บทที่ 159 ช่องว่าง
เลือดสด ๆ ย้อมให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงฉาน
เลือดเหล่านั้นคือเลือดของเผ่าปักษาที่สาดไปทั่วทุกแห่ง
แม้ว่าเซินหลานจือเหยียนจะรู้สึกว่าเลือดเหล่านี้มีปริมาณน้อยไปเสียหน่อย ทว่าเผ่าปักษาผู้มีอัตราการเกิดใหม่ที่ไม่มากนักก็รู้สึกเจ็บปวดด้วยการสูญเสียครั้งนี้อยู่ดี ความรู้สึกนี้ยังประกอบกับทรัพยากรจำนวนมากที่พวกเขาได้ทุ่มเทให้กับการป้องกันเมืองอีกด้วย
การสู้รบที่โกลาหลกำลังทำให้ทั้งสองฝ่ายหมดความอดทน เมื่อเวลาผ่านไปการถ่วงเวลาก็กลับกลายเป็นความทรมาน ท้ายที่สุดในวันที่ 3 คางคกพันพิษอ่อนแอลงมากและยังร้อนรนขึ้นมากอีกด้วย มันดูเกรี้ยวกราดแต่มันกำลังอ่อนแอลงมากขึ้นและมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงกระแทกร่างมหึมาของมันเข้ากับกำแพงที่มั่นคงของเมืองล่องนภาและปลดปล่อยควันพิษออกไปทั่วทุกทิศทาง
โชคไม่ดีนักที่เผ่าปักษาเคยชินกับกลยุทธ์นี้เสียแล้ว และความสามารถของพวกเขาในการเดินหน้าหรือถอยทัพก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าคางคกพันพิษจะทำสิ่งใด เผ่าปักษาก็เตรียมพร้อมไว้แล้วทั้งสิ้น พวกเขาจึงสูญเสียกำลังพลน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นี่จะต้องเป็นสงครามที่สูญเสียน้อยที่สุดที่เผ่าอัจฉริยะเคยสู้รบกับเทพอสูรมาอย่างแน่นอน
แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของข้า พ่ามั่วคิด
พ่ามั่วยกหมวกสักหลาดบนศีรษะของเขาขึ้นและเดินหน้าต่อไปกับคนอื่น ๆ ในกลุ่ม
หัวหน้าเผ่าปักษาข้างหน้าคำรามอย่างหมดความอดทน “เร็วเข้า พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว พวกเราต้องส่งสิ่งของเหล่านี้ไปยังแนวหน้า !”
ต่อจากคำสั่งนี้ กลุ่มเผ่าปักษาผู้ขี่แรดเกราะเหล็กรีบรุดตรงไปยังกำแพงปราการ
เมื่อฝ่ายขนส่งมาถึงยังฐานกำแพงของเมืองล่องนภา หนึ่งในเจ้าหน้าที่เผ่าปักษาหยุดพวกเขาลงในเส้นทาง “โปรดระบุตัวตนของท่าน”
ผู้เป็นหัวหน้ายื่นเครื่องยืนยันตัวตนของเขาให้
“แสงสว่างลึกลับจากร้านธุลีลวงตา รับผิดชอบในการสร้างสลักทำลายล้าง ทั้งหมดนี่คือสลักทำลายล้างหรือ ?” เจ้าหน้าที่ตรวจสอบถาม
“ไม่ทั้งหมด” เผ่าปักษาตอบ “บางส่วนเป็นส่วนประกอบสำหรับปืนใหญ่ทลายสุริยันที่พึ่งจะถูกสั่งมาไม่นาน เจ้าก็รู้ว่ามีโจรบางคนทำลายร้านพิรุณสีเลือดไปเมื่อวาน หน้าที่ของพวกเขาจึงถูกโยกย้ายมาให้พวกเรา พวกเราพึ่งจะสามารถประกอบชิ้นส่วนเหล่านี้ได้หลังจากที่ใช้เวลาทั้งคืน เจ้าจำเป็นต้องตรวจสอบพวกมันด้วยหรือ ?”
