ภาคที่ 5 บทที่ 157 วิชาสะท้อนลึก

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 157 วิชาสะท้อนลึก

เมื่อซูเฉินได้ผ่านไปถึง 17 ร้าน เขาก็สังเกตเห็นเค่อเหลยซีต๋าในที่สุด

มันทำให้เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ทำไมเขาจึงปรากฏตัวกะทันหันเช่นนี้และทำไมต้องเป็นตอนนี้ ? ไม่ใช่เขาควรจะปรากฏตัวในอีก 3 วันหรอกหรือ ?

แต่นอกจากความเสียดายในใจแล้ว ซูเฉินก็ไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย ร่างของเขากะพริบอย่างรวดเร็วในทันทีก่อนจะหายวับไป

เค่อเหลยซีต๋ามองเห็นร่างของซูเฉินกะพริบทันทีที่เขาเข้ามาในสายตา เขารู้ว่าซูเฉินน่าจะใช้ทักษะนั้นของตนอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะสามารถผนึกและควบคุมพื้นที่ว่างเปล่าได้ ประสิทธิภาพของมันก็มีข้อจำกัด หากเขาไม่สามารถเข้าใกล้ซูเฉินได้มากพอแต่แรกเขาก็จะไม่อาจกักขังซูเฉินไว้ได้

ก่อนหน้านี้เค่อเหลยซีต๋าสามารถกักขังซูเฉินไว้ได้ที่เขาพันพิษเพราะซูเฉินไม่ได้วางร่างเลียนแบบไว้ข้างนอกล่วงหน้าซึ่งทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้วิชาภูติลั่นแสง เมื่อเค่อเหลยซีต๋าเริ่มไล่ตามชายหนุ่ม ซูเฉินก็ไม่มีเวลาในการปล่อยร่างเลียนแบบอีกต่อไปซึ่งเป็นเหตุผลที่เค่อเหลยซีต๋าสามารถดักจับเขาได้ในพื้นที่ว่างเปล่าแปลกประหลาดนั่น มันจำกัดความสามารถในการหลบหนีของซูเฉินได้ชะงัดอย่างเห็นได้ชัด

แต่คราวนี้ซูเฉินเตรียมพร้อมแล้ว เขาได้ติดตั้งร่างเลียนแบบจำนวนมากไว้ทั่วทั้งเมือง ทันทีที่เขาเห็นเค่อเหลยซีต๋า เขาจะกระโดดหนีไปทันที ไม่แม้กระทั่งจะหยิบสมบัติที่นิ้วมือของเขากำลังจะแตะต้องด้วยซ้ำ ความเด็ดขาดของเขาทำให้เค่อเหลยซีต๋าหมดหนทางโดยสมบูรณ์

“เขาเริ่มหนีแล้วหรือ ?” เค่อเหลยซีต๋าหยุดลง

เขาไม่ได้ประหลาดใจในการตัดสินใจของซูเฉิน แต่เขาก็เกิดความรู้สึกของความเสียดายที่เข้ามาในจิตใจ

“เจ้าชายแก่ โผล่หน้ามาสักทีนะ ข้าคิดว่าเจ้าถูกฆ่าโดยนิกายแห่งพระแม่ไปแล้วเสียอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าจะละทิ้งมือแห่งโชคชะตาและกลายเป็นหนึ่งในสมุนของหยงเยี่ยหลิวกวงแล้วสินะ”เสียงของซูเฉินลอยมาหาเค่อเหลยซีต๋าจากบริเวณใกล้เคียงแต่มันไม่ใช่ร่างจริง มันคือร่างเลียนแบบผู้นั่งอยู่บนหลังคาใกล้ ๆ และกำลังหัวเราะเขาด้วยท่าทีกวนประสาท

เมื่อเค่อเหลยซีต๋าหันไปและเห็นร่างเลียนแบบนั้นเข้า เขาไม่ได้โจมตีออกไปในทันที “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดถึงอะไร ข้าชื่อข่าเต๋อเหวยเอ่อร์และข้าได้รับสั่งมาให้นำตัวเจ้าไปยังฝ่าบาทหยงเยี่ยหลิวกวง”

“ข่าเต๋อเหวยเอ่อร์ ?” ซูเฉินตกตะลึง “เจ้าเปลี่ยนชื่อหรือ ?”

