ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 664 ขอข้าใช้ปากได้หรือไม่?

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ฉีเหว่ยสบตากับคังฮูหยิน สีหน้าเคร่งขรึมยิ่ง

คังฮูหยินครุ่นคิดครู่หนึ่ง โพล่งขึ้นว่า “คนหนุ่มที่ชื่อเยี่ยนจ้าวเกอผู้นั้นไม่ธรรมดาอยู่บ้าง เขาจะมองเรื่องที่เราวางค่ายกลบูชาฟ้าออกหรือไม่?”

“หือ?” ฉีเหว่ยได้ยิน สายตาเย็นชากว่าเดิม

“เด็กน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดา” คังฮูหยินพูดอย่างใจเย็น “ตามคำพูดของจิ่นหยวน เขาสนใจในเรื่องตามหาเยว่เป่าฉีของพวกเรามาก เหมือนจะรู้เรื่องบางอย่าง”

ฉีเหว่ยพูดอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ยิ่งเก็บเขาไว้ไม่ได้ เรื่องค่ายกลบูชาฟ้า คนยิ่งรู้น้อยเท่าไรยิ่งดี”

คังฮูหยินเอ่ย “ข้าได้รายงานอาจารย์อาทั้งสองท่านแล้ว พวกเขาต่างบอกว่า ทุกสิ่งให้ถือค่ายกลบูชาฟ้าเป็นหลัก”

“เยว่เป่าฉีนั่น เป็นไปได้ว่าจะดึงบุคคลที่ยิ่งใหญ่มาอีกคน ถือเป็นสิ่งที่ได้มานอกเหนือจากที่คาดไว้ หากจัดการได้เลยย่อมดีที่สุด แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนจบการแก้ไขปริศนาที่มารดาแห่งแผ่นดินทิ้งไว้ถือเป็นสำคัญที่สุด”

ขณะพูด นางถอนใจคำหนึ่ง “เดิมทีอยากให้ศิษย์น้องเลี่ยวนำเครื่องหอมบรรจุฟ้าไปให้ทางพวกท่านโดยเร็วที่สุด ไม่คิดเลยว่า…”

ฉีเหว่ยพูด “เอาเป็นว่า รีบหาเด็กน้อยแซ่เยี่ยนนั่นให้เจอเถอะ”

ในทะเลลึก เยี่ยนจ้าวเกอนั่งตัวตรงอยู่ในวังฝูงมังกร

เหนือศีรษะของเขามีรูปญาณวรยุทธ์ที่เกิดจากการจับตัวกันของจิตวรยุทธ์

รูปญาณวรยุทธ์ของเยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

จากความโกลาหลไร้ขีดจำกัดในตอนแรก จนถึงเทพร่างยักษ์ที่มีฝ่ามือคลุมฟ้าดินในภายหลัง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นคนยักษ์ที่เหยียบบนตัวมังกร มีปราณพิสุทธิ์วนเวียนอยู่ทั่วร่าง

ถึงตอนสุดท้าย กลับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง น่าสะพรึงเหลือประมาณ

กระบี่ยาวกลายเป็นความโกลาหลไร้ขีดจำกัดอีกครั้ง หายเข้าไปในศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอลืมตาขึ้น ดวงตาที่กระจ่างใสปั่นป่วนทั่วบริเวณ

เขาจิตใจสั่นไหวเล็กน้อย ครั้นหันไปมอง เห็นเฟิงอวิ๋นเซิงเดินออกมาจากส่วนลึกของตัววัง

“สำเร็จเป็นมหาปรมาจารย์แล้ว?” เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้จะทำลายสถิติในแปดพิภพของบิดาข้าไม่ได้ แต่ก็เร็วมาก ไม่ช้าไปกว่าข้าเลย”

เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ย “ไม่อาจเทียบกับท่านและอาจารย์อาเจ้าสำนักได้ พื้นฐานไม่ได้แข็งแกร่งเช่นพวกท่าน เพียงได้ประโยชน์จากการอาศัยปราณมังกรในวังฝูงมังกรกับพิธีกรรมอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือก”

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “พูดถึงพิธีกรรมอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือก ข้ารู้สึกว่าความจริงเจ้าควรจะดันพลังแห่งจันทร์ดำออกมาด้านนอกร่างกาย แค่รักษาอาทิตย์ยะเยือกไว้น่าจะดีกว่า”

ในตอนนั้นเฟิงอวิ๋นเซิงเพียงคนเดียวดูดซับพลังของจันทร์ยะเยือกเกือบแปดส่วน เนื่องจากดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก

หรือจะบอกว่าดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกดูดพลังอาทิตย์ยะเยือกเกือบแปดส่วน เฟิงอวิ๋นเซิงเชื่อมโยงชีวิตกับดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก เท่ากับเป็นร่างเดียวกัน

