บทที่ 1771 ดูแลเหมือนลูกชาย / บทที่ 1772 ไม่รู้จัก

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1771 ดูแลเหมือนลูกชาย

เบื้องบนพวกนี้ของพันธมิตรอู๋เว่ยต่างก็มีอสังหาฯ กิจการของตัวเองในพื้นที่อย่างเอเชีย อเมริกาเหนือและยุโรป อย่าบอกนะว่ากิจการของผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสาม…

เห็นเยี่ยหวันหวั่นจ้องตัวเอง ผู้อาวุโสใหญ่ก็ทำหน้างุนงง “ที่ผมทำเป็นธุรกิจทางการทหารทั้งหมด…ไม่ได้มีเงินมากขนาดผู้อาวุโสรอง ผู้อาวุโสรองสั่งสมเงินทองด้วยวิธีมิชอบ ส่วยที่ผมได้มาเป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรง…”

“ใช่…ผู้อาวุโสใหญ่พูดถูก เงินที่พวกเราได้มาเป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรง…” ผู้อาวุโสสามรีบเอ่ยปาก

เห็นสีหน้าแบบนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ไม่รู้ทำไมผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามรู้สึกร้อนตัวอย่างประหลาด

“จิ๊ๆ พี่เฟิง ผู้อาวุโสรองละเลยงานหลักเกินไปแล้ว พันธมิตรอู๋เว่ยพวกเราเริ่มทำงานหาเงินตั้งแต่เมื่อไรกัน วิถีที่พันธมิตรอู๋เว่ยพวกเราคุ้นชินคือให้คนอื่นหาเงิน แล้วพวกเราก็ไปแย่งเงินมา…ตอนนี้ผู้อาวุโสรองพันธมิตรอู๋เว่ยเริ่มหาเงินเอง นี่มันขายหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเราอย่างที่สุดจริงๆ!” เป่ยโต่วมองเยี่ยหวันหวั่นพร้อมเอ่ยด้วยคำพูดผดุงความยุติธรรม

สิ้นเสียงของเป่ยโต่ว ทุกคนรวมถึงเยี่ยหวันหวั่นก็ตะลึงงันเล็กน้อย…

“พี่เฟิง พี่ดู พวกเราเป็นโจร พี่เป็นหัวหน้าโจร ตอนนี้ผู้อาวุโสรองไม่เป็นโจรไปทำธุรกิจแล้ว ทำอสังหาริมทรัพย์ วงการบันเทิงอะไรกัน น่าขายหน้า…น่าอับอายชะมัดยาด ขายหน้ามาขายหน้าถึงต่างประเทศ พี่เฟิง พี่รีบจัดการเถอะ” เป่ยโต่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บใจที่ตีเหล็กเป็นเหล็กกล้าไม่ได้

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก เธอควรจะพูดอะไรดีล่ะ…

เวลานั้นชีซิงเหลือบมองเป่ยโต่ว “น่าจะเพราะครั้งก่อนนายขอยืมเงินผู้อาวุโสรองแต่ผู้อาวุโสรองไม่ให้ยืม นายเลยผูกใจเจ็บละสิ”

เมื่อสิ้นเสียงของเป่ยโต่ว สายตาของเยี่ยหวันหวั่น ผู้อาวุโสใหญ่ และผู้อาวุโสสามต่างพากันมองเขา

เป่ยโต่วมีสีหน้าอักอ่วนเล็กน้อย เขาถลึงตาใส่ชีซิงอย่างแรงก่อนจากนั้นจึงหัวเราะหยัน “ชีซิง นายล้อเล่นอะไร ยืมเงิน…ฉันเป็นคนอย่างนั้นเหรอ ฉันต้องขอยืมเงินผู้อาวุโสรอง? ฉันขาดเงินเนี่ยนะ

“ในพันธมิตรอู๋เว่ยมีใครไม่รู้บ้างว่าฉันใช้เงินต่างน้ำ มือเปิบจนชินแล้ว…ถ้าฉันขาดเงินละก็ ฉันจะใช้เงินอย่างมือเปิบเรอะ”

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ตรรกะนี้ของเป่ยโต่วทำให้เธอหมดคำพูดจริงๆ …

