ตอนที่ 1492 ตัดสินใจ Ink Stone_Fantasy
ภาพพื้นหลังกลับกลายเป็นสีขาวอีกครั้ง
มันนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นมาใหม่ว่า “ภาพเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในคลังความทรงจำ ตอนนี้ข้าปิดระบบการรับรู้ทั้งหมดไปแล้ว ไม่มีทางที่จะยังมีบันทึกหลงเหลืออยู่นอกโลกได้”
“ถูกต้อง” โรแลนด์พูดโดยไม่อ้อมค้อม ภาพที่ขาดหายไปเหล่านี้เป็นภาพความทรงจำที่เขาเห็นก่อนการฉายภาพความทรงจำจากวงแหวนดวงดาวจะจบลง — วงแหวนดวงดาวอันสุดท้ายของยิปซีลอนไม่ได้เป็นของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังมีความทรงจำมากส่วนที่มาจากมิสต์ด้วย น่าจะเป็นเพราะได้รับอิทธิพลของการปะทะกันของพลังเวทมนตร์ ความทรงจำเหล่านี้จึงแค่ผุดขึ้นมาแล้วผ่านไป แต่โรแลนด์ใช้ประโยชน์จากลักษณะพิเศษของสงครามแห่งวิญญาณในการอุดช่องว่างเหล่านี้ด้วยการเอาภาพเหตุการณ์ที่กระจัดกระจายมาต่อเข้าด้วยกันเป็นภาพที่สมบูรณ์ “แต่เจ้าลืมไปแค่ประโยคนั้นประโยคเดียวจริงๆ เหรอ?”
จุดที่เป็นลักษณะพิเศษที่สุดของสงครามแห่งวิญญาณนั้นอยู่ที่การจินตนาการ แต่การจินตนาการเพียงอย่างเดียวไม่สามารถร่างแห่งปัญญาระดับสูงขึ้นมาได้ แทนที่จะบอกว่าคำพูดประโยคนี้เป็นการถกเถียงกัน ควรจะบอกว่าเป็นการ….มากกว่า
เพราะไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ทำการสร้างหรือว่าในช่วงเวลาอันยาวนานที่ดำเนินแผนการเกตเวย์ เงาสีเทาของผู้สร้างก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นเพียงเครื่องจักรเลย หากแต่คาดหวังให้มันเป็นมากกว่านั้น
เรียกได้ว่าเป็นเพราะการทับซ้อนเหล่านั้นที่สร้าง ‘ผู้พิทักษ์’ ในตอนนี้ขึ้นมา
ขอเพียงมันยังมองเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มันก็ไม่มีทางหลอกตัวเองได้
อีกฝ่ายจ้องมองโรแลนด์อยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นจึงยกแขนขวาขึ้นมา —- ลำแสงสีแดงสว่างวาบออกมาจากฝ่ามือของมัน จากนั้นจึงเป็นเสียงแตกดังเพล้ง!
โรแลนด์ตกใจขึ้นมาทันที
ท่าทางแบบนี้มันเหมือนกับตอนที่กำลังจะหลอมโลกขึ้นมาใหม่ไม่มีผิด
หรือว่าสุดท้ายแล้วเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
โรแลนด์อดมองไปทางหน้าจอที่อยู่ด้านหลังมิสต์ไม่ได้ เขาเห็นคลื่นกระเพื่อมอันหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากบอทธ่อมเลสแลนด์ ก่อนจะกระจายออกไปรอบๆ ด้วยความเร็วสูง
…….
“แนวป้องกันที่สามถูกทำลายแล้ว สัตว์ประหลาดพวกนี้กำลังบุกเข้ามา!”
“แนวรบตรงกลางต้องการกำลังเสริมจากอัศวินอากาศ!”
“ยังถอยไม่เสร็จอีกเหรอ?”
“อดทนอีกหน่อย ให้กองรบหุ้มเกราะป้องกันทางด้านท้าย ไม่ว่ายังไงก็ต้องอุดช่องโหว่นี้เอาไว้ให้ได้!”
อาณาจักรซีสกายแห่ทะลักจากทะเลขึ้นมาบนเกาะอย่างไม่ขาดสาย ถึงแม้อัศวินอากาศจะทิ้งระเบิดเพื่อสร้างกำแพงเพลิงไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของพวกมันได้ ไม่ว่าจะเป็นอสูรมีดหรือว่ารังแม่ ในเวลานี้พวกมันเหมือนกับว่าได้ลืมความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณที่มี พร้อมกับเหยียบย่ำซากศพของพวกตัวเองแห่เข้ามาหากองทัพที่หนึ่ง
ภายในใจเฮคซอดมีความรู้สึกลำบากใจที่พูดไม่ออก
จากสถานการณ์ในตอนนี้ มันควรจะรีบถอยออกไปถึงจะถูก เพราะเรื่องที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงนั้นไม่เหมาะที่จะให้มันเข้ามายุ่งเกี่ยวเท่านั้น แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าตอนนี้หากทิ้งมนุษย์กับแม่มดเอาไว้บนเกาะมันก็เป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งเหมือนกัน ถ้าเกิดอันนาทำสำเร็จขึ้นมา มันก็จะกลายเป็นคนที่ผิดข้อตกลง ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร
รู้แบบนี้ไม่รับปากช่วยเจ้ามนุษย์พวกนี้ซะก็ดี!
