เล่มที่ 29 เล่มที่ 29 ตอนที่ 842 ราชวงศ์นั้นโหดเหี้ยม

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

พระชายาหลู่หยางอ๋องขบกรามแน่น “ไปให้พ้น ตงหลิงชาง ไปให้พ้น! ข้าไม่อยากเห็นหน้าท่านอีก”

หลู่หยางอ๋องไม่ต้องการกวนใจนาง จึงหันตัวเดินจากไป ทว่าเมื่อเดินถึงประตู เขาก็ชะงักฝีเท้า “ตอนนี้ตงหลิงไท่สูญสิ้นอำนาจแล้ว แคว้นตงเฉินตกอยู่ในกำมือของข้า ซินหรู พวกเราไม่ใช่หนุ่มสาวกันแล้ว ผ่านมาค่อนชีวิต เจ้ายังสนใจเวลาที่เหลืออีกไม่กี่ปีอีกหรือ? เจ้า… ลองใช้สมองใคร่ครวญดูบ้าง”

พระชายาหลู่หยางอ๋องหยิบหมอนบนเตียงปาไปที่แผ่นหลังของหลู่หยางอ๋อง “ไปให้พ้น! ”

หลู่หยางอ๋องหันหลังเดินจากไป

วันที่สอง ตงหลิงหวงที่ปลอมตัวเป็นพระสนมน่าหลานไปเยือนพระราชวัง ตอนนี้หลู่หยางอ๋องมีอำนาจ และนางยังอยู่ในฐานะพระสนมของหลู่หยางอ๋อง ระหว่างทางจึงราบรื่นอย่างมาก ไม่นานนักก็มาถึงตำหนักช่างหยวนของฮองเฮา

ที่นี่เคยรุ่งเรืองสูงศักดิ์ มากล้นด้วยอำนาจและความโปรดปราน ทว่าตอนนี้กลับเหี่ยวเฉาและหดหู่ไม่น้อย

ตงหลิงหวงสั่งให้คนเข้าไปทูลหลายครั้ง ทว่าฮองเฮาทรงรับสั่งกลับมาว่าไม่ให้เข้าเฝ้า ภายหลังนางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบุกเข้าไป

นางกำนัลหลายคนที่อยู่ด้านหลังพากันตะโกนห้าม

“พระสนมน่าหลาน พระองค์เข้าไปไม่ได้ เข้าไปไม่ได้เพคะ ฮองเฮาทรงกำลังพักผ่อนอยู่”

“พระสนมน่าหลาน พระองค์อย่าทำให้พวกเราลำบากใจ ฮองเฮาทรงกำชับว่าไม่ต้องการพบพระองค์”

แม้นางจะมาเข้าเฝ้าฮองเฮา ทว่าความจริงแล้วนางยังมีแผนการอื่น อย่างไรเสีย ที่นี่ก็มีสายตาจับจ้อง มีเวลาเพียงเล็กน้อยให้จัดการ

ในขณะที่ตงหลิงหวงอยู่หน้าประตู นางหยุดฝีเท้าและหันกลับมา “เจ้าพวกโง่ ไม่เห็นหรือว่าข้าคือผู้ใด! ไม่รู้หรือว่าตอนนี้ผู้ใดคือเจ้านาย? ”

เหล่านางกำนัลรีบหยุดฝีเท้าและไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีก

ตงหลิงหวงผลักประตูออก

ข้าวของเครื่องใช้และกลิ่นอายที่แสนคุ้นเคย ทว่ามีความหนาวเย็นที่ไม่คุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง ความหนาวเย็นนั้นได้ห่อหุ้มหัวใจทั้งดวงของตงหลิงหวง ทำให้นางแทบหายใจไม่ออก

จังหวะก้าวเท้าของนางราวกับถูกโลหะหนักถ่วงเอาไว้ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเดินไปข้างหน้า

น้ำเสียงเกรี้ยวกราดเล็กน้อยดังมาจากด้านใน “ออกไปให้พ้น! ”

ตงหลิงหวงไม่สนใจ นางเดินตรงไปข้างหน้า แจกันดอกไม้หยกสีขาวคุณภาพสูงตกลงมาที่เท้าของตงหลิงหวง “ออกไปให้พ้น ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ? ”

หัวใจของตงหลิงหวงพลันเจ็บปวด ทว่านางยังต้องแสร้งแสดงละครให้คนด้านนอกได้เห็น เพราะนางยังอยู่ในสถานะของพระสนมน่าหลาน