หลังจากที่คิดอยู่สักพักเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “เป็นเช่นนี้เองสินะ นั่นเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการเป็นพันธมิตรของเจ้าหรือ ? เจ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อและสลับธงหรือ ? ก็เป็นวิธีหนึ่งในการแก้ปัญหาแหละนะ”

“ทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณเจ้า” เค่อเหลยซีต๋ากล่าวอย่างมืดมน แต่คำพูดของเขาสามารถได้ยินโดยซูเฉินเพียงคนเดียวเท่านั้น

“ใช่ ถ้าไม่มีข้าเจ้าก็อาจไม่สามารถตัดสินใจอย่างนั้นได้ และแม้ว่าเจ้าจะสามารถทำได้ พวกคนแก่หงำเหงือกที่มือแห่งโชคชะตาก็คงจะไม่เห็นด้วยหรอก” ซูเฉินถอนหายใจและกล่าว “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะช่วยให้เจ้าเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จ ถ้าไม่มีการทำลายลงก็จะไม่มีการสร้างขึ้น เจ้าควรจะขอบคุณข้านะ”

“ก็ได้ เมื่อข้านำตัวเจ้าไปให้ฝ่าบาทหยงเยี่ยหลิวกวง ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าไม่มีการสร้างขึ้นถ้าไม่มีการทำลายลงเป็นยังไง !” เค่อเหลยซีต๋าคำรามอย่างดุร้าย “ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ เพื่อที่ทุกส่วนของเจ้าจะถูกประกอบขึ้นได้หลังจากที่ถูกทำลายลง !”

“ฮะฮะ นั่นชั่วร้ายทีเดียว” ซูเฉินเสียดแทงกลับขณะที่เขาแสยะยิ้ม “โชคร้ายหน่อยนะ วินาทีที่เจ้าก้มหัวให้แก่หยงเยี่ยหลิวกวง จิตใจของเจ้าก็ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป แม้ว่าเจ้าจะสามารถจับข้าได้สักวันหนึ่ง เจ้าก็ไม่ใช่ผู้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับข้าอยู่ดี หยงเยี่ยหลิวกวงจะเป็นผู้ตัดสินใจ”

เค่อเหลยซีต๋านิ่งงันไปชั่วขณะ

คำพูดของซูเฉินถูกต้อง วินาทีที่เขาสวามิภักดิ์ต่อหยงเยี่ยหลิวกวงคือวินาทีที่เขาได้สูญเสียอิสรภาพของเขาไป มีบางสิ่งที่เขาจะไม่สามารถเป็นผู้ตัดสินใจได้อีกต่อไป

ถึงอย่างนั้นนี่ก็คือราคาที่เขาจำเป็นต้องจ่าย

เค่อเหลยซีต๋าจะได้รับผลประโยชน์เหล่านี้มาเปล่า ๆ ได้อย่างไร ? เขาได้เปลี่ยนสถานการณ์อันตรายให้กลายเป็นโอกาสในการฟื้นคืนชีพ ทำให้มันเป็นไปได้ที่จะสร้างมือแห่งโชคชะตาขึ้นอีกครั้ง แต่มือแห่งโชคชะตาใหม่นี้ถูกเปลี่ยนชื่อไปและตอนนี้ก็รับใช้ใต้ธงของผู้อื่น นี่คือราคาที่จำเป็นต้องจ่าย

หยงเยี่ยหลิวกวงไม่ได้ทำเช่นนั้นโดยไม่ต้องจ่ายเช่นกัน

การรับเค่อเหลยซีต๋าเข้ามานั้นทำให้สมาชิกอาวุโสบางคนของเขาโกรธอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาจะไม่พอใจและโมโห และบางคนกระทั่งพยายามทำอะไรเค่อเหลยซีต๋า มันเป็นไปได้ว่าชื่อเสียงของหยงเยี่ยหลิวกวงก็อาจได้รับผลกระทบอย่างหนักเลยด้วยซ้ำ

แต่ทุกคนก็เห็นตรงกันในราคานี้ระหว่างการแลกเปลี่ยน

ยิ่งต้องการมากก็ยิ่งต้องจ่ายมาก

แต่ซูเฉินกลับทำการฉีกบาดแผลในใจ เรื่องสิ่งที่เขาได้จ่ายไปยังคงทำให้เค่อเหลยซีต๋าหวาดผวาด้วยความเจ็บปวดทุกค่ำคืน

เขากระแอม “ท้ายที่สุดข้าก็ยังมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจว่าจะจัดการกับเจ้าอย่างไรดี”

ซูเฉินหัวเราะ “เจ้าอาจจะมีสิทธิ์ที่จะทำสิ่งอื่น แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจว่าจะทำอะไรกับข้าอย่างแน่นอน”

