บทที่ 1879 สถานการณ์ของสองภูมิภาค

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1879 สถานการณ์ของสองภูมิภาค

 

ทะเลตะวันออก

 

วังมังกร

 

อู๋ส่วยนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรขณะจัดการกองทัพมดของเขา

 

ในช่วงเวลาที่ผ่านมากองทัพมดพัฒนาไปมากแล้ว

 

ตอนนี้มีมดมากกว่าหนึ่งร้อยล้านตัวเคลื่อนที่ราวกับแม่น้ําสีทองอยู่บนท้องฟ้า

 

อู๋ส่วยนําทรัพยากรอมตะระดับแปดออกมา

 

มันเป็นพวงขนนกที่ดูเหมือนหินและเรืองแสงสีเทาขาว

 

นี่คือขนของจักรพรรดิวิหคซากศพแรกกําเนิด

 

อู๋ส่วยโยนมันเข้าไปในแม่น้ําสีทองขณะที่กองทัพมดหนึ่งหมื่นตัวกัดกินมันเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

ต่อมามดเหล่านั้นก็ให้กําเกิดมดกลุ่มใหม่ พวกมันเป็นมดซากศพที่ปลดปล่อยพลังงานแห่งความตายออกมา

 

“มดซากศพทนทานมากในการต่อสู้ แม้มดทหารจะตาย แต่ศพของพวกมันจะกลายเป็นอาหารของมดซากศพต่อไป นี่จะทําให้ข้าสามารถประหยัดค่าอาหารได้เล็กน้อย” อู๋ส่วยถอนหายใจ

 

การเลี้ยงมด นอกจากการให้อาหาร เจ้าของยังต้องสร้างมดสายพันธุ์ใหม่เพื่อสนับสนุนการทํางานของพวกมัน

 

กองทัพมดที่เติบโตเต็มที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด แต่การบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาสต้องพึ่งพาทรัพยากร ที่ทําให้อู๋ส่วยรู้สึกถึงภาระอันหนักหน่วง

 

“ร่างหลักกําลังหลอมรวมวิญญาณอมตะและมีค่าใช้จ่ายมหาศาล ขณะเดียวกันการเลี้ยงดูกองทัพมดของข้าก็เหมือนหลุมลึกเช่นกัน”

 

โชคดีที่ข้าได้รับความช่วยเหลือกจากเผ่ามนุษย์อสูรและเผ่ามนุษย์เงือก มิฉะนั้นกองทัพมดของข้าจะไม่มาถึงระดับนี้

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของอู๋ส่วยเปลี่ยนไป

 

ผู้อมตะผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นนอกวังมังกร อู๋ส่วยเปิดประตูวังและเชิญคนผู้นี้เข้ามา

 

“ถังฉงทักทายท่านอู๋ส่วย”

 

มันเป็นนางเงือกเกล็ดเหลืองที่ดูน่ารักและอ่อนโยนผู้หนึ่ง

 

นางเป็นผู้อาวุโสของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์และเป็นตัวแทนของพวกเขาในการติดต่อกับอู๋ส่วย

 

อู๋ส่วยนําถังฉงเข้าสู่วังมังกร

 

“แม้นจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้ามาแต่ข้ายังรู้สึกตื่นเต้นกับความยิ่งใหญ่ของวังมังกร” ถังฉงถอนหายใจ

 

อู๋ส่วยหัวเราะ “เทพธิดาถังฉง สิ่งใดนําเจ้ามาที่นี่?”

 

ถังฉงแสดงออกอย่างจริงจัง “ผู้อาวุโส บรรพชนทะเลปราณกําลังจะจัดงานเลี้ยงในทะเลตะวันออก เขาเชิญผู้อมตะทั้งหมดของทะเลตะวันออกเข้าร่วม วังเงือกศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้รับเชิญเช่นกัน ผู้อาวุโสสูงสุดของเรา อยากถามว่าผู้อาวุโสต้องการไปงานเลี้ยงครั้งนี้พร้อมกับพวกเราหรือไม่?”