“แน่นอน” เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบตามหน้าที่ขณะที่เขาเริ่มเปิดที่เก็บของที่ถูกแบกมาโดยอสูรเกราะเหล็ก
“ระวังด้วย กล่องเหล่านี้บรรจุส่วนประกอบสำหรับปืนใหญ่ทลายสุริยันและอาจระเบิดได้ เจ้าเปิดมันทั้งอย่างนั้นไม่ได้หรอก”
“ระเบิดได้งั้นหรือ ?”
“ใช่ ระเบิดได้ มันไม่แปลกหรอกใช่ไหม ? มันคือความจำเป็นทางทหารนะ”
ใช่แล้ว มันคือความจำเป็นทางทหาร
มีอะไรแปลกเกี่ยวกับความจำเป็นทางทหารที่อันตรายหรือ ?
เขาพยักหน้า หลังจากที่ตรวจสอบเอกสารอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็คืนพวกมันให้กับหัวหน้าเผ่าปักษา
สมาชิกฝ่ายขนส่งเดินเรียงแถวผ่านด่านตรวจไปยังกำแพง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่อยู่ใกล้เคียงจับตาดูพวกเขาอย่างใกล้ชิดโดยไม่ปล่อยให้มีอะไรลับลมคมในแม้แต่น้อย และแม้ว่าจะอยู่ไกลเกินกว่าจะสามารถมองการปลอมตัวของใครออกได้ พวกเขาก็ยังคงแสดงความผิดชอบตามหน้าที่
หนึ่งในทหารที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ หัวเราะ “หัวหน้า ท่านไม่ระแวดระวังไปหน่อยหรือ ?”
เจ้าหน้าที่คนนั้นหน้าบูดบึ้ง “อย่าลืมว่ามีไอ้สารเลวคนหนึ่งที่สร้างปัญหาให้กับพวกเราเมื่อคืนนี้”
ทหารคนนั้นยิ้มออกมา “ท่านคือผู้ที่บอกว่าเขาอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าพวกเรามีกองทหารอยู่ที่นี่หรือ ?”
“ใครจะรู้ล่ะ ? พวกเรามีศัตรูห้อมล้อมอยู่มากมายในตอนนี้ ไม่แปลกหรอกหากพวกเขาจะร่วมแรงกันต่อต้านเรา” หัวหน้าผู้นั้นกล่าวด้วยความหวาดระแวง
เขาคงจะเป็นเจ้าหน้าที่คนเดียวที่กังวลกับอะไรเช่นนี้ แต่โชคไม่ดีที่เป็นไปไม่ได้เลยที่ความคิดนี้จะไปถึงยังหยงเยี่ยหลิวกวง และแม้ว่ามันจะไปถึง ก็มีแนวโน้มสูงว่าจะไม่ได้อะไรขึ้นมา มันแค่มีความเป็นไปได้อยู่มากเกินไปและหยงเยี่ยหลิวกวงก็ไม่อาจพยายามอุดรูรั่วทั้งหมดได้ เขาเพียงแค่ไม่มีกำลังคนที่มากพอ
เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่รู้เลยว่าเขาได้บังเอิญพบความจริงของเรื่องนี้เข้าให้แล้ว !
ไกลออกไป ซินหลานจือเหยียนยังคงรอข่าวสารอยู่อย่างใจเย็น
นกสีทองได้กลายร่างเป็นเผ่าปักษาหนุ่มรูปหล่อแล้ว ปีกบนหลังของมันเป็นสีทองทำให้มันมีรูปลักษณ์ที่สง่างาม แต่ท่าทางที่มันนั่งฉีกแข้งขาออกนั้นช่างไร้อารยธรรมสิ้นดี มันกล่าวอย่างเกียจคร้าน “มนุษย์คนนั้นเชื่อถือได้หรือ ? ข้ารู้สึกว่าคำตอบของเขาไม่… เผ่าอัจฉริยะไม่มีทางเชื่อถือได้”
“พวกเรารู้ได้แค่ว่าเราจะสำเร็จหรือไม่หลังจากที่ลองแล้ว” เซินหลานจือเหยียนตอบ “หากนี่ล้มเหลว สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีเพียงแค่พวกเราจะแพ้ให้แก่พ่ามั่วและคนอื่น ๆ”
“ข้าจะคิดถึงมัน” เจ้านกสีทองกล่าวอย่างกังวลใจเมื่อมันได้ยินชื่อของพ่ามั่ว “ในลูกของเจ้าทั้งหมด เขาคือคนเดียวที่ข้าสามารถจัดการได้อย่างสงบสุขและสะดวกสบาย”
เซินหลานจือเหยียนลำบากยากเย็นกับการรับฟังคำพูดอุกอาจของนกสีทอง “หุบปากซะจินเยี่ยน อย่าคิดว่าแค่เพราะเจ้าเป็นลูกของเขาแล้วข้าจะยอมเจ้าไปเสียทุกอย่าง !”
