หลิงตู้ฉิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาไม่มองไปยังทิศทางของเขตแดนหมอกเลยแม้แต่น้อย เขาเอาแต่นั่งย่างปีกคุนเป๋งอย่างตั้งใจ
ที่ด้านในเขตแดนหมอก หมาชราสีทองที่ในตอนแรกกำลังนอนหลับอยู่อย่างสบายใจ ตอนนี้มันได้ลุกขึ้นมาแล้วพร้อมกับย่นจมูกของมัน และมองไปที่หลิงตู้ฉิงที่กำลังนั่งย่างปีกคุนเป๋งอยู่ด้านนอก
มันจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงและปีกคุนเป๋งย่างอย่างไม่วางตาพร้อมกับอ้าปากจนลิ้นห้อย และส่ายหางรัว แสดงอาการว่ามันอยากจะกินปีกคุนเป๋งเต็มแก่
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงนั้นไม่สนใจเลยว่าเขตแดนหมอกนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เขาเอาแต่นั่งย่างปีกคุนเป๋งไปเรื่อย ๆ ส่งกลิ่นอันหอมหวนของปีกคุนเป๋งย่างเข้าไปยังเขตแดนหมอก
“สามี…” จ้าวเหมิงลู่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่นางกลับรู้สึกลังเล
นางอยากจะถามหลิงตู้ฉิงว่าวิธีการนี้มันจะใช้ได้ผลจริงงั้นเหรอ แต่นางก็ยังไม่กล้าถามออกมาดัง ๆ เพราะว่านางกลัวว่านางจะรบกวนสมาธิของหลิงตู้ฉิง และยิ่งไปกว่านั้นนางกลัวว่าเสียงของนางจะถูกได้ยินโดยอาวุธของหลิงตู้ฉิง และทำให้มันรู้ตัวและออกมาจัดการกับพวกนาง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เจ้าพูดสิ่งที่เจ้ากำลังคิดอยู่ออกมาได้เลยไม่ต้องกังวลอะไร มันรู้อยู่แล้วว่าข้ามาที่นี่เพื่อจะมาพามันไป ตอนนี้มันเหลือแค่เพียงว่ามันจะอดทนได้นานแค่ไหน หากครั้งนี้ยังไม่สำเร็จ ข้าก็แค่ต้องกลับมาใหม่ในอนาคตอีกรอบเพื่อมาพามันไปก็แค่นั้น”
หากมันไม่ตามเขาไปในรอบนี้ เขาก็แค่ต้องต่อรองกับมันให้มันมาเรียนรู้ทักษะของคุนเป๋งจากร่างของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋ง เพื่อถ่ายทอดทักษะนั้นให้เขาต่อก็พอ
แต่แน่นอนว่าถ้าหากมันยินยอมที่จะติดตามเขาไป มันจะกลายเป็นว่าในโลกเบื้องล่างนี้มันจะไม่มีใครหน้าไหนที่สามารถต้านทานเขาได้อีก
ไม่ต้องพูดถึงพวกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิหรือมหาจักรพรรดิ แม้แต่พวกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตที่อยู่เหนือขึ้นไปกว่านั้นก็ยังอาจต้านทานการโจมตีของอาวุธเขาได้เพียงครั้งเดียว
ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงแค่ต้องมาลุ้นว่ามันจะใจแข็งแค่ไหนกัน?
ในเวลาเดียวกันที่ด้านในเขตแดนหมอก หมาชราสีทองก็เดินวนไปวงกลมไปมาด้วยความกระวนกระวายใจ
แต่ถึงแม้ว่ามันจะเดินวนไปกี่รอบหรือกระวนกระวายใจแค่ไหน มันก็ยังไม่ยอมสลายเขตแดนหมอกออกไปอยู่ดี ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความดื้นรั้นของมัน
หลิงตู้ฉิงใช้เวลาถึงครึ่งปีในการพยายามย่างปีกคุนเป๋งจนพริกหยกเจ็ดสีของเขาหมด ซึ่งอาวุธของเขาก็ยังคงยืนยันปฏิเสธไม่ยอมออกมา
เมื่อเป็นเช่นนี้หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกเหนื่อยใจ ตอนนี้เขาจะใช้กำลังกับมันก็ไม่ได้ ใช้วิธีล่อลวงด้วยอาหารก็ไม่สำเร็จ หรือว่าเขาต้องยอมถอดใจในรอบนี้ไปก่อนจริง ๆ?
หลิงตู้ฉิงหันไปพูดกับคนของเขาว่า “พวกเจ้าทั้งหมดรอกันที่ข้างนอกนี่ก่อน ข้าจะเข้าไปข้างใน!”
