ตอนที่ 742 บรรลุขั้นปลาย

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 742 บรรลุขั้นปลาย
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชายหนุ่มชุดขาวมองดูหินที่ปกคลุมเต็มฟ้าโดยไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย จะเห็นว่าร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างไม่รีบร้อน จนหลบก้อนหินที่ร่วงลงมาได้สบายๆ

แต่ทว่าผ่านไปไม่นาน ชายหนุ่มชุดขาวก็ไม่อาจรักษาอาการสงบบนใบหน้าได้อีก

ก้อนหินที่พุ่งมาจากบนยอดเขามีมากขึ้นเรื่อยๆ และหนาแน่นจนเกือบถึงระดับที่พายุฝนไม่อาจทะลุผ่านไปได้

ชายหนุ่มใช้มือแตะธงกระดูกตรงหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทันใดนั้นพายุบ้าระห่ำก็ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง คมวายุสีเขียวจำนวนมากพุ่งออกมา

พริบตานั้น เกิดเสียงดังก้องฟ้า!

หลังจากคมวายุสีเขียวกะพริบผ่านไป ก้อนหินจำนวนมากก็ถูกฟันจนแตกกระจาย

ขณะนั้นเอง ฉากที่ทำให้คนรู้สึกคาดไม่ถึงก็ได้ปรากฏขึ้น!

เศษหินที่ถูกคมวายุโจมตีจนแตกกระจายเหล่านั้น ไม่ได้ร่วงลงพื้นโดยตรง แต่ขณะที่หญิงสาวชุดดำส่งเสียงคำราม และชี้มือข้างหนึ่งออกไป มันก็หมุนวนหนึ่งรอบท่ามกลางเสียงดังโครมคราม และพุ่งหาชายชุดขาวอีกครั้ง

เกิดเสียงดังปังๆ!

แสงสีขาวหมุนวนรอบตัวชายชุดขาวอยู่พักหนึ่ง ก็ต้านทานเศษหินเหล่านี้ไว้ได้ทั้งหมด โดยที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย และทำให้สายตาของเขาเยือกเย็นขึ้นมาทันที พอมือทั้งสองกระตุ้นพลัง พายุระห่ำก็หมุนวนขึ้นมาจากธงกระดูกสีเขียว

“ฟู่!” พายุสีเขียวที่สูงร้อยกว่าจั้งพุ่งออกจากธงกระดูก และพุ่งออกไปทั่วทิศ ทำให้ก้อนหินบริเวณนี้ถูกม้วนขึ้นมาทั้งหมด และถูกปั่นจนกลายเป็นผงปกคลุมเต็มฟ้า

หลังจากพายุบ้าระห่ำหยุดลง ธงกระดูกในมือชายหนุ่มชุดขาวก็เปล่งประกายอีกครั้ง จากนั้นก็พุ่งลงด้านล่างอย่างดุร้าย

“พวกเจ้ามีความสามารถอะไร ก็รีบนำออกมาให้หมดเถอะ มิเช่นนั้นตอนที่ข้าลงมือ พวกเจ้าก็จะไม่มีโอกาสแล้ว”

หญิงสาวชุดดำมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และกำลังจะลงมืออีกครั้ง

“เจ้าลงมือไปแล้ว ให้ข้าลองดูเถอะ ที่สำคัญตอนนี้ก็คือ ช่วยยื้อเวลาให้นายท่าน” เด็กชายเสื้อเขียวดึงหญิงสาวไว้ และส่งเสียงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หญิงสาวชุดดำได้ยิน ก็รีบหันไปมองด้วยความตกใจ

จะเห็นว่าหลิ่วหมิงที่อยู่ไม่ไกลมีสีหน้าซีดขาว ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท กลิ่นไอบนตัวก็ขาดๆ หายๆ ร่างของเขามีหมอกดำจางๆ ปกคลุมอยู่ เห็นได้ชัดว่าได้ทะลวงเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญแล้ว

มิน่าล่ะ! เมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มชุดขาว หลิ่วหมิงกลับไม่มีคำสั่งใดๆ ออกมา

และในขณะนี้ เด็กชายเสื้อเขียวก็ดึงมุกกลมๆ ที่ห้อยอยู่บนคอลงมา และโยนขึ้นบนอากาศ ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาออกมา

ขณะที่อักขระสีเทาแต่ละตัวพุ่งออกจากปาก มันก็ค่อยๆ จมเข้าไปในมุกจิตวิญญาณทั้งแปด

มุกจิตวิญญาณทั้งแปดเปล่งประกายขึ้นมาทันที และขยายตัวกลางอากาศ ครู่เดียวก็กลายเป็นเด็กผู้ชายแปดคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเขาไม่มีผิด