เมื่อเค่อเหลยซีต๋าได้ยินเช่นนั้นเขาก็ปิดปากเงียบ

ซูเฉินพูดต่อ “ข้ามาหาเจ้าไม่ใช่เพราะข้าต้องการคุยกับเจ้า แต่เพราะมีบางอย่างที่ข้าอยากให้เจ้าไปบอกหยงเยี่ยหลิวกวงต่างหาก”

“อะไร ?” เค่อเหลยซีต๋ารู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจที่ผุดขึ้นมาในใจของเขา

แน่นอนว่าคำพูดต่อไปของซูเฉินทำให้เขาตกใจถึงขีดสุด “มันไม่มีอะไรมากหรอก จริง ๆ นะ แค่ว่าระหว่าง 2 ปีที่ผ่านมาข้าได้ไปเยี่ยมเยียนคลังสมบัติลับของอวี้ชิงหลาน สำนักงานใหญ่ของมือแห่งโชคชะตา และพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของนิกายแห่งพระแม่ มันทำให้ข้าร่ำรวยทีเดียว แต่การเก็บสมบัติทั้งหมดนี้ไว้กับตัวไม่ใช่สิ่งที่ฉลาดนัก……”

เขาตั้งใจสื่อถึงประโยคสุดท้ายขณะที่เขายิ้มให้กับเค่อเหลยซีต๋า

เค่อเหลยซีต๋านึกบางอย่างขึ้นได้และตะโกนออกมาทันที “ไม่ !”

ซูเฉินส่ายหัวเบา ๆ “ใช่แล้วละ ข้าซ่อนพวกมันไว้”

ซ่อนพวกมัน ?

ซ่อนพวกมัน !

ที่ผ่านมาโยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนและหยงเยี่ยหลิวกวงคิดว่านี่เป็นเพียงการรับฝากดูแล …สมบัติเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่ผิดที่ผิดทางอย่างชั่วคราว ตราบใดที่พวกเขาจับโจรผู้ร้ายได้ พวกเขาก็จะได้รับทุกสิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมาทันที

ความคิดนี้มีเหตุผลทีเดียว และไม่มีสิ่งใดที่ผิดพลาดไปจากนั้น

แต่เพียงเพราะมันเป็นข้อสันนิษฐานที่มีเหตุผลไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ซูเฉินฟาดพวกเขาเข้าที่หน้าอย่างจังด้วยกลยุทธ์ที่เรียบง่ายอย่างถึงที่สุด

อีกฝ่ายซ่อนพวกมันไว้ !

พูดอีกอย่างคือแม้ว่าพวกเขาจะจับตัวซูเฉินได้ พวกเขาก็คงไม่อาจได้สมบัติเหล่านั้นกลับคืนมาอีกต่อไป

และนี่ก็ไม่ใช่สมบัติปริมาณเล็กน้อยเลย พวกมันถูกรวบรวมโดยสถาบันที่ทรงพลังจำนวนหนึ่งตลอดระยะเวลาหลายพันปี หากมูลค่าของพวกมันทั้งหมดถูกปรับเปลี่ยนเป็นหินพลังต้นกำเนิด พวกมันคงจะมีค่าเทียบเท่ากับหินพลังต้นกำเนิดถึงหลายร้อยล้านก้อนทีเดียว

โดยเฉพาะเครื่องต้นกำเนิดระดับศักดิ์สิทธิ์ซึ่งไม่สามารถประเมินค่าได้และไม่สามารถซื้อมาได้ด้วยหินพลังต้นกำเนิดไม่ว่าจะพยายามเท่าไรก็ตาม

เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครสามารถรับความสูญเสียเช่นนี้ได้

เค่อเหลยซีต๋าจ้องเขม็งไปยังซูเฉินด้วยความโกรธแค้น “เจ้าซ่อนพวกมันไม่ได้หรอก ข้าจับตาดูเจ้าอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เจ้าไม่ได้ออกจากเมืองล่องนภาไปแม้แต่ครั้งเดียว”

ซูเฉินยักไหล่ “อย่างโง่ไปหน่อยเลยเค่อเหลยซีต๋า เจ้าควรจะรู้จักข้าและกลอุบายที่ข้าซุกซ่อนไว้สิ ข้าไม่จำเป็นต้องออกไปเองด้วยซ้ำ ข้าแค่ส่งร่างเลียนแบบออกไปและนั่นควรจะยิ่งกว่าไม่เป็นไรเสียอีก และข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เกินไปเพื่อซ่อนแหวนต้นกำเนิดแค่ไม่กี่วง ข้าแค่หาพื้นที่สักที่ ขุดหลุม แล้วก็ฝังพวกมันไว้ใต้ดินเท่านั้น”

หัวใจของเค่อเหลยซีต๋าจมลึกลงสู่ความสิ้นหวัง

จากไปแล้ว

สมบัติทั้งหมดได้จากไปแล้ว !