“สามี ท่านทำสำเร็จแล้วงั้นเหรอ?” จ้าวเหมิงลู่รีบถามขึ้น
นางสงสัยเป็นอย่างมากเพราะจากภาพที่นางเห็นตอนนี้มันไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย?
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว และตอบกลับด้วยสีหน้าเหนื่อยใจว่า “ไม่สำเร็จน่ะสิ แต่ช่างเถอะ ยังไงซะมันก็ไม่มีผลอะไรสักเท่าไหร่หากข้าจะออกคำสั่งบางอย่างกับมัน!”
ถึงแม้ว่าในเวลานี้เขาอาจจะยังไม่ได้มันมาใช้งาน แต่มันก็ยังเป็นไปได้ที่เขาจะสั่งให้มันถ่ายทอดทักษะของคุนเป๋งมาให้กับเขา
หลิงตู้ฉิงเดินเข้าไปด้านในเขตแดนหมอกจนไปถึงตรงหน้าหมาชราสีทอง และตะคอกใส่มันว่า “เจ้าจะดื้อด้านไปถึงไหนกันไอ้หมาบ้า!”
หมาชราสีทองเอาแต่มองไปที่มือของหลิงตู้ฉิงโดยที่ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ
หลิงตู้ฉิงพ่นลมออกจมูกด้วยอาการหงุดหงิด และโยนปีกคุนเป๋งที่ย่างเสร็จให้แล้วให้กับหมาชราสีทอง
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็หยิบร่างของคุนเป๋งที่เหลือขึ้นมาและโยนมันไปที่หมาชราสีทอง และพูดว่า “ข้ายังไม่ได้ย่างที่เหลือ เจ้าจงเอามันไปศึกษาซะ และหลังจากทำความเข้าใจเสร็จแล้วเจ้าก็จงถ่ายทอดทักษะของคุนเป๋งมาให้ข้า!”
หมาชราสีทองกรอกตา จากนั้นมันก็ค่อย ๆ แทะปีกคุนเป๋งย่างอย่างมีความสุข จากนั้นจู่ ๆ มันก็สลายเขตแดนหมอกออกทั้งหมด
หลิงตู้ฉิงประหลาดใจไปสักพัก จากนั้นเขาก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เขารีบพุ่งไปหาหมาชราสีทองและคว้าเข้าไปที่หลังคอของมันและตะคอกว่า “นี่เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ทำตัวดื้อรั้นกับข้า!”
การแสดงออกของหมาชราสีทองที่สลายเขตหมอกออกไปแบบนี้มันหมายความว่ามันยอมรับหลิงตู้ฉิงเป็นเจ้านายของมันอีกครั้งแล้ว
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงยังคงไม่ยอมปล่อยมัน เขาจับคอของมันและตะคอกว่า “กล้ามากนะที่รอบที่แล้วที่ข้ามาเจ้ากลับไม่ยอมรับข้าเป็นนายของเจ้า! นี่เจ้ายังเห็นหัวข้าอยู่รึเปล่า? แถมเจ้ากลับเอามหาวิถีเต๋าของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์มานอนหนุนจนบรรดาผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์แทบจะกลั้นใจตาย เจ้าคิดว่าเจ้าวิเศษวิโสมากนักหรือไงถึงได้กล้าทำตัวจองหองแบบนี้?”
หลังจากโดนดุด่าและตบหัวไปหลายรอบ หมาชราสีทองก็เริ่มอดไม่ไหวที่จะคำรามเบา ๆ ในลำคอ
“นี่เจ้ากล้าขู่ข้างั้นเหรอ? เร็วเข้ารีบ ๆ ศึกษาทักษะของคุนเป๋งเร็ว ๆ ไม่อย่างนั้นถ้าในอนาคตพวกเราเจอไอ้พวกที่เร็วกว่าเรามาก ๆ พวกเราก็ได้แต่คว้าน้ำเหลวเหมือนเดิม!” หลิงตู้ฉิงตะคอกด้วยสีหน้าไม่พอใจ จากนั้นเขาตบไปที่ก้นของหมาชราสีทองอีกรอบและก็ไม่ได้ทำอะไรกับมันต่ออีก
เขารู้ว่าตอนนี้เขาควรพอได้แล้ว เพราะถ้าหากหมาชราสีทองมันเกิดหงุดหงิดขึ้นมาจริง ๆ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้เขาก็เอามันไม่อยู่เหมือนกัน
หลังจากได้รับคำสั่งของหลิงตู้ฉิง หมาชราสีทองก็กางเขตแดนหมอกของมันอีกรอบ และค่อย ๆ ใช้เขตแดนของมันกลืนกินร่างของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋งไปเรื่อย ๆ ทีละเล็กทีละน้อย
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นว่าหมาชราสีทองเริ่มศึกษาร่างของโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งคุนเป๋ง เขาก็ไม่อยู่รบกวนมันอีกและเดินออกไปจากเขตแดนหมอก..