แม้กองกำลังหลักจะทำการถอนกำลังออกมาแล้ว แต่ศัตรูยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด ในตอนนี้การโจมตีของกองทัพที่หนึ่งไม่สามารถรักษาแนวป้องกันทั้งหมดเอาไว้ได้ เฮคซอดมองเห็นอสูรมีดที่ฝ่าแนวป้องกันเข้ามาอยู่ห่างจากมันไม่ถึง 500 เมตร นี่หมายความว่าอีกไม่นานเท่าไร ศัตรูก็จะกลืนกินพื้นที่แห่งนี้แล้ว
มันตัดสินใจแล้ว ทันทีที่อาณาจักรซีสกายบุกเข้ามาในระยะ 100 เมตร ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร มันก็จะออกไปจากที่นี่
ในเวลานี้เอง รถถังสองคันทางปีกขวาถูกรังแม่พ่นน้ำกรดใส่จนหมดความสามารถในการรบไปทันที อสูรมีดที่มองเห็นช่องว่างรีบพุ่งเข้ามาทันที ถึงแม้แม่มดอาญาสิทธิ์จะเข้ามาเสริมช่องว่างตรงนี้ในทันที แต่อสูรมีดยังคงฝ่าเข้ามาถึงระยะ 200 เมตรได้!
พวกมันกางปีกแล้วบินถลาเข้ามา ในที่สุดก็ฝ่าแนวป้องกันเข้ามาถึงพื้นที่ใจกลางได้
ควรจะไปแล้ว!
ในขณะที่เฮคซอดกำลังเตรียมหมุนตัวจากไป เงาสีน้ำตาลเหลืองเงาหนึ่งได้วิ่งตัดเข้ามาในในทัศนวิสัยของมัน
นั่นคือหมาป่าทะเลทรายขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง
มันจำได้ว่าอีกฝ่ายเหมือนจะชื่อโลก้าอะไรนี่แหละ
อสูรมีดตัวหนึ่งถูกกดลงไปกับพื้น ก่อนจะจบชีวิตลงด้วยปากขนาดใหญ่ของหมาป่าทะเลทราย
ส่วนอสูรมีดอีกตั้งหนึ่งยกกรงเล็บขนาดใหญ่ที่เหมือนเคียวขึ้นมา ก่อนจะฟันลงมาที่เฮคซอด!
แต่ทันใดนั้นแม่มดกลับทำในสิ่งที่สกายลอร์ดคาดคิดไม่ถึง
เธอพุ่งเข้ามาโดยไม่สนใจอะไร ก่อนจะใช้ร่างกายของตัวเองขวางไปบนเส้นทางการโจมตีของศัตรู กรงเล็บอันแหลมคมตัดขาหน้าข้างหนึ่งของเธอออก ก่อนจะแทงเข้าไปในท้องของเธอ เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาทันที แต่เธอกลับกัดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย
จากนั้นเมซี่ก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า แล้วฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม! อดทนไว้นะ!” สาวน้อยที่แปลงร่างเป็นคนรีบหยิบเอาผ้าพันแผลยัดเข้าไปในปากแผลของโลก้าโดยไม่สนใจเลือดที่กระเด็นมาเปื้อนตัว
โลก้ากระดิกหู ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยๆ “วางใจได้ ไม่ตายง่ายๆ หรอก…”
เมื่อมองดูภาพเหตุการณ์นี้ เท้าที่หมุนไปแล้วครึ่งหนึ่งของเฮคซอดพลันกลับมาที่เดิม
มันเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม
ความคิดที่จะถอยออกไปก่อนที่มีอยู่ก่อนหน้านี้เหมือนจะมีอารมณ์อะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นมา
อีก 5 นาที…มันคิดในใจ อย่างมากรออีก 5 นาที
ทันใดนั้นเอง คลื่นพลังเวทมนตร์ที่รุนแรงได้ทะลักออกมาจากหลุมลึก ก่อนจะกวาดผ่านตัวสกายลอร์ดไปเหมือนกับลมพายุ คลื่นกระเพื่อมนี้รุนแรงจนกระทั่งเหล่าแม่มดก็ยังสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ พวกเธอตกตะลึงไปกับที่ทันที โดยไม่มีรู้ว่านั่นคือเสียงคำรามที่เปล่งออกมาจากโลกแห่งจิตสำนึก
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เฮคซอดมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
แต่ภาพที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ทำให้มันต้องตกตะลึง
อสูรมีดกับรังแม่พากันล้มระเนระนาดไปกับพื้น เหมือนกับจู่ๆ ก็สูญเสียวิญญาณไปอย่างไรอย่างนั้น หลังคลื่นกระเพื่อมกระตายตัวออกไป สัตว์ประหลาดของอาณาจักรซีสกายที่ล้มลงไปกับพื้นก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นกองทัพที่หนึ่งเองก็ตกตะลึง