ไอ้สารเลวนั่น !!!

เขาทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง ?

แล้วเขาจะบอกฝ่าบาทว่าอย่างไร ??

เมื่อซูเฉินเห็นท่าทีเดือดพล่านของเค่อเหลยซีต๋า เขาก็หัวเราะ “นั่นแหละที่ข้าต้องการจะบอก เจ้ายังอยากสู้อยู่ไหม ? งั้นเจ้าควรรีบไปปฏิบัติการได้แล้วนะ”

เค่อเหลยซีต๋าจ้องเขม็งไปยังซูเฉินตาไม่กะพริบ แต่แล้วเขาก็หันตัวและพุ่งออกไปในทิศทางหนึ่งขณะที่คำรามลั่น “เจ้าหนีไปไหนไม่ได้หรอก ชุยอวี่คงเหิน !”

มันคือทิศทางไปยังร่างหลักของซูเฉินนั่นเอง

“อย่างงั้นหรือ ?” ร่างเลียนแบบนั้นกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าว่าไม่หรอกนะ วิชาสะท้อนลึกน่ะแข็งแกร่ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะทำอะไรกับมันไม่ได้เลย”

“อะไรนะ ?” เค่อเหลยซีต๋าสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง “เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

“ใช่ ข้ารู้อยู่แล้ว” ร่างเลียนแบบของซูเฉินพูดขณะที่เขาหัวเราะ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าสามารถติดตามตำแหน่งข้าได้ยังไง เค่อเหลยซีต๋า ในอนาคตมันจะไม่ง่ายขนาดนี้หรอกนะ”

ขณะที่ร่างเลียนแบบนั้นพูด มันก็เริ่มที่จะถอยหลังออกมาและค่อย ๆ หายตัวไป

“ไม่ !” เค่อเหลยซีต๋าคำรามเสียงดังสนั่นขณะที่เขาพุ่งตรงไปยังทิศทางที่ร่างหลักของซูเฉินอยู่

คราวนี้เขากำลังตื่นตระหนกจริง ๆ

แต่ตอนที่เขากำลังจะไปถึงครึ่งนั่นเอง การรับรู้ถึงซูเฉินก็เริ่มจางหายไปทันที……

ที่อีกฝั่งหนึ่ง ซูเฉินได้กลืนยาที่เขาได้ปรุงขึ้นลงไปและถอนหายใจยาวออกมา

วิชาอาร์คาน่านี้ซึ่งทรมานเขามามากกว่า 1 ปีกำลังจะถูกลบล้างออกไปอย่างสมบูรณ์ในที่สุด

วิชาที่เค่อเหลยซีต๋าใช้กับเขาเป็นวิชาอาร์คาน่าระดับ 10 วิชาสะท้อนลึก

แต่ก่อนวิชาอาร์คาน่านี้เคยใช้เพื่อปกป้องทรัพยากรในคลังสมบัติของมือแห่งโชคชะตาและถูกเตรียมการโดยเค่อเหลยซีต๋าเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะเค่อเหลยซีต๋าเป็นโจรมาเนิ่นนานจึงเป็นเพียงธรรมชาติที่เขาจะปกป้องทรัพย์สมบัติของเขาอย่างสุดกำลัง ใครก็ตามที่ฉกฉวยของของเขาไปจะต้องรับชะตากรรมการถูกไล่ล่าอย่างไม่หยุดหย่อนโดยวิชาอาร์คาน่านี้ ทำให้เค่อเหลยซีต๋าสามารถเข้าถึงตำแหน่งของพวกเขาได้ตลอดเวลา

เพราะวิชานี้ทำได้เพียงแจ้งตำแหน่งและไม่ได้ทำอันตรายต่อผู้ใช้ มันจึงสามารถเมินเฉยต่อทุก ๆ วิชาป้องกันได้โดยสมบูรณ์ นอกจากนั้นอิทธิพลของมันยังเป็นไปไม่ได้ที่จะรับรู้ถึงทำให้เป็นเรื่องยากเหลือเชื่อที่จะกำจัดออกไป เอกลักษณ์เหล่านี้ทำให้วิชารับรู้ตำแหน่งนี้เป็นหนึ่งในวิชาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในยุคสมัยปัจจุบัน

ซูเฉินได้สังเวยผลึกต้นกำเนิดจักรพรรดิอสูรกายและผลึกต้นกำเนิดราชันอสูรกายให้กับไม้เท้าเพื่อให้ได้รับมาซึ่งคำตอบ

