บทที่ 580 พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 580 พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก

ตระกูลโจวมีบ้านอยู่ที่ปักกิ่ง อีกทั้งดูจากสภาพแล้วพวกเขายังดูมีฐานะไม่เลวอีกด้วย

ถ้าลูกชายของพวกเขาดีจริงล่ะก็ ลูกสาวของหล่อนก็มีอายุเหมาะที่จะออกเรือนแล้วเช่นกัน และที่เมืองหลวงทางนั้นก็ดูไม่เลว ไม่ใช่เมืองเล็ก ๆ แต่อย่างใด

กัวเมี่ยวจวินมองท่าทางของแม่หล่อนแล้วก็อดที่จะแอบดีใจไม่ได้ หลังจากนั้นก็ออกไปซื้อกับข้าวอย่างอารมณ์ดี

โจวเฉวี่ยนไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยสักนิด เขากำลังต่อยมวยอยู่ภายในบ้าน นี่เป็นสิ่งที่พี่ใหญ่ของเขาสอนเขาและเจ้าสามตอนกลับมา

ทั้งหมดเป็นมวยที่สามารถเอาไปใช่ได้จริง ตั้งแต่เด็กเขากับพี่น้องของเขามีเรื่องทะเลาะวิวาทไม่น้อย ประสบการณ์ก็ไม่น้อยเช่นกัน แต่หลังจากมีวิชามวยนี้ เวลาเกิดเรื่องชกต่อยกันขึ้นมา ก็จะสร้างความเสียหายน้อยลง

ตอนที่เจียงเกิงมาถึงและเห็นว่าพี่ชายรองของเขากำลังต่อยมวยอยู่ เพียงเท่านั้นสีหน้าของเขาก็แสดงความนับถือออกมา ก่อนจะพูดขึ้น “พี่รอง พี่สอนผมด้วยสิ”

“มาสิ” โจวเฉวี่ยนพยักหน้า หลังจากนั้นก็พาเขามาชกมวยด้วยกัน ชกไปได้ครึ่งกระบวน โจวชิงไป๋ก็ขับรถกลับมาจากด้านนอกแล้ว

เขาถืออาหารทะเลเข้ามาด้วยไม่น้อย เจียงเกิงเห็นจึงรีบพูดว่า “พ่อบุญธรรม แม่ของผมบอกว่าเย็นนี้หล่อนจะไปซื้อกับข้าวมาเอง พ่อไม่ต้องซื้อนะครับ อย่าซื้อมาสองชุดเพราะทิ้งเอาไว้ก็ไม่สดแล้ว”

“ได้สิ” โจวชิงไป๋พยักหน้า อาหารทะเลพวกนี้เอาไว้ในตู้เย็นได้ ไม่มีปัญหาอะไร

เขาต้มโจ๊กซี่โครงหมูมาให้ชามหนึ่ง ผัดมะเขือเทศกับไข่หนึ่งจาน และลวกกุ้งทะเลด้วยอีกจานใหญ่ เขาเทซีอิ้วมาเป็นเครื่องจิ้มที่หลังจากแกะกุ้งแล้วก็จิ้มกินได้เลย ต่อมาเขาก็นึ่งปลาอีกตัวหนึ่ง ใส่ของดับกลิ่นคาวเข้าไปอีกไม่น้อย

อาหารเช้าจึงออกมาเป็นแบบนี้ ที่เยอะที่สุดก็คือกุ้งทะเล

โจวชิงไป๋ทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้วเขาถึงไปเรียกหลินชิงเหอให้ตื่นขึ้นมา ท้องของหลินชิงเหอนับวันจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และก็ยังนอนได้นอนดีมากขึ้นทุกวัน ตัวเธอในตอนนี้ช่างขี้เกียจสุด ๆ

พอลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเสร็จ เขาถึงได้ไปเรียกอีกสองคนที่กำลังชกมวยอยู่ให้มากินข้าว

“ม้ากินกุ้งเยอะ ๆ นะครับ เพิ่มแคลเซียม” โจวเฉวี่ยนพูดพลางแกะกุ้งให้แม่ของเขา

โจวชิงไป๋ก็แกะให้เธอเช่นเดียวกัน หลินชิงเหอซึ่งรับการบริการจากทั้งลูกชายและสามีจึงพูดขึ้น “กินของตัวเองเถอะจ้ะ ม้าแกะกินเองได้”

กุ้งทะเลนั้นย่อมต้องอร่อยเป็นธรรมดา ไม่เพียงแต่กุ้งทะเล ยังมีเนื้อปลาอีกด้วย ของเหล่านี้เป็นของที่ช่วยบำรุงร่างกายได้ดีมาก แน่นอนว่าต้องกินมะเขือเทศผัดไข่ด้วยเช่นเดียวกัน

หลังกินเสร็จโจวเฉวี่ยนก็เก็บกวาดโต๊ะกินข้าว พอทำเสร็จแล้วจึงออกไปพร้อมกับเจียงเกิง