 

“เป็นเช่นนั้น” ดวงตาของอู๋ส่วยส่องประกายขึ้น

 

หลังจากร่างหลักของฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะกลายพันธุ์จากทะเลทรายตะวันตก เขาใช้อัตลักษณ์ของบรรพชนทะเลปราณเข้าแทรกแซงทะเลตะวันออก

 

งานเลี้ยงครั้งนี้เป็นหนึ่งในแผนการของฟางหยวนแต่เขาไม่ได้เชิญอู๋ส่วย

 

วังเงือกศักดิ์สิทธิ์เชิญอู๋ส่วยไปพร้อมกับพวกเขาเพราะต้องการให้ทุกคนเห็นถึงความใกล้ชิดระหว่างเผ่ามนุษย์เงือกกับเผ่ามนุษย์มังกร

 

“ข้ามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังมังกรระดับแปด ขณะที่วังเงือกศักดิ์สิทธิ์ไม่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด กองกําลังของพวกเขาก่อตั้งขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากเทพอมตะสวรรค์พิภพในอดีต หลังจากหลายปีอิทธิพลของเทพอมตะสวรรค์พิภพค่อยๆลดน้อยลง พวกเขาจะค่อยๆสูญเสียการปกป้องไปในที่สุด

 

“ในฐานะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ เผ่ามนุษย์มังกรเป็นพันธมิตรกับพวกเขาโดยธรรมชาติ”

 

ถึงกระนั้นเผ่ามนุษย์เงือกก็ยังเสี่ยงมาก แต่ผู้อาวุโสสูงสุดรุ่นปัจจุบันของพวกเขาค่อนข้างรอบคอบ

 

อู๋ส่วยคิดเกี่ยวกับมันก่อนจะเปิดปากถาม “บรรพชนทะเลปราณเชิญฟางหยวนด้วยหรือไม่?

 

ถังฉงสายศีรษะ “บรรพชนทะเลปราณประกาศว่าเขาจะไม่เชิญฟางหยวน เขากล่าวว่างานเลี้ยงครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงของทะเลตะวันออก ฟางหยวนไม่ใช่ผู้อมตะของทะเลตะวันออก เขาจะไม่ได้รับเชิญ”

 

อู๋ส่วยพยักหน้า

 

มันควรเป็นเช่นนั้น

 

หากบรรพชนทะเลปราณเชิญฟางหยวน มันจะเป็นการต่อต้านวังสวรรค์ แม้บรรพชนทะเลปราณจะไม่กลัววังสวรรค์ แต่เขาต้องพิจารณาความรู้สึกของผู้อมตะแห่งทะเลตะวันออกคนอื่นๆ

 

เขาไม่กลัววังสวรรค์แต่ผู้อมตะคนอื่นๆกลัวและระวังวังสวรรค์มาก

 

ชื่อเสียงของวังสวรรค์หยั่งรากลึกอยู่ในหัวใจของทุกคน หลังจากทั้งหมดมันเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของโลกมาถึงสามล้านปี

 

หากเขาเชิญฟางหยวน ผู้อมตะของทะเลตะวันออกอาจตัดสินใจไม่เข้าร่วมงานเลี้ยง นั่นจะขัดกับความตั้งใจของฟางหยวน

 

อีกด้านหนึ่งบรรพชนทะเลปราณพึ่งได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดครึ่งแรกจากราชันมังกร หากเขาเข้าหาฟางหยวนทันที มันจะส่งผลกระทบต่อภาพรวม

 

ถังฉงสังเกตการแสดงออกของอู๋ส่วยแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ

 

ถังฉงกล่าว “ผู้อาวุโสอู๋ส่วย ขออภัยที่ขาต้องกล่าวถ้อยคําที่ไม่สุภาพ แต่ในความคิดเห็นของเผ่ามนุษย์เงือก แม้ท่านจะมีข้อตกลงกับฟางหยวนและทํางานร่วมกัน แต่ท่านก็คือท่าน ฟางหยวนก็คือฟางหยวน เราไม่สามารถปฏิบัติเหมือนทั้งสองเป็นคนๆเดียวกัน แม้ฟางหยวนจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็เป็นมนนุษย์ เขาโหดเหี้ยมและไม่สามารถคาดเดา มนุษย์มังกรจะปกครองโลก แต่การลุกขึ้นของเผ่ามนุษย์มังกรควรพึ่งพาพลังของตนเองเป็นหลัก”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว” อู๋ส่วยหัวเราะ “ข้าจะจดจําความจริงใจของเผ่ามนุษย์เงือกเอาไว้ แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่มนุษย์มังกรจะปรากฏตัว”

