บทที่ 581 การเลี้ยงลูก

ยายเฒ่าเจียงถามหลินชิงเหอว่าเลี้ยงลูกอย่างไร “เจ้ารองกับเจ้าสามเติบโตได้เป็นอย่างดีจริง ๆ”

หากอยู่ในอนาคตพวกเขาก็ยังดูสูงมากอยู่ดี นับประสาอะไรกับยุคสมัยนี้ที่โดยทั่วไปไม่ได้รับการบำรุงร่างกายที่ดีพอ ดังนั้นส่วนสูงของพวกเขาจึงกลายเป็นจุดสนใจของคนอื่นทันที

หลินชิงเหอเห็นนางดูสนใจ จึงเล่าเรื่องเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็กให้ฟัง

ยายเฒ่าเจียงถึงได้รู้ว่าเดิมทีพวกเขาไม่ใช่คนที่เกิดในปักกิ่ง เป็นเพราะเธอสอบเข้ามาได้ ทั้งยังได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยให้เข้ามาทำงานนี้ก่อนจะเรียนจบอีกด้วย

“เธอก็เก่งกาจมากเหมือนกันนะเนี่ย” ยายเฒ่าเจียงพูดอย่างนับถือ

มิน่าเล่าการเลือกภรรยาจึงเป็นเรื่องสำคัญนักสำหรับผู้ชาย เพราะมันจะส่งผลต่อคนรุ่นต่อไปนี่เอง

หลินชิงเหอยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่เพราะความสามารถของฉันหรอกค่ะ สำคัญที่ชิงไป๋คอยสนับสนุนฉันมากกว่า บรรดาคนในชนบทต่างพากันด่าว่าฉันขี้เกียจสันหลังยาวกันทั้งนั้น”

“ตอนนี้ได้ออกมาจากความทุกข์ยากแล้ว ต่อไปก็สบายแล้วล่ะนะ” ยายเฒ่าเจียงพูดปลอบใจ

นางเคยไปปักกิ่งมาแล้ว และได้เห็นว่าเธอมีร้านค้าตั้งหลายที่ ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเธอออกมาจากความทุกข์ยากแล้วอย่างแท้จริง

เดิมทีหลินชิงเหอทำใจให้ปล่อยวางแล้ว แต่หลายสิ่งหลายอย่างก็ยังคงติดค้างอยู่ในใจ ไม่อาจปล่อยวางลงได้

การเลี้ยงดูให้พวกเขาได้กินได้ดื่มนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ปกติคนเราก็ต้องมีคนคอยดูแลด้วย ใครเคยเลี้ยงเด็กนั้นย่อมรู้ดี

แต่หลินชิงเหอไม่เคยพูดว่าไม่อยากได้พวกเขา ในเมื่อมาก็มาแล้ว แถมตอนนี้ก็ได้เติบโตอยู่ในท้องของเธอแล้ว จะไม่อยากได้ได้อย่างไร

สำหรับเรื่องความรักระหว่างเธอกับโจวชิงไป๋ก็ไม่ได้มีอยู่ตั้งแต่แรก ลูกชายสามคนก็เป็นเด็กที่เธอคลอดออกมาเอง ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกแปลกแยกสักครึ่งเดียว

ตาเฒ่าเจียงออกไปข้างนอก ตอนกลับเข้ามาก็ได้เอาเปี๊ยะกระดองปูกลับมาด้วยหนึ่งห่อกระดาษไข

หลินชิงเหอยิ้ม “คุณลุงทำไมถึงซื้อเปี๊ยะกระดองปูมาเยอะขนาดนี้คะ”

“อยากกินก็กินได้นะ เจ้ารองยังไม่เคยกินเลยนี่ เห็นเขาบอกว่าอยากลองชิมดู” ตาเฒ่าเจียงพูด

เมื่อตอนที่ไปเที่ยว เขารู้สึกประทับใจโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายมากจริง ๆ อีกทั้งตอนนี้พวกเขาทั้งสองครอบครัวก็เรียกได้ว่าเป็นญาติกันแล้ว ย่อมต้องเป็นไปตามนั้น