“พี่รอง วันนี้พวกเราไปที่หวงถังกัน ครั้งก่อนผมเคยพาพี่ชายสามไป มันเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าถึงแล้วเดี๋ยวผมจะถ่ายรูปให้พี่เยอะ ๆ เลยนะ” เจียงเกิงพูด

“ได้สิ” วันนี้โจวเฉวี่ยนก็พกกล้องมาด้วยเช่นกัน เพราะมาแล้วก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

พวกเขาสองคนเดินไปด้วยกัน โดยไม่รู้ว่ามีคุณแม่กัวกำลังหักถั่วฝักยาวอย่างไม่ใส่ใจนักอยู่ที่หน้าประตูบ้าน หล่อนฟังที่ลูกสาวของตัวเองบอกแล้วจึงมารออยู่ด้านนอกประตูโดยตลอด

คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะเจอเข้าจริง ๆ หล่อนเห็นชายหนุ่มคนนั้นแล้ว เจียงเกิงเรียกเขาว่าพี่รอง นี่ก็คงจะเป็นลูกชายคนรองของตระกูลโจวสินะ และหล่อนเคยได้ยินว่าอีกคนถูกเรียกว่าพี่ชายสาม

แต่ว่าชายหนุ่มคนนี้รูปร่างหน้าตาดีจริง ๆ ตัวก็สูงลักษณะท่าทางก็ดี เพียงมองก็รู้ว่าเป็นคนมีการศึกษาสูง!

คุณแม่กัวไม่รอช้ารีบเรียกลูกสาวให้ออกมาทันที กัวเมี่ยวจวินได้ยินแล้วก็ออกมาพร้อมกับอ่างน้ำหนึ่งใบ “แม่มีอะไรคะ?”

“เมื่อกี้แม่เห็นแล้วนะ” คุณแม่กัวพูดเสียงเบา

เพียงพริบตากัวเมี่ยวจวินก็เข้าใจความหมายของแม่ตัวเอง ใบหน้าของหล่อนขึ้นสีแดงนิด ๆ คุณแม่กัวเห็นแล้วก็ยิ้ม “สายตาไม่เลว”

หล่อนเห็นแล้วก็รู้สึกว่าไม่เลวเลยจริง ๆ

“แม่ อย่าพูดไปเรื่อยสิคะ ยังไม่รู้เลยว่าเขาชอบหนูหรือเปล่า” กัวเมี่ยวจวินก้มหน้าลง

“ทำไมจะไม่ชอบล่ะจ้ะ? เซี่ยงไฮ้ของพวกเราก็ไม่ด้อยไปกว่าปักกิ่งเลยนะ แถมลูกยังเป็นผู้หญิงที่ดูแลบ้านเป็นอย่างดี ได้แต่งงานกับลูกจะต้องโชคดีอย่างแน่นอน” คุณแม่กัวพูด

หล่อนคิดแผนการเอาไว้แล้ว ว่าถ้าเกิดลูกสาวหล่อนได้แต่งเข้าตระกูลโจวจริง ต่อไปพวกเขาก็ต้องกลับปักกิ่งไป ถึงตอนนั้นบ้านหลังนี้ไม่ใช่ว่าจะว่างแล้วหรือ?

พอย้ายออกปล่อยทิ้งไว้ก็จะว่าง พอว่างไม่ใช่ว่าครอบครัวหล่อนก็จะสามารถย้ายเข้าไปได้เหรอ? แบบนี้ไม่ต้องเสียเงินด้วย

กัวเมี่ยวจวินหน้าแดง แค่คิดถึงโจวเฉวี่ยนขึ้นมา หล่อนก็ไม่กล้าจะไปพูดกับเขา ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่ชอบหล่อน

“ลูกต้องพยายามหน่อย ไปพูดคุยกับเขาเยอะ ๆ ชายหนุ่มแบบนี้ไม่มีทางไม่ชอบหญิงสาวแบบลูกหรอกนะ” คุณแม่กัวพูด

กัวเมี่ยวจวินพยักหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ

และเพราะว่ามีแผนการเช่นนี้นี่เอง หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ที่ออกมาเดินเล่นก็ได้รับรอยยิ้มและการทักทายจากคุณแม่กัว

หลินชิงเหอนึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จึงพยักหน้าให้เป็นการแสดงออกเพียงเท่านี้

ความบาดหมางกับตระกูลกัวยังคงมีอยู่ เนื่องจากครอบครัวนี้ยังไม่ได้แยกออกไป หากแยกออกไปแล้วจึงจะถือว่าเรื่องนี้เป็นอันจบ ในตอนนี้พวกเขาน่าจะยังคงอยากได้บ้านเธออยู่ไม่ผิดแน่

“หล่อนหมายความว่าอะไรน่ะ?” พอเดินมาไกลแล้ว หลินชิงเหอถึงได้เอ่ยปากพูดกับโจวชิงไป๋