จากนั้นเด็กชายชุดเขียวก็ขยับตัว และพาเด็กชายอีกแปดคนพุ่งขึ้นไปหาชายหนุ่มชุดขาวบนอากาศ

เงามนุษย์พร่ามัวอยู่กลางอากาศครู่หนึ่ง เด็กชายเก้าคนที่มีลักษณะเหมือนกันไม่มีผิดกะพริบไปมารอบด้าน หลังจากสบตากันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ก็พากันพ่นลูกเปลวไฟสีเทาที่เหมือนกับก่อนหน้านั้นออกมา

ลูกไฟเหล่านี้หมุนตัวติ้วๆ กลางอากาศ จากนั้นก็ขยายใหญ่หนึ่งจั้งกว่าๆ ก่อเกิดเป็นอากาศสีเทาที่บิดเบี้ยว และม้วนตัวไปหาชายหนุ่มชุดขาว

ชายชุดขาวหรี่ตาทั้งคู่ลง ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยเห็นความแปลกประหลาดของเปลวสีเทาเหล่านี้แล้ว ตอนนี้ย่อมไม่กล้าชักช้าแต่อย่างใด เพียงแค่สะบัดธงกระดูกในมือ กลุ่มแสงสีเขียวก็เปล่งประกายออกมา คมวายุขนาดหลายฉื่อจำนวนมากพุ่งยิงออกไปทั่วทิศ

เกิดเสียงดัง “ฟู่ๆ!” อยู่พักหนึ่ง จากนั้นคมวายุสีเขียวจำนวนมาก ก็พัดผ่านเปลวไฟสีเทาไป และฟันไปทางเด็กชายเสื้อเขียวที่อยู่ด้านหลังเปลวไฟ

เด็กชายเสื้อเขียวทั้งเก้าคนส่งเสียงร้องดังแปลกประหลาดออกมาพร้อมกัน พอเคลื่อนตัว ก็สามารถหลบคมวายุได้อย่างรวดเร็ว หลังจากพร่ามัวไปหนึ่งครั้งแล้ว ก็มาปรากฏตัวอยู่ห่างจากด้านข้างของชายชุดขาวสองสามจั้ง

ดวงตาของชายชุดขาวเปล่งแสงเย็นสะท้าน ธงกระดูกในมือส่งเสียงดัง “เพล้ง!” จากนั้นก็กลายเป็นม่านแสงสีเขียวจางๆ มาปรากฏอยู่ด้านข้างของเขา

ขณะนี้ มีแสงสีเลือดเปล่งประกายแวววาวในดวงตาของเด็กชายเสื้อเขียว เปลวไฟสีเทาถูกพ่นออกจากปากอีกครั้ง กลิ่นเหม็นคาวแผ่กระจายออกไปในทันที

พอเปลวไฟสีเทาตกลงบนม่านแสงสีเขียว ก็เกิดระลอกคลื่นบนม่านแสงเป็นชั้นๆ

หลังจากเกิดเสียงดัง “ฟู่ๆ!” อยู่พักหนึ่ง หมอกควันสีขาวจางๆ ก็พุ่งขึ้นฟ้า ม่านแสงสีเขียวมืดลงในพริบตา ทั้งยังมีรูเล็กๆ จำนวนมากปรากฏอยู่บนนั้น ราวกับว่าถูกกัดกร่อนมาก่อน

“นี่คือบ้าอะไรกัน…”

ชายหนุ่มชุดขาวสูดหมอกขาวไปส่วนหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้น ก็รู้สึกหน้ามืดตาลายอยู่ครู่หนึ่ง และใจสั่นสะท้าน พอเก็บม่านแสงสีเขียว มันก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพุ่งขึ้นฟ้า พอพุ่งขึ้นสูงร้อยกว่าจั้ง ลำแสงก็ดับลง เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มชุดขาว

ธงกระดูกสีเขียวในมือมีรูเล็กๆ ปรากฏอยู่หลายรู พลังจิตวิญญาณของมันได้รับความเสียหายไม่น้อย ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอยู่ครู่หนึ่ง

ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงดังโครมครามด้านล่าง เงาหินจำนวนแน่นขนัดพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งเกิดจากการที่หญิงสาวชุดดำกระตุ้นหินชนิดต่างๆ มาทำการโจมตีนั่นเอง

“ไสหัวไป!”

