บทที่ 1410 หลิงหยุนช่วยฉินจิวยื่อ (3)

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 1410 : หลิงหยุนช่วยฉินจิวยื่อ (3)
  หลังจากที่ฉินจิวยื่อเดินทางมาที่สำนักกระบี่เทียนซานนางก็ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ถึงอย่างนั้น.. นางก็ไม่ปริปากถามแม้แต่น้อยว่า ภายในระยะเวลาเพียงแค่ห้าหกเดือนเท่านั้น แต่หลิงหยุนกลับกลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร
  นั่นเพราะนี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามเรื่องเหล่านี้สิ่งที่นางอยากรู้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ หลิงหยุนที่อยู่ตรงหน้านางเวลานี้ ใช่หลิงหยุนลูกชายาที่นางเลี้ยงมากับมือหรือไม่..
  ความสามารถของหลิงหยุนทั้งหมดที่เขาได้แสดงออกมานั้นแม้นางจะตื่นเต้น ตกใจ และพอใจ แต่ก็ไม่ได้ร้องโวยวายออกมาด้วยความตกอกตกใจ หรือถามให้ยุ่งยาก
  นั่นเพราะในคืนวันเชงเม้งเมื่อครึ่งปีก่อนนั้นฉินจิวยื่อได้ซ่อนตัวอยู่ในป่าซึ่งห่างจากคฤหาสน์ตระกูลเฉิงทางด้านชานเมืองตะวันตกของจิงฉู นางได้เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่ที่หลิงหยุนบุกเข้าไปช่วยเฉิงเม่ยเฟิง และสมุดจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์พุ่งออกมา รวมถึงพลังอมตะที่หลิงหยุนได้รับจากพู่กันจักรพรรดิ ภาพที่มังกรเหาะรอบตัวหลิงหยุน ทุกเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาของฉินจิวยื่อทั้งสิ้น
  แม้ในคืนนั้นสองแม่ลูกจะไม่ได้เผชิญหน้ากันแต่ฉินจิวยื่อก็ได้เห็นหลิงหยุนลงมือสังหารผู้คน และรู้ว่าการที่ตนเองมีใบหน้าที่เด็กลงนับสิบปีในคืนนั้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของหลิงหยุนทั้งสิ้น
  ฉินจิวยื่อได้คาดการมานานแล้วว่าไม่ช้าหรือเร็ว.. วันนี้ของหลิงหยุนก็ต้องมาถึง นางรู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างไรก็ต้องผงาดขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งเป็นแน่ นางเป็นผู้ที่รู้เรื่องนี้ดีกว่าใครๆ อีกทั้งยังรู้เป็นคนแรกๆด้วย
  เวลานี้..หลังจากที่หลิงหยุนได้ช่วยชีวิตของนางไว้แล้ว นางก็ไม่คิดที่จะปลิดชีพตนเองอีก นั่นเพราะนางรู้ดีว่า หากยังขืนทำเช่นนั้นต่อไป ก็รังแต่จะสร้างปัญหาให้กับหลิงหยุน
  ฉินจิวยื่อรู้ดีว่าด้วยความแข็งแกร่งของตนเองในเวลานี้ นางไม่อาจช่วยอะไรหลิงหยุนได้เลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่นางจะทำได้คือ ทำให้หลิงหยุนมั่นใจในความปลอดภัยของนาง และนั่นจะทำให้หลิงหยุนวางความกังวลใจทั้งหมดลงได้..
  และเมื่อหลิงหยุนเอ่ยปากว่าเขาต้องการที่จะสังหารคนพวกนี้ให้ตายหมด ฉินจิวยื่อก็สนับสนุน เพราะในเมื่อลูกชายของเขาเสี่ยงที่จะบุกเข้ามาในกับดักเช่นนี้ นางในฐานะมารดาของหลิงหยุน ก็ไม่อาจปราณีพวกมันเช่นกัน!
  ปัง!!