“นี่ ข้าก็แค่พูดเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องโกรธเคืองนักหรอก” จินเยี่ยนกล่าวขณะที่เขากระพือปีกไปมา “ข้าแค่กำลังตื่นเต้นที่จะได้ชมดอกไม้ไฟ พวกมันจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่นะ ?”
“เร็ว ๆ นี้… ใกล้ถึงเวลาที่ตกลงกันไว้แล้ว” เซินหลานจือเหยียนตอบ
กลุ่มผู้ขนส่งผ่านประตูเมืองไป แล้วจึงผ่านกำแพงอีกชั้นก่อนจะไปถึงยังประตูทางใต้สุดที่เข้าไปยังเมืองล่องนภาในที่สุด
เผ่าปักษาบางคนตั้งประจำอยู่ที่นั่นเพื่อรับของต่าง ๆ
มันเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะมองเห็นร่างมหึมาของคางคกพันพิษไกลออกไป แต่คางคกพันพิษก็กำลังยากลำบากกับการเข้าใกล้ตัวเมืองเนื่องจากฝูงตั๊กแตนมากมายที่ขวางทางอยู่อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแล้วมันจึงทำได้เพียงคายเมฆพิษหน้าแน่นออกมาเป็นครั้งคราว
หมอกพิษส่งเสียงดังฉ่าเมื่อใดก็ตามที่มันเข้าไปสัมผัสเกราะป้องกันของเมือง หากไม่ใช่เพราะพลังงานต้นกำเนิดที่ไม่สิ้นสุดแล้ว หมอกพิษนี้ก็คงจะสังหารเผ่าปักษาไปนับพันหรือหมื่นตนไปแล้ว
เทพอสูรตัวนี้ซึ่งควรจะสามารถปลดปล่อยความหายนะปริมาณมหาศาลออกมาได้นั้นกลับไม่ทรงพลังมากพอที่จะตีฝ่าการป้องกันที่มั่นคงของเมืองล่องนภาไปได้ ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่อสูรตัวนั้นจะสำแดงพลังที่แท้จริงของมันออกมา นี่ทำให้มันโกรธเกรี้ยวอย่างไม่สิ้นสุดและคำรามลั่นด้วยความแค้นเคือง
“เจ้ากำลังไม่สบายใจหรือ ? ไม่ต้องห่วง ช่วงเวลาที่เจ้ารอคอยกำลังจะมาถึงแล้ว” พ่ามั่วพึมพำกับตัวเอง
“นี่ เจ้า อย่ายืนนิ่งสิ ออกไปได้แล้ว” หนึ่งในเผ่าปักษาเดินเข้ามาผลักพ่ามั่วออกไปจากทาง
แต่การผลักนี้ไม่เป็นผลแต่อย่างใด ทำให้ทหารคนนั้นประหลาดใจ พ่ามั่วยื่นมือออกไป ยกเขาขึ้น และกระแทกลงบนพื้นในทันใด พลังงานหลั่งไหลไปยังฝ่ามือเปลือยเปล่าของเขา ทำให้เขาสามารถฉีกเผ่าปักษาคนนั้นออกเป็น 2 ส่วนได้ในทันที
ทหารเผ่าปักษาคนอื่น ๆ ตกตะลึงอย่างหนักเมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์นั้นและต่างก็พุ่งตรงออกไปยังภัยคุกคามครั้งใหม่
พ่ามั่วผู้มีท่าทางอ่อนแอและร่างกายผอมแห้งเริ่มสูงขึ้นและกำยำขึ้น ศีรษะหมาป่าขนาดมหึมาเข้ามาแทนที่ศีรษะของเผ่าปักษา
มันแหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงคำราม “จงตื่นเถิด นักรบหมาป่าวายุผู้แข็งแกร่งทั้งหลาย !”