ดังนั้นนางจึงโน้มตัวไปด้านหน้า “ฮองเฮา เป็นหม่อมฉันเอง หม่อมฉันมาเพื่อทูลขอเข้าเฝ้าพระองค์เพคะ”

“ออกไปพ้น! ”

“ฮองเฮา หากฉุนเฉียวจะเป็นการทำร้ายพระวรกาย พระองค์ทำเช่นนี้เพื่ออันใด? เวลานี้คนที่มาเยี่ยมพระองค์ในวังหลังคงมีไม่มากกระมัง? แม้หม่อมฉันจะไม่ดีเท่าท่านพี่ซินหรู ทว่าหม่อมฉันก็เป็นห่วงฮองเฮาเสมอมาเพคะ”

ขณะที่พูด ตงหลิงหวงก็เดินมาอยู่เบื้องหน้าฮองเฮาแล้ว

ฮองเฮายังคงสวมชุดบรรดาศักดิ์ครบถ้วนสมบูรณ์ ทว่าวันนี้นางไม่ได้สวมมงกุฎหงส์และเกล้าผมขึ้น มองดูแล้วค่อนข้างซูบเซียว

ไม่พบเพียงไม่กี่วัน ฮองเฮาดูชราขึ้นมาก

ตงหลิงหวงเพียงเหลือบมองก็ปวดร้าวหัวใจจนแทบหายใจไม่ออก นางไม่อาจละสายตาไปจากร่างเสด็จแม่ของตนเองได้

ทว่านางต้องพยายามสงบสติอารมณ์ให้มั่นคง เพราะด้านข้างกระถางกำยานยังมีนางกำนัลในวังคุกเข่าปรนนิบัติอย่างระมัดระวัง

นางกำนัลในวังเมื่อเห็นตงหลิงหวงก็ทำท่าจะคำนับ ทว่าตงหลิงหวงกลับโบกมือให้พวกนางถอยออกไป

ฮองเฮาพลันลืมตาขึ้น “ผู้ใดสั่งให้เจ้าเข้ามาโดยพลการ ข้ายังไม่ได้ย้ายออกจากตำหนักช่างหยวนแห่งนี้! ”

ตงหลิงหวงไม่สนใจสิ่งอื่นอีกแล้ว นางเดินเข้าไปหาฮองเฮา และร่ำไห้อย่างอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป “เสด็จแม่! ”

ฮองเฮาตกใจอยู่ครู่หนึ่ง นางมองใบหน้าของตงหลิงหวงอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

ตงหลิงหวงค่อยๆ ดึงหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก “เสด็จแม่ เป็นข้าเอง”

“หวงเอ๋อร์? ”

ฮองเฮามองบุตรสาวที่ตนตั้งตารอพบวันแล้ววันเล่า ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็แดงก่ำ “หวงเอ๋อร์ เจ้าเข้าวังมาได้อย่างไร? มีผู้ใดพบเจ้าหรือไม่? ”

เพราะอาการตื่นเต้น เสียงของฮองเฮาจึงดังเล็กน้อย ตงหลิงหวงรีบปิดปากฮองเฮาแล้วเหลือบตามองไปยังทิศทางของประตู พลางส่งสัญญาณให้ฮองเฮาเบาเสียงลงเพราะด้านนอกยังมีคนคอยจับตาอยู่

ตอนที่ตงหลิงหวงผละออกมา ใบหน้าของฮองเฮาก็มีน้ำตาไหลอาบสองแก้ม

ทว่านางกดเสียงให้ต่ำลง “หวงเอ๋อร์ รีบมาให้แม่ดูหน่อย เจ้าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่? มานี่”

ตงหลิงหวงยืนขึ้นหมุนตัวสองรอบให้ฮองเฮาดูอย่างอดทน

“เสด็จแม่วางพระทัย ลูกไม่ได้รับบาดเจ็บ สาเหตุที่ลูกเข้าวังได้เพราะอาศัยสถานะของพระสนมน่าหลาน”

“พระสนมน่าหลาน? พวกเขาไม่สงสัยเจ้าหรือ? ”

ตงหลิงหวงส่ายศีรษะ “ความจริงพระสนมน่าหลานตายไปแล้ว นอกจากนั้น ลูกร่ำเรียนวิชาปลอมตัวมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไม่มีผู้ใดสงสัยแน่นอนเพคะ”