“สามี…” จ้าวเหมิงลู่ถามขึ้นด้วยสีหน้าสับสน
เมื่อครู่นางเองก็เห็นเช่นกันถึงร่างที่แท้จริงของอาวุธของสามีนาง มันไม่แปลกเลยที่มันจะถูกเรียกว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่ามันคือหมา!
แต่ในเมื่อมันเป็นหมา มันจะเป็นอาวุธได้ยังไง?
นางสัมผัสไม่ได้ถึงกลิ่นอายหรือพลังที่แผ่ออกมาจากตัวมันเลยด้วยซ้ำ นี่มันคืออาวุธของสามีนางในชีวิตที่แล้วจริง ๆ งั้นเหรอ?
หลิงต็ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน “เมื่อครู่มันอยากจะยียวนข้าสักหน่อยก็เท่านั้น แต่ตอนนี้มันยินยอมติดตามข้าอีกครั้งแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวเหมิงลู่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดีพร้อมกับถามขึ้นว่า “สามี ในอดีตเวลาท่านจะสังหารศัตรูท่านก็สั่งให้หมาตัวนี้ออกไปไล่กัดศัตรูของท่านงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและส่ายหัว “มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกันเล่า! รูปร่างที่เจ้าเห็นเมื่อครู่มันเป็นแค่ร่างจำแลงของมัน รูปร่าง ๆ จริง ๆ ของมันคือง้าว มันมีชื่อว่า ง้าวเทวะพินาศ! ในอดีตมีตัวตนระดับสูงนับไม่ถ้วนที่ตายลงภายใต้คมง้าวเล่มนี้หรือแม้แต่เทพจักรพรรดิยังไม่อาจต่อกรกับมันได้ด้วยซ้ำ”
ถึงแม้ว่าจ้าวเหมิงลู่จะรู้สึกงุนงงกับคำพูดของหลิงตู้ฉิง แต่นางก็ยังคงดีใจไปกับสามีของนางที่ในที่สุดก็ได้รับอาวุธของเขาเองกลับคืนมา
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเราก็ออกไปจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วใช่ไหม?” จ้าวเหมิงลู่ถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ยังก่อน ตอนนี้ข้ายังต้องรอให้มันศึกษาศพของคุนเป๋งให้เสร็จก่อน ซึ่งมันคงจะไม่นานเท่าไหร่หรอก แต่ที่สำคัญก็คือข้าได้สัญญากับฟ่างหัวเอาไว้ว่าข้าจะรอนางอยู่ที่นี่เป็นเวลา 50 ปี ดังนั้นพวกเราคงยังไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ในเร็ว ๆ นี้”
เมื่อบรรดาผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เห็นว่ากลุ่มของหลิงตู้ฉิงเดินออกมาจากเขตแดนหมอกที่อยู่ด้านหลังสำนักอย่างสบายใจเฉิบ พวกเขาต่างก็รู้สึกพูดไม่ออก
ที่นี่มันคือสำนักของพวกเขาแท้ ๆ ทำไมคนกลุ่มนี้ถึงเดินไปไหนมาไหนราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองซะอย่างนั้น?
แต่เมื่อพวกเขานึกถึงความสัมพันธ์ของหลิงตู้ฉิงที่มีต่อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในเขตแดนหมอก พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยตำหนิอะไร
ในทันทีที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงกลับเข้าไปในเรือนของเย่ชิงเฉิง มู่หลงหยานก็รีบตรงมาพบกับพวกเขาทันทีและถามว่า “ข้าสัมผัสได้ว่าเมื่อครู่มีความเปลี่ยนแปลงที่บริเวณด้านหลังสำนัก มันมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมันเป็นเรื่องดีต่อสำนักของเจ้าต่างหาก เพราะอีกไม่นานสำนักของเจ้าจะสามารถใช้มหาวิถีเต๋าของพวกเจ้าได้เหมือนเดิมแล้วล่ะนะ”
ในเมื่อตอนนี้อาวุธของเขายอมรับว่าเขาเป็นเจ้านายอีกครั้งแล้ว ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติที่เขาจะนำมันไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่เขานำมันจากไป มหาวิถีเต๋าของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็จะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระเหมือนเดิม
มู่หลงหยานทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ “จริงเหรอ? ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังสำนักจะยอมจากไปแล้วงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อันที่จริงมันไม่ใช่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างที่เจ้าและพวกของเจ้าเข้าใจหรอก แท้จริงแล้วมันคืออาวุธต่างหาก แต่ตอนนี้สำนักของเจ้ายังคงต้องรอไปก่อน ข้ายังมีเหตุผลบางอย่างที่ยังจำเป็นต้องอยู่ในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าต่อไปอีกสักพัก”