“เสด็จแม่ ลูกได้หารือกับเสด็จพ่อแล้ว วันที่หลู่หยางอ๋องเสด็จขึ้นครองบัลลังก์เป็นวันที่องครักษ์ในเมืองหลวงหละหลวมที่สุด ในเวลานั้น พวกเราจะร่วมมือกับสกุลฮั่ว ตีประสานงานทั้งด้านในและด้านนอกเพื่อเข้าสู่เมืองหลวง เสด็จแม่ยืนหยัดอีกไม่กี่วัน ถึงตอนนั้นเสด็จพ่อก็กลับมาแล้ว”
“หวงเอ๋อร์ลูกรัก เจ้ากับเสด็จพ่อของเจ้าต้องระวังให้ดี หลู่หยางอ๋องสงบนิ่งซ่อนเขี้ยวเล็บมาหลายปี ทว่าสามารถลุกฮือส่งกำลังทหารมาก่อกบฏในตอนนี้ได้ ย่อมรู้วิถีทางการทหารของเจ้าและพ่อเจ้าเป็นอย่างดี หาได้รับมือง่ายดายเช่นนั้น”
ตงหลิงหวงพยักหน้า “เขามีกลยุทธ์ ลูกก็มีแผนรับมือเช่นกัน ลูกจะระมัดระวังเป็นอย่างดี”
ฮองเฮาเชื่อในตัวบุตรสาวของตนอยู่แล้ว
แม้เป็นเพียงบุตรสาว ทว่าบุตรสาวผู้นี้แข็งแกร่งมากกว่าบุรุษเสียอีก
ตงหลิงหวงมาพบฮองเฮาครั้งนี้ นอกเหนือจากมาพบเจอกับมารดาแล้ว นางยังมีเรื่องสำคัญมากอีกเรื่องหนึ่ง “เสด็จแม่ ตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้อยู่ที่ใดหรือ? ”
ฮองเฮาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง “หลู่หยางอ๋องส่งคนมาหาหลายครั้ง แม่กลัวเขาจะหาพบ จึงใส่ไว้ภายในแหวนเก้ามังกร”
นางพูดพลางแบมือขวาออก แหวนหัวมังกรที่สวมอยู่บนนิ้วกลางพลันปรากฏอยู่เบื้องหน้าตงหลิงหวง หลังจากนั้นนางก็ชี้นิ้วไปที่โต๊ะด้านข้าง แสงสว่างจ้าพลันทอประกายออกมาจากแหวน ตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้ที่ห่อไว้ด้วยกล่องผ้าสีเหลืองก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
ตงหลิงหวงก้าวไปข้างหน้าเพื่อแกะผ้าสีเหลืองออก เป็นตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้จริงๆ
ฮองเฮาอธิบาย “แหวนเก้ามังกรนี้เป็นสิ่งที่ท่านตามอบให้แม่ ไม่มีผู้ใดรู้วิธีใช้งานแหวนวงนี้ นอกจากเสด็จพ่อของเจ้า ดังนั้นหลู่หยางอ๋องจึงไม่ได้สงสัยอันใด”
“เสด็จแม่ เพื่อปกปิดตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้ ท่านต้องได้รับความทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ เป็นเพราะลูกอกตัญญู หากลูกเข้าเมืองหลวงมาเร็วกว่านี้ เสด็จแม่คงไม่ต้องทนทุกข์เช่นนี้”
ฮองเฮาถอดแหวนเก้ามังกรออกจากนิ้วของนาง และสวมลงบนนิ้วมือของตงหลิงหวง
“ตอนนี้แม่ขอส่งมอบแหวนเก้ามังกรวงนี้ให้เจ้า”
ตงหลิงหวงรีบดึงมือตนเองกลับ “ได้อย่างไร แหวนเก้ามังกรเป็นของที่ท่านตาทิ้งไว้ให้เสด็จแม่ เสด็จแม่สวมมันมาหลายปี จะยกให้ลูกง่ายๆ ได้อย่างไร? ”
“รับไปเถิด! ”
ฮองเฮามีท่าทีแน่วแน่ “แม่กับพ่อมีเจ้าเป็นลูกเพียงคนเดียว แหวนเก้ามังกรวงนี้ อีกไม่นานก็ต้องส่งต่อให้เจ้า หากแม่ไม่ให้เจ้าแล้วจะให้ผู้ใด? ”
ตงหลิงหวงจึงรับแหวนวงนั้นไว้