ขณะที่มันส่งเสียงดังลั่น แรดเกราะเหล็กที่แบกเสบียงของใช้ต่าง ๆ มาก็เริ่มคำรามเช่นกัน ร่างกายของพวกมันเริ่มเรืองแสงสีแดง ทันใดนั้น พวกมันก็หลุดออกจากเครื่องมือที่ควบคุมไว้และพุ่งตรงไปยังเหล่าทหาร
“ไม่ดีแล้ว ! มันคืออสูร ! อสูรกำลังจู่โจม !” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตะโกนขึ้น
วินาทีต่อมา เขาก็ร่วงลงบนพื้น
เสียงของอสูรดุร้ายที่คำรามออกมาปกคลุมไปทั่ว ทำให้เผ่าปักษาตกตะลึงและหันไปมอง
และด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน เผ่าปักษานับไม่ถ้วนก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ แสงขนนกสีเงินส่องไปทั่วทั้งท้องฟ้าขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังเมืองล่องนภาด้วยความเร็วสูงสุด
ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้กับเผ่าอัจฉริยะในเรื่องของการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะว่องไวเพียงไรก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะว่องไวไปกว่าพ่ามั่ว
พ่ามั่วผู้ได้กลับคืนสู่ร่างดั้งเดิมเป็นหมาป่ายักษ์สูงราว 3 จั้ง เขายืนอยู่บนขาหลังทั้งสองและจ้องเขม็งไปยังเผ่าปักษาที่กำลังจะมาถึงขณะที่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ส่งพวกนั้นมาทางข้าอีกสิ !”
แล้วเขาก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมและเห่าหอน “เพื่อเผ่าพันธุ์อันรุ่งเรือง !”
เมื่อเขาส่งเสียงหอนขึ้น แรงระเบิดที่เกิดขึ้นก็เน้นย้ำคำแถลงกร้าวของเขา
การระเบิดนั้นมาจากด้านหลังของหนึ่งในฝูงแรดเกราะเหล็ก
คลื่นพลังงานที่ทรงพลังดูเหมือนจะเทียบเคียงได้กับพลังที่ปล่อยออกมาโดยวิชาอาร์คาน่าระดับ 10 ทีเดียว
แต่อย่างไรนี่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ตามหลังการระเบิดครั้งแรก แรดเกราะเหล็กตัวอื่น ๆ ก็เริ่มระเบิดออกเช่นกัน
ณ จุดนี้พวกมันได้กระจายตัวไปทั่วทั้งพื้นที่ส่วนนี้ของเมืองแล้ว พวกมันได้พุ่งตรงไปไม่ใช่เพื่อสังหารแต่เพียงเพื่อส่งสัมภาระบนหลังของพวกมันไปยังตำแหน่งต่าง ๆ ที่กำหนดไว้
การระเบิดต่อเนื่องมากมายเริ่มทำให้ทั้งเมืองสั่นสะเทือน
แรดเกราะเหล็กรวมทั้งหมด 24 ตัวระเบิดออกด้วยแรงของวิชาอาร์คาน่าระดับ 10 อย่างพร้อมเพรียงกัน กระทั่งกำแพงหุ้มเหล็กของเมืองล่องนภาก็สามารถทนทานต่อการระเบิดนี้ได้อย่างยากเย็น ซ้ำการที่มันระเบิดมาจากด้านในก็ได้ส่งผลรุนแรงยิ่ง !