“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี! ”

ฮองเฮาพูดพลางกอดตงหลิงหวงไว้ในอ้อมแขน “หลายวันมานี้แม่ฝันถึงเจ้ากับเสด็จพ่อทุกคืน ฝันว่าทั้งร่างของพวกเจ้าเต็มไปด้วยเลือด แม่คิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้พบพวกเจ้าอีกแล้ว”

“เสด็จแม่วางพระทัย ตอนนี้เสด็จพ่ออยู่ที่เมืองหลานโจว ทรงปลอดภัยดี กองทัพตามแนวชายแดนตอนใต้ถอยทัพกลับไปที่เมืองหลานโจวแล้ว มีลูกอยู่ รับรองว่าลูกสามารถช่วยให้เสด็จพ่อยึดเมืองหลวงกลับคืนมา และมาอยู่พร้อมหน้ากับเสด็จแม่ได้อย่างแน่นอน”

ฮองเฮาร้องไห้น้ำตาไหลรินไม่หยุด “หวงเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ทว่ากลับต้องแบกรับภาระเรื่องเหล่านี้ ต้องโทษข้าที่ไร้ประโยชน์ หากให้กำเนิดน้องชายสักคนให้เจ้าได้ก็คงดี”

ตงหลิงหวงคว้ามือฮองเฮาไว้ “เสด็จแม่ ลูกเคยพูดกับท่านแล้วว่าลูกไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ในฐานะที่เป็นสายเลือดของสกุลตงหลิง นี่ถือเป็นความรับผิดชอบและความภาคภูมิใจของลูก”

“ทว่าในใจของแม่… ในใจของแม่รู้สึกผิดเสมอ ยิ่งตอนนี้ราชสำนักกลายเป็นเช่นนี้อีก แม่ยิ่งเกลียดตนเอง เจ้าเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ไม่ควรต้องมาแบกรับภาระมากมายเช่นนี้”

แท้จริงแล้ว ตงหลิงหวงอยากร้องไห้ ทว่านางกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา เพราะนางไม่ต้องการให้เสด็จแม่ทุกข์ใจมากกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะรัชทายาทตงเฉิน นางทำได้เพียงหลั่งเหงื่อและเลือดเท่านั้น ไม่อาจหลั่งน้ำตา

นางจึงทำได้เพียงปลอบโยนฮองเฮาอย่างเข้มแข็ง

สองแม่ลูกกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากแยกจากกันเป็นเวลานาน จู่ๆ ตงหลิงหวงก็นึกถึงสิ่งที่หลู่หยางอ๋องเคยพูดว่าเขาทรมานฮองเฮา ดังนั้นนางจึงเปิดแขนเสื้อของฮองเฮาขึ้น

ฮองเฮาตกใจและคิดจะหลีกเลี่ยง ทว่ากลับถูกตงหลิงหวงคว้าแขนเอาไว้แน่น

เมื่อเห็นรอยช้ำเขียวช้ำม่วงบนแขน ตงหลิงหวงก็กำหมัดแน่น

นางก่นด่าเสียงต่ำ “พวกเดรัจฉาน! ”

หากเป็นไปได้ หากหลู่หยางอ๋องอยู่ตรงหน้านางในตอนนี้ นางต้องสังหารเขาอย่างแน่นอน

ฮองเฮาค่อยๆ ดึงแขนเสื้อลงเพื่อปกปิดรอยแผลบนแขนของนาง “หวงเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล แม่สบายดี รอยช้ำพวกนี้ไม่เป็นอันใดนัก ตอนนั้นที่ต่อสู้สร้างอำนาจให้แคว้นตงเฉิน แม่เจ็บหนักกว่านี้อีก ทว่ายังผ่านมาได้”

ตงหลิงหวงกัดฟันกรอด “เสด็จแม่ ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน ท่านเป็นฮองเฮาผู้เป็นมารดาของแว่นแคว้น ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่ควรทำเช่นนี้กับท่าน ยิ่งไปกว่านั้น เขากับเสด็จพ่อเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน”

ฮองเฮามองตงหลิงหวง “แต่ไหนแต่ไรมา ราชวงศ์ย่อมโหดเหี้ยมไร้ซึ่งพี่น้อง ตอนนั้นที่เขายึดอำนาจและส่งกองกำลังทหารมา เขาได้ละทิ้งความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างเขาและเสด็จพ่อของเจ้าไปแล้ว”