แต่ถ้าไม่ขาดเงินละก็ ทำไมเป่ยโต่วต้องเสี่ยงอันตรายถูกอัดตายทั้งเป็นเพื่อหลอกเอาเงินหนึ่งหมื่นจากเจ้าสวะหมาอี้สุ่ยหานด้วยล่ะ…

เป่ยโต่วพูดจบ ชีซิงก็พยักหน้าอย่างใจเย็นมากและมองเป่ยโต่วอย่างเรียบนิ่ง “ที่นายพูดไม่มีปัญหาอะไร เหตุผลฉันก็เข้าใจ แต่เงินที่นายยืมฉันไปเมื่อสามปีก่อน เมื่อไรจะคืนฉัน”

เป่ยโต่วพลันมีสีหน้าประดักประเดิด จากนั้นเขาก็ทำหน้าเจ็บปวดใจพลางชี้ไปที่ชีซิง “ก็ได้…เหล่าชี นึกไม่ถึงว่านายจะเป็นคนอย่างนี้…ฉันก็แค่ขอยืมเงินนายสองร้อย นายถึงกับยังจำได้…เสียทีที่ฉันเชื่อใจนายเต็มเปี่ยม ดูแลนายเหมือนลูกชาย…แต่นายก็ทำแบบนี้กับฉัน”

เยี่ยหวันหวั่นหมดคำจะพูด ดูแลเหมือนลูกชายนี่เอาจริงเหรอ…

“นายน่าจะจำผิดแล้ว นายของยืมเงินฉันสองล้าน นั่นเป็นเงินทั้งเนื้อทั้งตัวฉัน” ชีซิงเหล่มองเป่ยโต่ว

ผู้อาวุโสสามก็มองเป่ยโต่ว “เป่ยโต่ว ทำไมแกหน้าไม่อายขนาดนี้”

เป่ยโต่วเบ้ปาก “เกี่ยวอะไรกับผู้อาวุโสสามด้วย นี่เป็นความลับของพวกเราสองคนพี่น้อง…”

เป่ยโต่วเดินขึ้นหน้าคล้องคอของชีซิงและหัวเราะแหะๆ ทันที “เหล่าชี พวกเราพี่น้องจวบจนวันตาย อะไรบ้างที่ไม่เคยประสบพบเจอ…เงินสองร้อยนั่นกลับไปฉันจะคืนให้นาย”

ชีซิงเอ่ย “สองล้าน”

เป่ยโต่วตอบกลับ “ฉันรู้แล้ว…กลับไปฉันจะให้พี่เฟิงคืนนาย…”

เยี่ยหวันหวั่นงุนงง

———————————————————————————-

บทที่ 1772 ไม่รู้จัก

เยี่ยหวันหวั่นเหล่มองเป่ยโต่ว เจ้าหมอนี่หลังมาถึงประเทศจีนเหมือนจะเริ่มปล่อยเนื้อปล่อยตัวแล้ว เงินที่เขายืม ไหงต้องให้เธอคืน…

เวลานี้กลุ่มของเยี่ยหวันหวั่นกับผู้อาวุโสใหญ่เดินไปยังสำนักงานใหญ่ของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ด้านหน้า

“พวกคุณมาหาใคร”

ยังไม่รอให้พวกเยี่ยหวันหวั่นเดินเข้าไปในซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ เจ้าหน้าที่หลายคนก็เข้ามาขวางเยี่ยหวันหวั่นไว้

การเข้าออกซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์เข้มงวดมาก นักข่าวบันเทิงบางคนอยากได้ข่าวบางอย่างจากซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ หรือว่าอยากถ่ายติดดาราดังเลื่องชื่อระดับนานาชาติสักคนแทบจะเป็นไปไม่ได้

ยังไม่รอให้ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ย ที่ด้านหน้าก็มีรถหรูคันหนึ่งแล่นมาถึงอย่างรวดเร็ว

เวลานั้นพวกเจ้าหน้าที่ขึ้นไปอย่างไวว่อง ผลักพวกเยี่ยหวันหวั่นออกไปด้านข้างและต้อนรับรถหรูคันนั้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง รถหรูจอดลงที่ด้านหน้าของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ ประตูรถถูกเปิดขึ้น ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงมาจากในที่นั่งคนขับ

ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมแว่นตาหรูหราราคาไม่เบา กวาดสายตามองพวกเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ไม่ไกล

“พวกเขาเป็นใคร”