และนี่เป็นการปฏิบัติต่อคนรุ่นหลังเช่นกัน อีกฝ่ายอยากกินเขาก็จะไปซื้อมาให้กิน

หลินชิงเหอหัวเราะแล้วพูดว่า “เขานี่ก็น่าอายจริง ๆ ตัวเองอยากกินทำไมไม่ไปซื้อเองก็ไม่รู้ ไม่ซื้อของมาให้ผู้ใหญ่ยังไม่พอ คุณลุงต้องมาซื้อให้เขากินอีก”

“พวกเราไปเที่ยวสองสามวันนั้น เจ้ารองล้วนเป็นคนออกเงินทั้งหมด ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมให้พวกเราออกเงินเลย ไม่ต้องคิดมากน่าแค่ขนมเปี๊ยะกระดองปู 2-3 ชิ้นเองจ้ะ” ยายเฒ่าเจียงพูด

หลินชิงเหอจึงไม่พูดอะไรแล้ว เธอก็อยากกินเช่นกัน จึงหยิบมากิน 1 ชิ้น พอกินชิ้นหนึ่งแล้วชิ้นที่สองที่สามจึงตามมา ไม่สามารถหยุดปากได้เลยจริง ๆ หลังจากนั้นเธอจึงเข้าไปรินชาเก๊กฮวยมาดื่มแก้วหนึ่ง

ประมาณ 11 โมงกว่า โจวชิงไป๋ก็ขับรถกลับมา หลังจากออกไปตะลอนข้างนอกมาแล้ว เขาก็อยากดูว่ามีหน้าร้านไหนดี ๆ น่าซื้อไว้หรือไม่ ซึ่งวันนี้ได้นัดไว้แล้วหนึ่งร้าน พรุ่งนี้เขาค่อยไปดูอีกครั้ง

ในตอนเที่ยงเจ้ารองกับเจียงเกิงถึงได้พากันกลับมากินข้าวที่บ้าน แล้วก็พูดขึ้น “เซี่ยงไฮ้ไม่ด้อยไปกว่าปักกิ่งของพวกเราเลยนะครับ กระทั่งรถยนต์บนถนนยังดูคึกคักกว่านิดหน่อยด้วย”

ตอนนี้แค่อาศัยความเจริญของท่าเรือขนส่งที่เซี่ยงไฮ้ก็ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นแล้ว แน่นอนว่าในอนาคตที่นี่ก็จะเป็นแบบอย่างความเจริญให้เมืองอื่นด้วยเช่นกัน

“สองสามวันนี้ลูกต้องออกไปเดินด้วยตัวเองได้แล้วนะ เพราะเสี่ยวเกิงต้องไปเรียนแล้ว” หลินชิงเหอพูด

เจียงเกิงพลันทำหน้าเหมือนกินมะระขมเข้าไป “ผมยังไม่ได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีเลย ตอนพี่สามมา ผมพาพี่เขาไปทุกที่เลย”

“พี่รองของเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว กลัวเขาจะหายไปไหนอีกเหรอจ้ะ เธอรีบกลับไปเรียนเถอะ” หลินชิงเหอพูด

“แม่บุญธรรม ต่อไปผมจะสามารถสอบมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ไหมครับ?” เจียงเกิงถาม

“ไม่มีปัญหา ถ้าเธอชอบ ก็สอบเถอะจ้ะ แน่นอนว่าเธอต้องปรึกษากับพ่อแม่ของเธอก่อนนะ แต่ถ้าเธออยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งละก็ เรื่องกินอยู่หรือเสื้อผ้าอะไรเธอไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ แม่บุญธรรมจะจัดเตรียมไว้ให้เอง” หลินชิงเหอยักคิ้วแล้วพูด