ศัตรูที่ก่อนหน้านี้ยังพากันฝ่ากระสุนปืนแห่เข้ามาพากันหยุดนิ่งลง ปีศาจทะเลเหล่านั้นยังไม่ แต่เดิมพวกมันก็ไม่ใช่กำลังหลักในการบุกโจมตีเข้ามาอยู่แล้ว ในตอนที่รังแม่พากันทยอยล้มลงไป ปีศาจทะเลก็พากันถอยกลับเหมือนกับสายน้ำ
สนามรบที่เดิมกำลังเดือดพล่านพลันเงียบสงบลง
ทหารที่กล้าบางคนที่กล้าหน่อยกระโดดออกมาจากหลุมเพลาะ ก่อนจะใช้ปากปืนกระทุ้งไปที่ศัตรูที่นอนฟุบอยู่บนพื้น แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เหมือนกับตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
หลังแรงกดดันอันมหาศาลหายไป ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง สิ่งแรกที่พวกเขาทำไม่ใช่การเฉลิมฉลองในชัยชนะ หากแต่เอาปืนยันไปบนพื้นแล้วค่อยๆ นั่งลงไปกับพื้น พร้อมกับเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าแล้วถอนใจออกมา
“เอ๋?” เมซี่มองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันจิ๊บ?”
ส่วนเฮคซอดนั้นมองไปยังบอทธ่อมเลสแลนด์
ภายในใจมันมีความคิดอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา แต่มันก็ไม่กล้ายืนยันว่าการคาดเดาของตัวเองถูกหรือไม่
สงครามแห่งโชคชะตา…บางทีอาจจะจบสิ้นลงจริงๆ แล้ว
แถมยังไม่มีวันจะเกิดขึ้นอีกตลอดกาลด้วย
……
“เจ้าเดาถูกต้อง ข้าเป็นคนสร้างอาณาจักรซีสกายขึ้นมาเอง” ผู้พิทักษ์วางมือลงพร้อมกับพูดออกมา “ตอนแรกพวกมันเป็นแค่เครื่องมือที่เข้ามาช่วยในการคัดเลือกสิ่งมีชีวิต โดยเอามาใช้เปรียบเทียบกับ ‘กลุ่มที่วิวัฒนาการขึ้นมาตามธรรมชาติ’ ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มความกดดันในการใช้ชีวิตให้กับเผ่าพันธุ์ต่างๆ ได้ ในช่วงหมื่นปีแรก การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดยังเป็นแบบดั้งเดิมอยู่ แผนการเองก็ยังถือว่าราบรื่นอยู่ แต่หลังจากนั้นเผ่าพันธุ์ต่างๆ เริ่มใช้พลังเวทมนตร์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่ข้าพบว่าพวกมันสามารถสร้างปัญหาให้กับเปลได้ ข้าก็เลยเพิ่มความสามารถให้กับพวกมันเพิ่มขึ้น”
“ข้าเองก็เคยหวังว่าถ้าอาณาจักรซีสกายสามารถวิวัฒนาการไปจนถึงระดับที่สามารถปรับตัวอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีพลังเวทมนตร์เข้มข้นสูงได้ ปัญหาทั้งสองข้อที่เจ้าพูดมาก็น่าจะคลี่คลายได้” เมื่อพูดถึงตรงนี้มันจึงถอนใจออกมา “เสียดายที่พลังเวทมนตร์ส่งผลกระทบต่อจิตสำนึกเป็นสองทาง อาณาจักรซีสกายที่ถูกควบคุมตอนนี้สามารถใช้พลังเวทมนตร์ได้จำกัดอย่างมาก ส่วนใหญ่พวกมันพึ่งพายีนคุณภาพสูงกับเทคโนโลยีทางชีวภาพมาก กลับกลายเป็นในบรรดาเผ่าพันธุ์ที่ถูกกำจัดทิ้งไปเหล่านั้นที่สุดท้ายอาจจะอารยธรรมที่สามารถวิวัฒนาการจนทำลายผ่านพลังออกไปได้
โรแลนด์สังเกตเห็นว่าเสียงของมันไม่ได้ฟังดูสุขุมเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว หากแต่มีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
“บางทีมันอาจจะเป็นเหมือนอย่างที่เจ้าพูดมา สงครามแห่งโชคชะตาที่สร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องเปลอาจจะไม่สามารถทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบเหมือนอย่างที่คิดได้” ถึงแม้น้ำเสียงของผู้พิทักษ์จะฟังดูท้อใจเล็กน้อย แต่มันกลับเหมือนเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง “แผนการนี้มันไม่มีผลลัพธ์มาตั้งแต่ต้นแล้ว”
…………………………………………………………………………