…ในเมื่อเค่อเหลยซีต๋าเป็นปรมาจารย์อาคาร์น่าระดับตำนานทำให้เขาแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าจักรพรรดิอสูรกาย การจะเผยคำทำนายที่เกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายจึงมีราคาแพงลิ่ว

ร่างเลียนแบบของซูเฉินเพียงแลกเปลี่ยนบทสนทนากับเค่อเหลยซีต๋าไม่กี่ประโยคเพื่อแจ้งเขาเกี่ยวกับ ‘คลังสมบัติ’ ของชุยอวี่คงเหิน แต่ซูเฉินคิดค้นแผนการอื่น ๆ ขึ้นมาอีกนับร้อย แต่ละแผนมีการติดต่อสื่อสารกับเค่อเหลยซีต๋าและพูดคุยกับเขาเพื่อให้ได้รับคำตอบมา

คำทำนายของไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นจริงเสมอไป แต่ก็ยังจะต้องมีพื้นฐานความจริงประกอบอยู่ในคำทำนายด้วย

อย่างเช่น หลังจากที่ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดทำนายว่าซูเฉินจะกินอะไร ซูเฉินก็จะสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการกำหนดแผนการที่เป็นไปได้ในการจู่โจม อนาคตใหม่นี้จะถูกเปิดเผยแก่เขาโดยอีกคำทำนายจากไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดเมื่อมันเป็นไปได้แล้วในตอนนี้

แต่หลังจากที่เขาได้รับคำทำนายแล้ว ซูเฉินก็เปลี่ยนใจและไม่ได้ไปกินอาหารเช้า

อนาคตได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะการทำนายของไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดนั้นไม่แม่นยำ เป็นเพราะอนาคตนั้นเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุด และไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดเพียงแค่แสดงหนึ่งในความเป็นไปได้ที่เป็น ‘ปริศนา’ เท่านั้น เมื่อปริศนาได้ถูกแถลงไขแล้ว มันก็ไม่ได้น่าประหลาดใจนักที่อนาคตจะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

ด้วยเหตุนี้ซูเฉินจึงสามารถทำนายได้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับเค่อเหลยซีต๋าแต่สามารถเลือกเส้นทางที่ต่างออกไปได้ ทว่าเขาจำเป็นจะต้องคิดหาแผนการเฉพาะเพื่อที่คำทำนายของไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดจะกลายเป็นจริง

ดังนั้นแล้วซูเฉินจึงเลือกที่จะส่งร่างเลียนแบบไปตามหนึ่งในหลายร้อยเส้นทางที่เขาเลือกไว้เพื่อที่จะทำให้หนึ่งในความเป็นไปได้เหล่านั้นเกิดขึ้น

เป้าหมายของการส่งหนึ่งในร่างเลียนแบบของเขาไปพบกับเค่อเหลยซีต๋านอกจากที่ฝากข้อความนั้นต่อไปยังหยงเยี่ยหลิวกวง คือเพื่อยืนยันข้อสงสัยของเขาและทำให้มั่นใจว่าคำทำนายของไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดนั้นแม่นยำ

ตอนนี้เมื่อชายหนุ่มรู้แล้วว่าวิชาสะกดรอยที่ถูกใช้กับเขาคือวิชาสะท้อนลึก ซูเฉินจึงลองคิดหาทางลบล้างมัน ราคาของสิ่งนี้นั้นต่ำกว่ามาก และเขายังสามารถปรุงยาขึ้นมาเพื่อจัดการกับวิชาสะท้อนลึกได้อย่างรวดเร็ว

แต่กระทั่งยาที่เขาใช้เวลาเนิ่นนานในการพัฒนาให้สมบูรณ์แบบก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปรุงมันขึ้นอย่างสมบูรณ์เพราะยังขาดทรัพยากรบางส่วนไป สาเหตุนี้ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของยาตกต่ำลงและหมายความว่าเขาไม่สามารถหลบหนีไปจากเงื้อมมือของวิชาสะท้อนลึกได้

เพราะปัญหาคือทรัพยากรที่ไม่เพียงพอและไม่เกี่ยวกับทักษะของซูเฉิน ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดจึงไม่สามารถมอบวิถีทางในการจัดการสถานการณ์นี้ให้กับซูเฉินได้

ผลคือในตอนนี้เค่อเหลยซีต๋าไม่สามารถกำหนดตำแหน่งที่ซูเฉินซ่อนตัวอยู่ได้อีกต่อไป แต่เขายังสามารถกำหนดคร่าว ๆ ได้ว่าซูเฉินกำลังซ่อนอยู่ในทิศทางใด