ชายหนุ่มชุดขาวส่งเสียงตะคอกด้วยความโมโห และตบฝ่ามือผ่านกลุ่มหินไป

ทันใดนั้น เงาฝ่ามือยักษ์สีขาวที่มีขนาดหนึ่งหมู่กว่าๆ ก็ปรากฏออกมา พอคว้าลงด้านล่าง ก้อนหินทั้งหมดก็กลายเป็นผุยผงในพริบตา และยังฟาดไปทางหญิงชุดดำ โดยที่อานุภาพไม่ได้ด้อยลงไปเลยแม้แต่น้อย

หญิงสาวเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา พอบิดตัว ก็มุดหายลงไปใต้ดินอย่างไร้ร่องรอย

เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นอยู่ครู่หนึ่ง!

รอยฝ่ามือยักษ์ปรากฏบนบริเวณที่นางเคยยืนทันที

มาจนถึงตอนนี้ ชายหนุ่มชุดขาวเพิ่งจะแสดงพลังแท้จริงของระดับแก่นแท้ออกมา

ขณะนั้นเอง เกิดเสียงดัง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” ด้านล่าง เด็กชายทั้งเก้าปรากฏตัวอีกครั้งและเดินโซเซไปรอบ ๆ ชายในชุดคลุมสีขาว ขณะเดียวกันก็สะบัดหัว และปอยผมสีเขียวก็ยืดยาวออกมาเป็นไหมสีเขียวอันแน่นขนัด ก่อนพุ่งยิงเข้ามา

“ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” ไหมสีเขียวที่พุ่งออกไปทั้งหมด มีเปลวไฟสีเทาลุกไหม้ขึ้นมา

และหญิงสาวชุดดำก็มุดขึ้นมาจากบริเวณขอบยอดเขา พอแหงนหน้าขึ้น ดวงตาของนางก็เป็นประกายแวววาว ทันใดนั้น นิ้วทั้งสิบก็ดีดใส่ชายหนุ่มชุดขาวติดต่อกัน

เกิดเสียงดังก้องฟ้า แสงสีดำสิบลำกะพริบออกมา พริบตาเดียวก็มาถึงบริเวณตรงหน้าชายหนุ่มชุดขาวอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มชุดขาวหัวเราะหึๆ พอสะบัดแขนเสื้ออย่างรุนแรง แขนเสื้อก็กลายเป็นดาบแสงสีขาวม้วนตัวผ่านตรงหน้าไป ซึ่งไม่เพียงแต่จะตัดไหมสีเขียวเป็นชิ้นๆ จำนวนนับไม่ถ้วนเท่านั้น แม้แต่เด็กชายที่อยู่บริเวณนั้นก็ค่อยๆ ถูกบีบจนร่นถอยออกไป ยิ่งไปกว่านั้นยังดีดแสงสีดำสิบกว่าลำที่พุ่งยิงเข้ามาจนกระเด็นออกไปด้วย

การโจมตีอันน่าตกใจเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้เด็กชายทั้งเก้ามีสีหน้าเปลี่ยนไปพร้อมกันเท่านั้น หญิงสาวที่อยู่ด้านล่างก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

“เอาล่ะ! ความสามารถของพวกเจ้าข้าก็เห็นไม่น้อยแล้ว ให้ข้าจัดการนายเก่าของพวกเจ้าก่อนแล้วค่อยสยบพวกเจ้าก็แล้วกัน” หลังจากชายชุดขาวโจมตีอสูรเลี้ยงทั้งสองจนล่าถอยออกไปแล้ว ก็หัวเราะด้วยความพอใจ จากนั้นก็กวาดสายตามองดูหลิ่วหมิงที่อยู่บนยอดเขา พอเอามือข้างหนึ่งตบลงบนหน้าอก หัวขวานสีเหลืองสลัวๆ ก็พุ่งยิงออกไป

พอเปลี่ยนท่ามือ ขวานเล็กๆ ก็ขยายใหญ่แล้วพุ่งขึ้นฟ้า พริบตาเดียวก็กลายเป็นขวานยักษ์สีทองที่มีขนาดสามสี่จั้ง มีลายพยัคฆ์สีทองที่ดูราวกับมีชีวิตสลักอยู่บนพื้นผิว

ชายชุดขาวจับขวานไว้แน่น พอฟันลงไปอย่างรุนแรง แสงสีเหลืองที่มีขนาดใหญ่เจ็ดแปดจั้งก็เปล่งประกายออกมา และกลายเป็นเงาพยัคฆ์สีทองในระหว่างทาง จากนั้นก็พุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงด้วยลักษณะอันดุดัน

“แย่แล้ว!”

หญิงสาวชุดดำมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก พอมีเงาดำเคลื่อนไหวตรงด้านหลัง หางตะขอสีดำม่วงก็ปรากฏออกมา มันกะพริบแค่ทีเดียว ก็กลายเป็นเงาดำกะพริบผ่านไปท่ามกลางเสียงระเบิด พริบตาเดียวก็ฟาดใส่ร่างพยัคฆ์สีทองที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง จนกลายเป็นรู

พยัคฆ์ตัวนี้ทำราวกับมองไม่เห็นรูบนตัว หลังจากร่างของมันพร่ามัวแล้ว ก็พุ่งไปยังศีรษะหลิ่วหมิง กรงเล็บยักษ์ทั้งสองกับปากขนาดใหญ่โจมตีผ่านอากาศไปโดยฉับพลัน

หลิ่วหมิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาในทันที และปล่อยกำปั้นโจมตีออกไป

“ตู๊ม!”

เงากำปั้นสีดำพุ่งออกไป พริบตาเดียวก็กลายเป็นเงาหัวพยัคฆ์ขนาดใหญ่ และส่งเสียงคำรามดังก้องฟ้า

ชั่วขณะนั้น เงาร่างพยัคฆ์สีทองถูกพลังมหาศาลที่แฝงอยู่ในหัวพยัคฆ์สีดำโจมตีจนแตกกระจาย พอเงาดำกะพริบผ่านไป หัวพยัคฆ์ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าชายชุดขาว

ชายชุดขาวรู้สึกตกใจมาก เห็นได้ชัดว่าไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาคิดที่จะหลบหลีกก็สายไปเสียแล้ว ทำได้แค่นำขวานสีทองมาตั้งขวางไว้ตรงหน้า และใส่พลังเวทเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นแสงสีทองก็เปล่งประกายออกมา

“โครมคราม!”

หัวพยัคฆ์ระเบิดตัวตรงหน้าชายชุดขาว และมีคลื่นสีดำม้วนตัวออกไปเป็นวงๆ

ชายชุดขาวรู้สึกชาที่แขน พลังมหาศาลทะลักเข้ามา ทำให้เขาต้องร่นถอยไปสิบกว่าก้าว ขณะเดียวกันก็รู้สึกหวานที่ลำคอจนเกือบกระอักเลือดออกมา

“เป็นไปไม่ได้”

หลังจากชายชุดขาวตั้งหลักได้อีกครั้ง ก็ต้องหยุดปากร้องออกมาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

ขณะนั้นเอง กลิ่นไอของหลิ่วหมิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นก็เพิ่มขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังออกมา ไอดำพวยพุ่งม้วนตัวขึ้นจากด้านหลัง และกลายเป็นมังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกอย่างละห้าตัว

หลิ่วหมิงหัวเราะทีหนึ่ง และลุกขึ้นจากพื้นทันที

“ยินดีด้วยนายท่านที่สามารถบรรลุระดับผลึกขั้นปลายได้อย่างราบเรียบ!” หญิงชุดดำเห็นเช่นนี้ก็กล่าวด้วยความดีใจ

“นายท่าน ยิ่งใหญ่!”

เด็กชายเก้าคนที่อยู่กลางอากาศก็พุ่งลงไปทันที หลังจากมีเงาร่างมนุษย์เคลื่อนไหว เด็กชายคนหนึ่งที่ถือสร้อยมุกกลมๆ ก็มาปรากฏตัวบริเวณที่หลิ่วหมิงอยู่ ขณะเดียวกันก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ลำบากพวกเจ้าทั้งสองแล้ว คนผู้นี้มอบให้ข้าจัดการก็พอแล้ว” หลิ่วหมิงกล่าวกับหญิงสาวและเด็กชายด้วยรอยยิ้ม

“ก็แค่ผู้น้อยระดับผลึกคนหนึ่ง บังอาจพูดจาใหญ่โตเช่นนี้ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงความน่ากลัวของระดับแก่นแท้” ชายชุดขาวได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก

กำปั้นในเมื่อครู่ ทำให้เขารู้ว่าพลังของหลิ่วหมิงไม่ธรรมดา แต่ด้วยสถานะผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ ย่อมไม่หวาดกลัวผู้ฝึกฝนระดับผลึกคนหนึ่งอย่างแน่นอน

ชายชุดขาวโยนขวานสีทองในมือขึ้นฟ้าทันที และอ้าปากออกมา พอมีเสียงดัง “ฟู่!” มันก็กลายเป็นหมอกโลหิตมุดเข้าไปในนั้น และเขาก็ชี้นิ้วออกไปอีกครั้ง

ลวดลายสีทองเปล่งประกายบนขวานยักษ์ เกิดเสียงดังกังวานเป็นพักๆ อักขระสีเลือดจำนวนมากพวยพุ่งออกมา จากนั้นก็ฟันไปทางหลิ่วหมิง

………………………………