มุมปากเจียงเกิงยกยิ้ม แต่ต่อมาก็ต้องมุ่นคิ้วแล้วพูด “ผมกลัวว่าแม่ผมจะไม่อนุญาตน่ะสิครับ แม่อยากให้ผมสอบเข้าเรียนที่นี่”

“แม่เธอก็เป็นแม่คน ฉันก็เป็นแม่คนเหมือนกัน ความรู้สึกนั้นฉันเข้าใจดี เธอไปพูดกับแม่ของเธอดี ๆ เรื่องนี้แม่บุญธรรมช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน ถ้าพูดยังไงก็ไม่ได้ละก็ ไปหาพวกเราตอนปิดเทอมฤดูร้อนก็ได้ ก่อนไปให้โทรศัพท์มาหาก่อน แล้วฉันจะให้เจ้ารองหรือไม่ก็เจ้าสามไปรับ” หลินชิงเหอพูด

“ปิดเทอมฤดูร้อนอีกตั้งนาน ผมอยากไปอยู่ที่นั่น” เจียงเกิงพูด

ตกเย็นเซวียเหม่ยลี่กับรองผู้ว่าการเจียงก็พาเจียงอวี๋มา ทั้งยังเอากับข้าวมาด้วยไม่น้อย

“ไหน ๆ ก็มาแล้ว เห็นเจียงเกิงมาบอกแต่เช้าว่าพวกคุณจะซื้อกับข้าวมา บอกกลัวว่าจะเปลืองเงินฉันเหรอคะ” หลินชิงเหอพูด

“ฉันไม่ได้กลัวว่าจะเปลืองเงินคุณกับชิงไป๋หรอกนะคะ แต่พวกเราจะกินดื่มฟรีบ่อย ๆ ก็คงจะไม่ดี” เซวียเหม่ยลี่หัวเราะพูด

“งั้นขอส่งให้พวกคุณผู้ชายแล้วนะคะ” หลินชิงเหอหันมาพูดกับโจวชิงไป๋ รองผู้ว่าการเจียง และก็เจ้ารอง

“นี่พี่รองของเสี่ยวเกิงเหรอคะ? หน้าตาหล่อมากเลยนะคะ” เซวียเหม่ยลี่หันมาสนใจโจวเฉวี่ยนแล้วร้องอุทานขึ้น

“คุณน้าชมเกินไปแล้ว ทั้งหมดผมได้มาจากแม่ทั้งนั้นแหละครับ” โจวเฉวี่ยนพูดอย่างถ่อมตัว

เซวียเหม่ยลี่ยิ้มแล้วพูด “น่าจะเป็นอย่างนั้น พี่สามของเสี่ยวเกิงเหมือนคุณพ่อของเขา เธอดูแล้วเหมือนแม่เธอ แต่ว่าก็ดูดีกันหมดแหละจ๊ะ เป็นเด็กหนุ่มที่แค่มองก็รู้สึกดูมีชีวิตชีวา ฉันว่าฉันต้องไปขอแม่เธอให้สอนแล้วล่ะว่าต้องเลี้ยงอย่างไร”

“ครับ คุณน้าคุยกันไปก่อนนะครับ พวกผมขอไปทำกับข้าวก่อน” โจวเฉวี่ยนพูดพลางอมยิ้ม

เขาพาเสี่ยวเกิงกับรองผู้ว่าการเจียงมาช่วยพ่อเขาทำอาหารด้วยเช่นเดียวกัน แต่วัตถุดิบที่เอามานั้นมีไม่น้อย ยังมีพวกกุ้งต่าง ๆ ที่พ่อเขาซื้อมาเมื่อเช้าด้วย

เซวียเหม่ยลี่รู้สึกพึงพอใจมาก “ฉันล่ะชอบลูกชายสองคนของคุณจริง ๆ ค่ะ ยังไม่เคยเห็นลูกคนโตของคุณเลย อยากเจอจังเลยค่ะ”

“เขาค่อนข้างคล้ายกับเจ้าสามนิดหน่อยค่ะ แต่สูงกว่าเล็กน้อย นิสัยก็ค่อนข้างเอาจริงเอาจัง” หลินชิงเหอยิ้ม