  เหนือยอดเขาเทียนเฟิงเวลานี้ใครบางคนได้เสกขวานยักษ์ขึ้นมา และกำลังใช้มันทำลายกลุ่มหมอกสีขาวของค่ายกลวราหกอยู่!
  หลิงหยุนเรียกตราหยกจักรพรรดิออกมาและมันได้ขยายใหญ่กว่าสามเมตร ลอยอยู่เหนือศรีษะของหลิงหยุนกับมารดา และกำลังทำหน้าที่เป็นโล่ปกป้องพวกเขาจากขวานยักษ์นั้น เสียงขวานยักษ์กระทบเข้ากับตราหยกจักรพรรดิ จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ!
  หลิงหยุนต้องการสังหารพวกมันก็จริงแต่เขาไม่ต้องการให้ศัตรูทำลายค่ายกลวราหกของเขาได้ นั่นเพราะเขายังมีเรื่องสำคัญต้องทำอีกมากมาย..
  “ท่านแม่..ท่านบ้วนปากก่อนเถิด อย่าได้ไปใส่ใจกับศัตรูเหล่านี้เลย!”
  หลิงหยุนจ้องมองใบหน้าซูบผอมของฉินจิวยื่อพร้อมกับย้ำให้นางบ้วนปาก และชำระล้างคราบเลือดที่ติดอยู่บนริมฝีปากออก
  ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกของบางสิ่งออกมาจากแหวนพื้นจักรวาลของตน..
  สิ่งที่เขาเรียกออกมานั้นกลับไม่ใช่อะไรที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เลยแม้แต่น้อยมันเป็นเพียงแค่ของใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน และหม้อ กะทะ รวมทั้งเครื่องครัวอื่นๆ
  ก่อนที่จะออกเดินทางจากจิงฉูนั้นหลิงหยุนได้เตรียมพร้อมสำหรับการมาช่วยฉินจิวยื่อในครั้งนี้อย่างละเอียด เขาไปซุปเปอร์มาร์เก็ตของตนเอง และหยิบของที่คิดว่าจำเป็นใส่เข้าไปในแหวนจำนวนมาก เรียกได้ว่าเกือบจะหมดร้านเลยก็ว่าได้ แต่แหวนของเขาก็มีขนาดใหญ่พอที่จะจุได้
  “หลิงหยุน..นี่เจ้า!”
  หลังจากที่ฉินจิวยื่อทำการบ้วนปากเสร็จแล้วและกำลังทำความสะอาดเลือดที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากนั้น นางก็เห็นหลิงหยุนเรียกสิ่งของมากมายออกมากองใหญ่ ทำให้นางไม่สามารถที่จะสงบจิตใจให้นิ่งต่อไปได้อีก
  เพราะในเวลานี้..ภายในค่ายกลวราหกนั้น มีทั้งโต๊ะ เก้าอี้ อ่างล้างหน้า ถังใบใหญ่ใส่น้ำบริสุทธิ์สองถัง แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ แชมพูสระผม ข้าวสวย ไก่ เป็ด ปลา และเครื่องมือในการทำอาหารอีกมากมายหลายอย่าง รวมทั้งผลไม้นับสิบชนิด พร้อมทั้งขนมขบเคี้ยวอีกมากมาย..
  “ท่านแม่..ท่านคงจะหิวมากสินะ ข้าไม่สามารถปล่อยให้ท่านแม่ดูข้าต่อสู้ในขณะที่ท้องร้องได้ พวกเรากินอาหารกันก่อนดีกว่า..”
  ฉินจิวยื่อมีสภาพที่ผอมโซจนเหลือเพียงแค่หนังหุ้มกระดูกเช่นนี้หลิงหยุนแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ว่า ที่ผ่านมานั้นนางไม่เคยได้กินข้าวอิ่มท้องเลย ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว เขาจะไม่ยอมให้แม่ของเขาต้องอดอีกอย่างเด็ดขาด เขาไม่อาจทนเห็นฉินจิวยื่อต้องได้รับความลำบากอีกแม้จะเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม..
