคุณคนผู้นี้ก็พอ”

เขาเว้นครู่หนึ่ง กล่าวเสริมว่า “ไม่แน่ว่าจะทำให้พวกเขาติดหนี้พวกเราสำนักแสงสว่างด้วย”

รอบๆ เงียบงันลง ท่านมองข้า ข้ามองท่าน

ทุกคนแทบจะเข้าใจความคิดของหนงอวี่ซนในชั่วพริบตา

ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่า ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติถูกทำลายอย่างไร…

มีคนลดเสียงถามว่า “ในตอนนั้นคนที่อยู่รอบๆ ยังมีใครอีก?”

หนงอวี่ซวนตอบ “นอกจากพวกเรากับเยี่ยนจ้าวเกอนั่น มีแค่คนจากเก้ากระบี่ผู้วิเศษแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง”

คนในสำนักแสงสว่างดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย

ไม่จำเป็นต้องฆ่าปิดปากด้วยซ้ำ

สำหรับหอกระบี่ทะเลเหนือ สำนักความมืด และเกาะมนุษย์สำเริด คำพูดของสำนักตนที่อยู่ในกองทัพต่อต้านต้าเสวียน กับคนของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง คำพูดใครน่าเชื่อกว่า ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้

ยิ่งไปกว่านั้น คนในเก้ากระบี่ผู้วิเศษรู้ว่าสำนักแสงสว่างมีความบาดหมางกับเยี่ยนจ้าวเกอ ปัจจุบันพวกเขาเองก็มีปัญหากับชายหนุ่มเช่นกัน เพื่อให้สำนักแสงสว่างกับเขาผู้นี้สู้กัน ไม่แน่ว่าจะยินดีจะเห็นเยี่ยนจ้าวเกอเสียท่า

หนงอวี่ซวนมองคนรอบๆ “สิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือ เยี่ยนจ้าวเกอผู้นั้นมีนิสัยไม่ยอมถูกเล่นงาน พวกเราสวมรอยรับความดีความชอบแทน เขาจะต้องไม่ยินยอมแน่”

“พวกเรากังวลว่าจะหาตำแหน่งของเขาไม่เจอมาตลอด ตอนนี้สามารถสะกิดความโกรธของเขา ให้เขากระโดดออกมาเองได้แล้ว หากเขากล้าออกมา จะได้สังหารเขาพอดี!”

ทุกคนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย พยักหน้าไม่พูดจา