ชายหนุ่มเอ่ยถามพวกเจ้าหน้าที่

ได้ยินดังนั้น เจ้าหน้าที่หนึ่งในนั้นก็เอ่ยปาก “คุณชายฟู่…พวกเราก็ไม่รู้จักครับ ไม่รู้ว่ามาทำอะไร”

เวลานั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดมากต่อ และเดินตรงเข้าไปในตึกใหญ่ของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์

เยี่ยหวันหวั่นมองเงาหลังของชายหนุ่มอย่างมีท่าทีครุ่นคิด

ผู้ชายคนนี้เยี่ยหวันหวั่นย่อมไม่แปลกหน้า ศิลปินที่ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ให้การดูแลอย่างสำคัญที่สุด อายุยังน้อยแต่รางวัลที่ได้รับกลับนับไม่ชัดเจนแล้ว เคยไต่ขึ้นเวทีนานาชาติ จัดเป็นศิลปินมีชื่อระดับนานาชาติ

“เอ๊…ผู้ชายคนเมื่อกี้ ไม่ใช่ฟู่หมิงซีเหรอ” เป่ยโต่วมองเงาหลังของชายหนุ่มก่อนหันมาเอ่ยถามเยี่ยหวันหวั่น

เยี่ยหวันหวั่นหันมองเป่ยโต่ว “รู้เยอะจังนะ”

“พี่เฟิง นั่นแหงอยู่แล้ว…เพราะเทพธิดาของผม ผมก็สนใจวงการบันเทิงบ่อยๆ โอเคไหม…ฟู่หมิงซีดาราบันเทิงอย่างนี้ แค่ข้ามไฟร์วอลล์ เปิดเว็บไซต์ส่งๆ ก็เห็นได้แล้ว…เท่ไม่ไหว” เป่ยโต่วเอ่ยปากพูด

ศิลปินใต้สังกัดของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ นอกจากศิลปินวัยนักเรียนพวกนั้น ส่วนใหญ่ต่างล้วนเป็นศิลปินมีชื่อ และก็เดินบนเวทีนานาชาติ ไม่จำกัดแค่บางประเทศ

“สวัสดี พวกเราอยากพบกรรมการผู้จัดการโจว”

ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยปากกับหนึ่งในเจ้าหน้าที่อย่างรวดเร็ว

“ว่าไงนะ”

เจ้าหน้าที่ในที่นั้นทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขาฟังไม่ผิดใช่ไหม คนพวกนี้อยากพบกรรมการผู้จัดการโจวเหรอ!

ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ในประเทศจีนมีสามสาขาใหญ่ ซึ่งสามสาขาใหญ่นี้ก็มีผู้รับผิดชอบสามคน และผู้รับผิดชอบของสาขาหนึ่งนั้นก็คือกรรมการผู้จัดการโจว

เจ้าหน้าที่หนึ่งในนั้นจ้องผู้อาวุโสใหญ่ “ผมไม่ได้ยินว่ากรรมการผู้จัดการโจวมีนัดหมายอะไรวันนี้…พวกคุณคือใคร ไม่งั้นให้ผมช่วยพวกคุณถามกรรมการผู้จัดการโจวก่อนว่ามีเวลาไหม”

มาถึงสำนักงานของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ ระบุว่าอยากพบกรรมการผู้จัดการโจว ไม่ใช่คนโง่ก็เป็นเทพใหญ่ ถ้าเป็นคนโง่ก็ยังดี แต่หากเป็นเทพใหญ่ ถ้าล่วงเกินไป พวกเขาก็อยากจะโยนความผิด

“รบกวนแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยกับเจ้าหน้าที่พวกนั้น

เจ้าหน้าที่ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์คนหนึ่งโทรศัพท์ทันที

“วันนี้กรรมการผู้จัดการโจวไม่มีนัดหมายแล้วก็ไม่รู้จักพวกคุณด้วย”

ไม่นานนัก หลังเจ้าหน้าที่วางสายก็มองพวกเยี่ยหวันหวั่นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

ได้ยินคำพูดนี้ ผู้อาวุโสสามพลันมีสีหน้าทะมึน

ผู้อาวุโสสามก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้อาวุโสรองนั่นทำบ้าอะไรกันแน่ ไหนว่ามอบหมายดีแล้วไม่ใช่เหรอ…

…………………………………………..