นางไม่ได้ดูดซับพลังแห่งจันทร์ดำเท่าไรนัก ถึงอย่างไรนางในตอนนี้ก็ยังมีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ

“ข้ามีความคิดเช่นนี้อยู่พอดี” เฟิงอวิ๋นเซิงพูด “การเข้าฌานฝึกฝนในครั้งนี้มีความรู้สึกอยู่เลือนรางแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “มอบให้ข้าแล้วกัน ข้าจะได้ใช้ลับกระบวนท่าที่เพิ่งฝึก”

เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า นั่งขัดสมาธิลงทันที

ดวงตาของนางเปลี่ยนไป เปล่งแสงสีฟ้าอ่อน เหมือนกลับกลายเป็นอาทิตย์ยะเยือกสองดวง

ด้านในแสงสีฟ้าอ่อนเปล่งแสงสีดำ ร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงสั่นไหว อ้าปากขึ้น แสงสีดำหลายสายพรั่งพรูออกมา จากนั้นก็จับตัวกันเป็นจันทร์ดำสีดำสนิทดวงหนึ่งด้านหน้านาง

แสงจันทร์เหมือนกับกำลังลุกไหม้ ทำให้คนเกิดความรู้สึกแสบร้อน แต่กลับเงียบเหงาวังเวง

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นพลังของจันทร์ดำลอยออกมาจากปากของนาง พยักหน้าเล็กน้อย

นี่อธิบายได้ว่าเฟิงอวิ๋นเซิงวางแผนมาตั้งแต่ต้น ตัดสินพลังฝึกปรือของตนอย่างแม่นยำ ไม่ได้หลอมเปลี่ยนพลังแห่งจันทร์ดำอย่างล้ำลึก แต่แยกเก็บไว้ ครั้งนี้จับตัวกันกลายเป็นไข่มุกขับออกนอกร่างกาย

ชายหนุ่มสั่งความคิด ญาณจริงแท้ของตัวเองกลายเป็นปราณพิสุทธิ์หลายสายแล้วลอยออกมา ม้วนไข่มุกที่อยู่ในลักษณะดวงจันทร์เต็มดวงลูกหนึ่งไว้

ไข่มุกถูกนำไปอยู่เหนือศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ ที่จุดกลางกระหม่อมของเขาปล่อยสีสันออกมา ภายใต้การขับเน้นโดยแสงสว่าง ไข่มุกสีดำเม็ดนั้นลอยลงอย่างช้าๆ กำลังจะถูกชายหนุ่มดูดไว้ในร่าง

มาถึงตอนสุดท้าย ลูกตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันหมุนติ้ว ไข่มุกสีดำหยุดสภาวะลอยลง

เฟิงอวิ๋นเซิงงงงัน “มีอันใดไม่ถูกหรือ?”

“ไม่มีสิ่งใดไม่ถูก” เยี่ยนจ้าวเกอมองนางอย่างเจ้าเล่ห์ “เพียงแต่เจ้าถือสาหรือไม่ที่ข้าจะใช้ปากกลืนมัน?”

หญิงสาวหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ในอดีตไม่ค่อยได้เห็นเยี่ยนจ้าวเกอเป็นเช่นนี้บ่อยนัก

นางไม่เขินอายและไม่ขุ่นเคือง ค้อนใส่เยี่ยนจ้าวเกอ “เกียรติของหญิงสาว ต้องให้ข้าไปป้อนให้ท่านหรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่ทันพูด อาหู่พลันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เบิกตาโตอย่างตื่นเต้น พยักหน้าไม่หยุด “ต้องการๆ!”

พ่านพ่านลืมตาที่เหมือนกับกระดิ่งขึ้น เขยิบเข้ามาใกล้ ชูอุ้งเท้าหน้าสองข้างขึ้นด้านหน้า ทำท่าปรบมือ

“ไปไกลๆ” เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตา ถูกคนรุมล้อม ความสนใจของเขาพลันลดลง

เฟิงอวิ๋นเซิงคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม มองสองคนที่ชมดูอยู่ด้านข้างอย่างไม่พอใจ

ชายหนุ่มสบตากับนาง ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะขึ้นมา

ท่ามกลางเสียงหัวเราะ เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าขึ้น อ้าปาก กลืนไข่มุกสีดำที่เกิดจากการจับตัวกันของพลังแห่งจันทร์ดำเม็ดนั้นลงไป

บนร่างของเขาพลันปรากฏเจตจำนงเงียบงันน่าสะพรึง

กระบี่รุ้งพร่างพราวซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นมาอยู่ในมือเขาอีกครั้ง มันสั่นสะเทือนไม่หยุด