 

“บรรพชนทะเลปราณเชิญผู้อมตะของทะเลตะวันออกจํานวนมาก แม้เขาจะมีข้อตกลงกับวังสวรรค์และวางตนเองไว้ตรงกลาง แต่วังสวรรค์ย่อมไม่ต้องการเห็นผู้มีอิทธิพลเช่นนี้อยู่ในทะเลตะวันออก”

 

“หากข้าเข้าร่วมงานเลี้ยง วังสวรรค์จะยิ่งระวังตัวมากขึ้น พวกเขาอาจลงมือกระทําการบางอย่าง”

 

“เมื่อถึงเวลานั้นเราไม่สามารถยืนยันว่าบรรพชนทะเลปราณจะมีท่าทีอย่างไร นอกจากนี้ตัวตนของข้าก็ไม่ใช่ผู้อมตะของทะเลตะวันออก”

 

ถังฉงไตร่ตรองก่อนกล่าว “จากการอนุมานของเผ่าข้า บรรพชนทะเลปราณแข็งแกร่งมาก แต่ในฐานะผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาจึงวางตัวเป็นกลาง เขาทําข้อตกลงกับวังสวรรค์และฟางหยวน ผู้อาวุโส หากท่านไป มันเป็นโอกาสดีที่เขาจะยืนยันจุดยืนของตนเอง เขาจะต้องต้อนรับท่านอย่างแน่นอน แม้ทัศนคติของเขาอาจไม่กระตือรือร้นหรือเย็นชาเกินไปก็ตาม”

 

“ให้ข้าคิดดูก่อน” อู๋ส่วยกล่าว

 

“หากผู้อาวุโสตัดสินใจได้แล้วโปรดติดต่อขา ลาก่อน”

 

เมื่อถึงฉงจากไป อู๋ส่วยเริ่มคิด

 

จากสิ่งที่เขาเห็นทัศนคติของเผ่ามนุษย์เงือก มันเป็นประโยชน์มากต่อเขา เขาสามารถใช้มัน

 

เขาไม่ต้องการเป็นภาระให้กับร่างหลักมากเกินไป เขาต้องจัดการสิ่งต่างๆ ด้วยความพยายามของตนเอง

 

เผ่ามนุษย์เงือกเป็นส่วนหนึ่งของทะเลตะวันออกเช่นกัน ทัศนคติของพวกเขาถือเป็นทัศนคติของผู้อมตะของทะเลตะวันออกที่มีต่อบรรพชนทะเลปราณและงานเลี้ยงครั้งนี้

 

มันเป็นทัศนคติที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อแผนการของฟางหยวน

 

ด้วยอัตลักษณ์ของบรรพชนทะเลปราณ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรวมโลกผู้อมตะของทะเลตะวันออก

 

กระทั่งถ้ําสวรรค์นิรันดรจะปกครองภาคเหนือมานานหลายปี แต่พวกเขายังไม่สามารถรวมโลกผู้อมตะของภาคเหนือได้อย่างสมบูรณ์

 

ฟางหยวนไม่ได้ฝันถึงสิ่งนี้ สิ่งที่เขาต้องการคือการส่งอิทธิพลต่อโลกผู้อมตะของทะเลตะวันออก เขาต้องการทําให้แน่ใจว่าเมื่อเขาต่อสู้กับวังสวรรค์ในอนาคต การตัดสินใจและการเคลื่อนไหวของบรรพชนทะเลปราณจะส่งอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจของผู้อมตะแห่งทะเลตะวันออก

 