ฮองเฮากล่าวต่อ “ความจริงแล้ว แหวนเก้ามังกรเป็นเพียงมิติเวลาแห่งหนึ่ง แม่ได้ฝึกฝนจนถึงระดับสูงสุดแล้ว ตราบใดที่แม่และเจ้ามีสายเลือดเดียวกัน ภายหลังเจ้าสามารถใช้งานแหวนวงนี้ได้ เจ้าสามารถใส่สมบัติของตนเองเข้าไปได้ตลอดเวลา และด้านในยังมีอาวุธวิเศษที่แม่เก็บสะสมมาหลายปี”
ตงหลิงหวงพยักหน้า
ฮองเฮาดึงปิ่นปักผมด้ามหนึ่งบนศีรษะออกมากรีดนิ้วตนเองและหยดเลือดลงไปบนแหวนเก้ามังกร ตงหลิงหวงก็หยิบเครื่องประดับบนศีรษะตนเองออกมาเจาะนิ้ว และหยดเลือดลงไปบนแหวนเก้ามังกรเช่นกัน
ขณะที่เลือดของตงหลิงหวงและฮองเฮาค่อยๆ ผสานกัน ทันใดนั้น แหวนเก้ามังกรก็เปล่งประกายระยิบระยับ
แม้แสงจะสว่างเจิดจ้า ทว่าเมื่อมองให้ละเอียดจะเห็นว่ามีรูปแบบชัดเจน หน้าผากของฮองเฮามีจุดแสงสว่าง หน้าผากของตงหลิงหวงก็ปรากฏจุดแสงสว่างเช่นกัน จุดของทั้งสองเมื่อเชื่อมกับแหวนเก้ามังกรก็กลายเป็นสามเหลี่ยม
ทันใดนั้น ตงหลิงหวงก็รู้สึกได้ว่าจุดแสงบนหน้าผากมีบางอย่างค่อยๆ ไหลเข้าไปในร่างกาย ทั่วทั้งร่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิเศษ
ครู่หนึ่ง หลังจากที่แสงสว่างหายไป ตงหลิงหวงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าระหว่างนางกับแหวนเก้ามังกรมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น นางสามารถรับรู้ได้ถึงพลังวิเศษของแหวนเก้ามังกร
“ลองส่งดวงจิตของเจ้าเข้าไปในแหวนเก้ามังกรสิ”
ตงหลิงหวงลองส่งดวงจิตเข้าสู่แหวนเก้ามังกร ก่อนจะพบว่าด้านในเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่มากตามที่มารดาของนางบอก
แม้จะเป็นเพียงพื้นที่เรียบง่าย ไม่มีสิ่งอื่นใด ทั้งยังห่างชั้นจากอาคมกำไลปี่อั้นของซูจิ่นซีอยู่มาก ทว่าตงหลิงรู้สึกว่าไม่เลว
ที่สำคัญที่สุด ของชิ้นนี้เป็นสิ่งที่มารดามอบให้นาง
“เจ้านำตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้ไปเถิด! บางทีเจ้าและเสด็จพ่อของเจ้าอาจได้ใช้มัน ด้านหลังแผ่นป้ายชื่อของตำหนักว่าราชการก็มีตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้เช่นกัน ทว่าชิ้นนั้นเป็นของปลอม ในตอนนั้นที่เสด็จพ่อของเจ้าให้ปรมาจารย์ต้วนสร้างตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้ เขาจงใจให้สร้างตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้ปลอมใส่ไว้ด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นในอนาคต”
ตงหลิงหวงราวกับกำลังหาทางออกบางอย่างในใจ “ประจวบเหมาะพอดี ครั้งนี้หลู่หยางอ๋องให้ลูกเข้ามาในวังเพื่อถามท่านแม่เกี่ยวกับตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้ ลูกจะมอบตราประทับปลอมชิ้นนั้นให้เขา สามารถใช้ของปลอมปกปิดของจริงได้ ทั้งยังสามารถทำให้เขาเชื่อใจได้อีกด้วย”