ให้ตายสิ เมื่อก่อนตอนที่เดินผ่านกัน ถ้าไม่ทำเป็นไม่เห็น คุณแม่กัวก็จะทำยิ่งกว่านั้นคือมองค้อนพวกเธอเลยตรง ๆ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือยังไง ถึงได้ทักทายพวกเธอแบบนี้

“อย่าไปสนใจหล่อนเลย” โจวชิงไป๋พูดอย่างไม่สนใจ

เขาพาภรรยาเขาไปเดินเล่น และก็เดินมาที่ถนนการค้า นี่ก็คือถนนที่เพิ่งเจริญขึ้นมาใหม่เส้นหนึ่ง มีร้านค้าหลายร้านผุดขึ้นมาบ้างแล้ว

แต่ตอนนี้คือเวลาทำงาน ตอนเย็นถึงจะมีคนมากกว่านี้ ตอนนี้ยังดีหน่อยเหมาะที่จะเดินเล่นพอดี

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋มาเดินเล่นแล้วก็ถือโอกาสซื้อผ้าพันคอไหมอีกสองผืน เป็นแบบที่หลินชิงเหอชื่นชอบทั้งสิ้น หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เดินกลับอย่างช้า ๆ

ระหว่างทางกลับก็เจอเข้ากับกัวเมี่ยวจวิน พอหล่อนเห็นพวกเขาสองคนก็ทักด้วยสีหน้าแดง ๆ ว่าคุณลุงคุณป้า

หลินชิงเหอรู้สึกแปลกขึ้นมาจริง ๆ แล้ว วันนี้ตระกูลกัวพากันเป็นอะไรไปหมดแล้วเนี่ย?

โจวชิงไป๋ขับรถออกจากบ้านไป ยายเฒ่าเจียงที่อยู่ข้างบ้าน ก็ถือแผ่นรองรองเท้าเดินมาเย็บเข้ามาในบ้าน

หลินชิงเหอจึงพูดขึ้น “คุณป้า บ้านกัวตอนนี้หาบ้านได้แล้วเหรอคะ?”

“บ้านอะไร?” ยายเฒ่าเจียงพูดอย่างไม่เข้าใจ

“บ้านไว้อยู่อาศัยไงคะ ความสัมพันธ์ของพวกฉันกับพวกเขาอึมครึมมาโดยตลอด แต่มาวันนี้ฝ่ายนั้นกลับยิ้มแล้วทักทายฉันด้วยค่ะ หรือว่าพวกเขาหาบ้านกันได้แล้ว?” หลินชิงเหอพูด

“ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนนะ” ยายเฒ่าเจียงส่ายหน้าพูด แล้วพูดอีกว่า “แต่ไม่ต้องไปสนใจหรอก ก็แค่คนแก่แปลกหน้าคนหนึ่ง ผ่านมาเดี๋ยวก็ผ่านไป”

หลินชิงเหอยิ้ม “เมื่อวานหลับสบายดีไหมคะ”

“ต้องดีอยู่แล้ว ฉันหลับยันสว่างเลยล่ะ อายุเยอะแล้วก็สรรหาอะไรทำไม่ค่อยได้แล้ว” ยายเฒ่าเจียงยิ้มพูด

“รอให้อากาศเย็นลงแล้วค่อยไปอีกนะคะ ช่วงนี้ทางนั้นอากาศร้อนมาก ฉันก็ทนไม่ไหวเหมือนกันค่ะ” หลินชิงเหอพูด

พวกเขาไปเพียง 3 วัน แถมคมนาคมสมัยนี้ก็ยังสู้ในอนาคตไม่ได้ พวกเขาคงไปเที่ยวได้ไม่กี่แห่งแน่

ยายเฒ่าเจียงยิ้มแล้วพูด “งั้นปีหน้าพอถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้วพวกเราจะไปอีกดีไหม?”

“ฤดูใบไม้ร่วงก็ไปได้เหมือนกันค่ะ ไปดูใบเฟิง*เปลี่ยนสีที่ภูเขาเซียงซาน” หลินชิงเหอพูด

*ใบเมเปิล

“ปีนี้ไม่ไหวแล้ว ปีหน้าค่อยไปแล้วกันจ้ะ” ยายเฒ่าเจียงพูด

หลินชิงเหอพยักหน้า ยายเฒ่าเจียงยิ้มแล้วพูดอีกว่า “ลูกชายสามคนของเธอเนี่ย ตอนนี้ยังเหลือคนโตที่ฉันยังไม่เห็นสินะ”

“เขายุ่งน่ะค่ะ ตั้งแต่ต้นปีมานี้ฉันได้เจอเขาสองสามครั้งเอง ฉันเองก็ยังคิดถึงเขาอยู่เลยค่ะ” หลินชิงเหอพูด

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

บ้านกัวนี้ดูท่าไม่ดีแล้วค่ะ แม่ตั้งการ์ดป้องกันด่วน ๆ

กัวเมี่ยวจวินนี่จะมาทำนองเดียวกับจูเจินเจินไหมนะ ตอนนี้ยังไม่ให้ผ่านแล้วกันค่ะ รอดูนิสัยไปก่อน

ไหหม่า(海馬)