อาหู่กับพ่านพ่านนั่งเศร้าอยู่ด้านข้าง เฟิงอวิ๋นเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ ยิ้มพลางส่ายหน้า บนแก้มปรากฏสีแดงระเรื่อ หลังจากสงบจิตใจแล้ว นางก็หลับตานั่งสมาธิอีกครั้ง

เนิ่นนานให้หลัง เยี่ยนจ้าวเกอลืมตา เก็บกระบี่รุ้งพร่างพราว ลุกขึ้นบิดขี้เกียจทีหนึ่ง “กลับไม่รู้ว่าตอนนี้ทะเลหวงเจียเป็นอย่างไรบ้าง”

หลังจากเขาบังคับวังมังกรให้ดำอยู่ในทะเลพักหนึ่ง ก็ลอยออกจากผิวน้ำ

เขาจับเชลยคนหนึ่งมาเค้นข่าว สถานการณ์ในปัจจุบันของทะเลหวงเจียเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่คิดไว้

ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติถูกตนทำลายไปมุมหนึ่ง ค่ายกลทั้งหมดได้รับผลกระทบ ไม่อาจใช้กับข่ายกระบี่ของหอกระบี่ทะเลเหนือบนเกาะโม๋หลูได้อีก

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องได้แต่ฝืนปะทะกับฝ่ายต่อต้านต้าเสวียน

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ผลัดกันแพ้ชนะ

กองทัพต่อต้านต้าเวียนอาศัยข่ายกระบี่บนเกาะโม๋หลูกับชัยภูมิของชัยภูมิหอกระบี่ทะเลเหนือ ราชวงศ์ต้าเวียนอ๋องไม่อาจทำสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น

ไม่นานมานี้มีข่าวเผยแพร่ออกมาว่า ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องถอนทัพจากทะเลเหนือ หันหัวหอกไปที่สำนักแสงสว่างอย่างฉับพลัน

พวกยอดฝีมือจากสำนักแสงสว่าง สำนักความมืด และเกาะมนุษย์สำริด ในตอนนี้รวมตัวกันที่หอกระบี่ทะเลเหนือ

คิดจะสนับสนุนสำนักแสงสว่าง ทุกคนต้องออกจากข่ายกระบี่บนเกาะโม๋หลูเสียก่อน

แต่ถ้าหากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องส่งเสียงบูรพาตีประจิม เป้าหมายยังคงอยู่ที่กองทัพต่อต้านต้าเสวียนที่เกาะโม๋หลู ก็จะซุ่มโจมตีคนที่จะไปสนับสนุนสำนักแสงสว่างได้อย่างง่ายดาย

กองทัพต่อต้านต้าเสวียนหากไม่สนับสนุน ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็จะฉวยโอกาสโจมตีสำนักแสงสว่าง

ในด้านการครองฝ่ายบุก ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมีตัวเลือกมากกว่า ฝ่ายต่อต้านต้าเสวียนกลับลำบากกว่ามาก

แต่ไม่รู้ว่าเป็นความคิดของใคร กองทัพต่อต้านต้าเสวียนจึงแสดงความเด็ดขาดอย่างน่าตกตะลึง

ทันทีที่ออกจากเกาะโม๋หลู ก็ไล่ล่าราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ถอยออกจากทะเลเหนือ กัดหางอีกฝ่ายไม่ปล่อย ไม่ยอมให้อีกฝ่ายมีเวลาตั้งตัวง่ายๆ ขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายสร้างหลุมพรางดักซุ่ม

เมื่อสูญเสียความได้เปรียบด้านชัยภูมิไป ฝ่ายต่อต้านต้าเสวียนก็อ่อนแอลง

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องคิดหันหัวกลับมาโต้กลับ กองทัพต่อต้านต้าเสวียนพลันถอยไปยังเกาะโม๋หลูอีก

ครั้นฝ่ายราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องไม่ไล่ตาม ต้องการออกจากทะเลเหนือ กองทัพต่อต้านต้าเสวียนก็ติดตามมาใหม่

สรุปแล้วทั้งสองฝ่ายเดี๋ยวสู้เดี๋ยวหยุด เกาะติดกัน ยื้อยันอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่การต่อสู้นี้เหมือนกับการต่อสู้ระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับชายชราผู้นั้นที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ยังทำสงครามจิตวิทยาไม่หยุด

นอกจากสถานการณ์ใหญ่แล้ว กลับยังมีข่าวอื่นดึงดูดความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอด้วย

อย่างเช่น ทุกคนต่างยกย่องว่าคนที่ทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ คือจอมยุทธ์สำนักแสงสว่าง

และคนที่ว่าคือหนงอวี่ซวน

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็กะพริบตาปริบๆ