การระเบิดที่ป่าเถื่อนทำให้เมืองล่องนภาปั่นป่วน หมอกควันสีดำทะมึนหนาแน่นเริ่มลอยขึ้นสูงในอากาศจากทางทิศใต้ของเมือง กระทั่งคนไร้สมองก็ยังรู้ว่ากำลังเกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้น
ในขณะเดียวกัน คางคกพันพิษก็ค้นพบว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น มันร้องคำรามพร้อมกับกระโดดไปในทิศทางนั้น
ร่างมหึมาของมันลอยเหนือตัวเมืองราวกับเมฆสีทึบก่อนจะกลับลงสู่พื้นดินและส่งคลื่นสั่นสะเทือนไปทั่วทุกทิศทาง
ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าหลุมขนาดมหึมานั้นได้ส่งแรงระเบิดไปยังด้านข้างของเมืองล่องนภา
การป้องกันของเมืองล่องนภาถูกควบคุมตามแต่ละพื้นที่ แต่ในตอนนี้เมื่อภูมิภาคนี้ถูกทำลายลงแล้ว มันจึงไร้ซึ่งการป้องกันโดยสิ้นเชิง
กระทั่งด้วยมันสมองของคางคกพันพิษที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน มันก็ยังสามารถสัมผัสได้ว่านี่คือโอกาสทอง
มันเห่าหอนและเปิดปากกว้างเพื่อคายหมอกพิษหนาแน่นออกมา ในขณะเดียวกันมันก็กระแทกร่างและลิ้นของมันเข้ากับรูนั้นอย่างรุนแรงเพื่อพยายามขยายมันออก
“สำเร็จ !” ภายนอกเมืองล่องนภา จินเยี่ยนกระพือปีกของมันด้วยความตื่นเต้น “พ่ามั่วสามารถระเบิดกำแพงเมืองออกได้ ! มนุษย์คนนั้นไม่ได้โกหก ! ภาพลวงตาของเขาสามารถหลอกล่อเผ่าปักษาเหล่านั้นได้ และเขากระทั่งปลดปล่อยแรดเกราะเหล็กเป็นอิสระได้อีกด้วย เขาทำตามสัญญาแล้ว !”
“พวกเราต่างหากที่เป็นผู้ทำตามสัญญา” เซินหลานจือเหยียนตอบ “เขาเพียงแค่ช่วยเรานิดหน่อยเท่านั้น”
“งั้นนี่ก็เป็นพันธมิตรที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ตาม” จินเยี่ยนหัวเราะเสียงดังลั่น “ดูเหมือนจะถึงเวลาแล้วที่อสูรอย่างเราจะออกเคลื่อนไหวเช่นกัน”
“ใช่แล้ว” เซินหลานจือเหยียนหัวเราะ “คางคกพันพิษได้ต่อสู้อย่างเดียวดายมานานมากแล้ว ถือเวลาแล้วที่พวกเราต้องเข้าร่วมสงครามนี้”
เขาหันไปและแผดเสียงลั่น “เด็ก ๆ ของข้า มุ่งตรงไปยังสงคราม ! ถึงเวลาทวงคืนแผ่นดินนี้ให้แก่เผ่าอสูรผู้ยิ่งใหญ่ !!!”
“โฮก !!!”
ขณะที่เขาร้องคำราม กองทัพอสูรขนาดใหญ่ก็เคลื่อนไปข้าง
หน้า ต่างพากันหลั่งไหลและปกคลุมท้องฟ้าไปด้วยเสียงเห่าหอนมากมายนับไม่ถ้วน
ฝูงแร้งสีเลือดเกราะเหล็ก อินทรีย์เลือดทมิฬ เหยี่ยวตาทอง และกระเรียนเพลิงพุ่งตรงออกไปในอากาศ
อสูรที่ดึงดูดสายตามากที่สุดยังคงเป็นฝูงหมาป่าที่คอยสังเกตการณ์อยู่ด้านหน้า
พลังงานลมพัดอยู่รอบตัวขณะที่พวกมันก้าวเดินบนก้อนเมฆโดยไร้ซึ่งปีก รูปลักษณ์ของพวกมันช่างน่าเกรงขามและสื่อถึงลางร้ายได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ฝูงหมาป่าวายุ !
ฝูงของเซินหลานจือเหยียน
“วันนี้คือวันที่เมืองล่องนภาจะล่มสลาย !” เซินหลานจือเหยียนคำรามลั่น
ปัง !
ราวกับเพื่อตอบคำกล่าวของเขา หนึ่งใน 99 มุกยิงตะวันที่เสริมกำลังเกราะป้องกันอยู่บนฟ้าพลันเริ่มเรืองแสงสว่างจ้าก่อนจะมืดลงในทันใด !!