“คุณเลี้ยงยังไงคะเนี่ย? แต่ละคนตัวสูงกันทั้งนั้นเลย” เซวียเหม่ยลี่พูด

ทั้งเจ้ารองและเจ้าสามล้วนมีลักษณะที่ชายหนุ่มที่ดีควรจะมี ทั้งยังดูเป็นคนเฉลียวฉลาด พอมองก็รู้ว่าเป็นชายหนุ่มที่เติบโตมาเป็นอย่างดี

“กินนมเยอะ ๆ ค่ะ นอกนั้นก็กินข้าวให้ครบสามมื้อ กินหมั่นโถวธัญพืชหรือบะหมี่อะไรก็ได้ และก็ไม่ต้องจำกัดการกินเขา ให้เล่นบาสเกตบอล เตะฟุตบอล ทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ ” หลินชิงเหอเห็นหล่อนอยากขอให้เธอสอนให้จริง ๆ จึงพูดอธิบายออกไป

ลูกชายทั้งสามตัวสูงขนาดนี้ได้เพราะหลินชิงเหอเลี้ยงพวกเขาเช่นนี้จริง ๆ อีกทั้งก่อนหน้านี้เธอก็มีแค่วิธีพวกนี้เท่านั้น เธอไม่ยอมให้พวกเขาหิวเลย จะคอยให้พวกเขากินเนื้อและไข่มากเท่าที่จะมากได้

“จากอายุของพวกเขาในตอนนี้ ถ้านับ ๆ ดูแล้วก่อนหน้านี้คงไม่ง่ายเลยนะคะ” เซวียเหม่ยลี่พูด

“ใช่ค่ะ เงินเดือนจากการสอนหนังสือเมื่อก่อนของฉันก็จ่ายให้กับพวกเขาหมด ไม่เหลือเลยสักหยวน แม่สามีฉันถึงกับบ่นตลอดว่าให้เก็บเงินไว้ให้พวกเขาแต่งงานบ้าง” หลินชิงเหอพูด

“แล้วทำไมคุณถึงไม่เก็บไว้ล่ะค่ะ?” เซวี่ยเหม่ยลี่พูด

“เก็บไว้ทำไมคะ พอคุณเลี้ยงดูเสี่ยวเกิงจนโต ให้เขาเป็นผู้ชายสร้างครอบครัวเองได้ หลังจากนี้ยังต้องห่วงเรื่องแต่งภรรยาไม่ได้อยู่เหรอคะ?” หลินชิงเหอถามกลับ

เซวียเหม่ยลี่พยักหน้า “ที่ว่ามาก็ไม่ผิดหรอกค่ะ”

“ฉันเลี้ยงดูให้พวกเขาได้เรียนหนังสือแล้ว แน่นอนว่างานบ้านก็ควรต้องทำเป็นเช่นกัน จะเลี้ยงให้เขาเรียนแต่หนังสืออย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องพัฒนาให้พวกเขาทำเป็นในหลาย ๆ ด้านด้วยจึงจะได้ผลดีที่สุดค่ะ” หลินชิงเหอพูด

ในเรื่องทฤษฎีการสอนนั้นเซวียเหม่ยลี่ย่อมเทียบกับหลินชิงเหอไม่ได้ แต่ก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะฟังที่หลินชิงเหอพูด เพราะทั้งหมดที่พูดมาก็คือประสบการณ์ตรงทั้งนั้น

โดยเฉพาะจากคนที่เลี้ยงลูกสามคนได้ยอดเยี่ยมแบบนี้

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แต่ก่อนแม่เลี้ยงลูกแบบนี้มีแต่คนหาว่าใช้เงินเปลืองนะคะ มาตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งสามหน่อเติบโตมาเป็นอย่างดี มีแต่คนชอบ บางสิ่งกว่าจะเห็นผลได้ต้องใช้เวลาสั่งสมมาจริง ๆ

ไหหม่า(海馬)