ก่อนงานเลี้ยงของบรรพชนทะเลปราณจะเริ่มขึ้น ร่างแยกฟางตี้เฉิงของฟางหยวนในทะเลทรายตะวันตกเริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน

 

“ทุกคน ลาก่อน”

 

“สหายเซียว โปรดดูแลตนเอง”

 

ฟางตี้เฉิงส่งผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกคนสุดท้ายจากไป

 

การประชุมของฝ่ายธรรมะแห่งทะเลทรายตะวันตกพึ่งสิ้นสุดลง

 

ร่างแยกฟางตี้เฉิงวางแผนกับร่างหลักของฟางหยวนนํากองกําลังพันธมิตรห้าตระกูลของทะเลทรายตะวันตกบุกเอาชนะวังสวรรค์ ฟางตี้เฉิงมีผลงานที่โดดเด่นที่สุด ดังนั้นเขาจึงเชิญกองกําลังใหญ่ทั้งหมดของทะเลทรายตะวันตกมาประชุมร่วมกันในครั้งนี้

 

“ฮีม เจ้าพวกนี้!” ฟางกงเดินออกมาและมองผู้อมตะที่จากไปอย่างไม่มีความสุข

 

ผลลัพธ์ของการรวมตัวครั้งนี้ไม่ดีนัก

 

กองกําลังจํานวนมากเย็นชาต่อตระกูลฟาง บางคนกระทั้งสงสัยถึงชัยชนะของตระกูลฟางต่อวังสวรรค์

 

ฟางตี้เฉิงเผยรอยยิ้มขมขึ้น “ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งอย่าโกรธมากเกินไป ความจริงก็คือวังสวรรค์สามารถล่าถอยได้อย่างปลอดภัย พวกเขาสูญเสียผู้อมตะระดับแปดเพราะบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ความพ่ายแพ้ของวังสวรรค์เป็นเพียงการเผยแพร่ข่าวเพื่อเพิ่มชื่อเสียงให้กับพวกเราเท่านั้น”

 

“ตระกูลฟางของเราขึ้นสู่อํานาจอย่างกะทันหันเกินไป กองกําลังเหล่านี้อิจฉาที่พวกเราได้รับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์”

 

“เราขอยู่บนคลื่นและจัดการประชุม ในสายตาของพวกเขา พวกเขาคิดว่าตระกูลฟางต้องการเป็นผู้นําอย่างเร่งรีบ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ส่งผู้อาวุโสที่มีอานาจมาแต่ส่งสมาชิกที่ไม่สําคัญบางคนมาเท่านั้น”

 

นอกเหนือจากกองกําลังใหญ่ที่เป็นพันธมิตรกับพวกเขา กองกําลังอื่นไม่ได้ให้ใบหน้าตระกูลฟาง

 

แต่นี่คือสิ่งที่ช่วยไม่ได้

 

ประการแรก ตระกูลฟางไม่ได้รับชัยชนะที่แท้จริง ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะคุกคามกอ กําลังอื่น

 

ประการที่สอง พวกเขาไม่มีอํานาจที่แท้จริง กองกําลังอื่นไม่สนใจที่จะสร้างความบันเทิงให้กับพวกเขา

 

“วังสวรรค์ต้องการสร้างความขัดแย้งระหว่างพวกเราเช่นกัน พวกเราสามารถขยายอิทธิพลได้อย่างช้าๆ เท่านั้น” ฟางตี้เฉิงกล่าว

 

“ฮึม เมื่อสงครามหาภูมิภาคปะทุขึ้น ข้าอยากเห็นว่าคนเหล่านี้จะทําอย่างไร?” ฟางกงก่นเสียงเย็น

 

ฟางตี้เฉิงช่าเลืองมองและลอบถอนหายใจ

 

กองกําลังเหล่านี้จะมองไม่เห็นภาพรวมได้อย่างไร?

 

พวกเขารู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนแต่แล้วอย่างไร?

 

ผลประโยชน์สําคัญที่สุดเสมอ หากไม่มีวิกฤตถึงชีวิต ทัศนคติของพวกเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ยินดีร่วมมือกันโดยง่าย