หลังจากนั้น ทั้งสองก็สนทนากันอีกเล็กน้อย ตงหลิงหวงบอกแผนการทั้งหมดของตนเองให้ฮองเฮาฟังคร่าวๆ และบอกให้ฮองเฮาเข้าร่วมพระราชพิธีขึ้นครองบัลลังก์ของหลู่หยางอ๋อง แน่นอนว่าตงหลิงหวงจะลงมือในช่วงเวลานั้น
หากฮองเฮาอยู่ในตำหนักหลังของตน นางจะเป็นกังวล ในพระราชพิธีมีคนจำนวนมาก ต่อให้หลู่หยางอ๋องไม่ยอมให้เสด็จแม่ของนาง ทว่าเขาไม่อาจลงมือต่อหน้าคนจำนวนมากในงานพระราชพิธีขึ้นครองบัลลังก์ของตนเองได้
หลังจากตงหลิงหวงออกมาจากห้องบรรทมของฮองเฮาแล้ว นางไม่ได้ออกจากวังในทันที ทว่านางตรงไปยังตำหนักว่าราชการ เพราะตอนนี้หลู่หยางอ๋องอยู่ที่นั่น
องครักษ์ ขันที และนางกำนัลหน้าประตูตำหนักว่าราชการถูกเปลี่ยนเป็นคนของหลู่หยางอ๋องทั้งหมด ซึ่งตงหลิงหวงไม่รู้จัก
ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าของพระสนมน่าหลาน พวกเขาก็ทำความเคารพและรีบเข้าไปรายงานหลู่หยางอ๋อง
หลู่หยางอ๋องจึงรับสั่งให้ตงหลิงหวงเข้ามาในตำหนักว่าราชการ
“พระสนมที่รักมาแล้ว หากต้องการให้ข้ากลับจวน เพียงสั่งให้คนมาแจ้งก็ได้ ข้าจะกลับจวนทันที” เขาพูดพลางเดินมาหาตงหลิงหวง “หรือว่าทารกในครรภ์คิดถึงท่านพ่อ? ”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันเพิ่งออกมาจากห้องบรรทมของฮองเฮา”
หลู่หยางอ๋องลากตัวตงหลิงหวงให้นั่งลงบนเก้าอี้มังกร “โอ้ เช่นนั้นหรือ? ฮองเฮาว่าอย่างไรบ้าง ถามได้ความอันใดบ้าง? ”
ตงหลิงหวงเงยหน้าเหลือบมองแผ่นป้ายที่อยู่เหนือศีรษะ “หม่อมฉันปฏิบัติภารกิจลุล่วง แม้ตอนแรกฮองเฮาไม่ต้องการพบหน้าหม่อมฉัน ทั้งยังดุด่าหม่อมฉันหลายครั้ง ทว่าหลังจากที่หม่อมฉันโน้มน้าว เพื่อให้พระองค์ทรงทราบว่าอำนาจของตงหลิงไท่หมดไปแล้ว พระองค์จึงยอมบอกตำแหน่งที่ตั้งของตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้ออกมา”
“จริงหรือ? นางได้บอกรายละเอียดตำแหน่งหรือไม่? ”
“ฮองเฮาตรัสว่าตราประทับราชลัญจกรฮ่องเต้อยู่ด้านหลังป้าย ‘หมั่นเพียรรับใช้ใต้หล้า’ ของตำหนักว่าราชการแห่งนี้”
“จริงหรือ? ”
หลู่หยางอ๋องดวงตาเป็นประกาย เหมือนว่าเขาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจได้
“จริงเพคะ! ฮองเฮาตรัสด้วยพระองค์เอง หม่อมฉันไม่กล้าหลอกลวงท่านอ๋องแม้แต่น้อย”
เมื่อเห็นว่าตงหลิงหวงไม่มีท่าทีเหมือนคนกำลังโกหก หลู่หยางอ๋องจึงรีบให้คนมาปลดป้ายลง
เป็นจริงดั่งคาด มีกล่องอยู่ด้านหลังแผ่นป้ายนั้น
หลังจากขันทีปัดฝุ่นบนกล่องเรียบร้อย หลู่หยางอ๋องก็เดินไปที่กล่องใบนั้น มือของเขาสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม ตอนที่กำลังจะเปิดกล่อง จู่ๆ เขาก็หยุดชะงักและให้ขันทีที่อยู่ด้านข้างเป็นคนจัดการแทน “เปิดกล่อง”
ตงหลิงหวงก่นด่าหลู่หยางอ๋องในใจอย่างรุนแรง ‘จิ้งจอกเฒ่า’
ไม่คิดว่าเวลานี้หลู่หยางอ๋องยังคงระแวดระวัง เป็นดั่งที่เสด็จแม่พูดไว้ไม่มีผิด หลู่หยางอ๋องไม่ใช่คนธรรมดา