  หลิงหยุนเรียกยันต์บำบัดออกมาส่งให้กับฉินจิวยื่อพร้อมกับอธิบายว่า “ท่านแม่ ท่านปิดยันต์นี่ไว้ที่ลิ้นของท่าน แล้วจึงสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์”
  ฉินจิวยื่อทำตามอย่างว่าง่ายนางแลบลิ้นที่ตนเองกัดจนเลือดไหลนั้นออกมา หลังจากนั้นก็ทำตามที่หลิงหยุนแนะนำ และบาดแผลบนลิ้นก็หายไปในทันที
  “ท่านแม่นี่คือแหวนพื้นที่! หากท่านรังเกียจ ข้าอยากจะนำร่างของท่านลุงหนิงเก็บไว้ในแหวนพื้นที่นี้ก่อน หากปล่อยไว้เช่นนี้ จะมีผลต่อร่างของเขา..”
  ความจริงแล้วหลิงหยุนกังวลว่าฉินจิวยื่อจะเอาแต่เฝ้ามองร่างของหนิงเทียนหยา จนไม่สามารถกินข้าวกินปลาได้ต่างหาก แต่เขาไม่อาจพูดออกไปตรงๆได้ จึงได้แต่หาเหตุผลข้ออ้างไปเช่นนั้น
  แหวนพื้นที่ไม่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้จึงไม่ได้มีปัญหาอันใดหากจะเก็บร่างที่ไร้วิญญาณ!
  “อืมม..”ฉินจิวยื่อทำเสียงในลำคอพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย
  หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากฉินจิวยื่อแล้วหลิงหยุนก็ทำการเคลื่อนย้ายร่างของหนิงเทียนหยาเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ทันที ร่างของหนิงเทียนหยาพร้อมเตียงไม้ ถูกนำไปเก็บไว้ในช่องคล้ายรังผึ้งที่อยู่ภายในแหวนจักรวาลของหลิงหยุนทันที
  ปัง!   ผู้คนที่อยู่ด้านบนยังคงใช้ขวานฟันเข้าใส่ตราหยกจักรพรรดิของหลิงหยุนเสียงดังดูเหมือนคนผู้นี้จะโกรธมาก และพยายามที่จะทำลายค่ายกลวราหกของหลิงหยุนให้ได้ และคนอื่นๆต่างก็เข้ามาช่วยเช่นกัน..
  “พวกเจ้าช่างรนหาที่ตายนัก!”
  หลิงหยุนจัดการเผาเสินหยวนและเสกหอกมังกรทองขึ้นมา จากนั้นจึงใช้พลังจิตของตนควบคุมให้หอกมังกรทองพุ่งเข้าใส่ร่างของยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) คนหนึ่งทันที!
  ฟิ้ว..
  หอกมังกรทองพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักจะเรียกว่าในพริบตาก็ยังช้าไป ยอดฝีมือขั้นปาเฉิงชี่ผู้นั้นไม่ทันได้ระมัดระวังตัว จึงไม่อาจหลบหลีกได้ทัน และถูกหอกมังกรทองของหลิงหยุนพุ่งปักเข้าที่ศรีษะตายคาที่อยู่กลางอากาศ!
  หลิงหยุนไม่รีบร้อนที่จะสังหารนักทันทีที่หอกมังกรทองสังหารยอดฝีมือผู้นั้นตายในทันที เขาก็เรียกหอกมังกรทองกลับคืนมา..
  “ห๊ะ!นี่มัน..”
  ภายนอกค่ายกลวราหกเวลานี้นอกเหนือจากยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานของคุนหลุนแล้ว ก็ยังมียอดฝีมือคนอื่นๆอีก ทุกคนต่างก็ตกใจกลัวเป็นอย่างมาก เวลานี้ได้แต่นิ่งไปด้วยความตกตะลึงสุดขีด..
  “นี่..พลังในการจู่โจมแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
  “เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน!”
  อย่าว่าแต่คนอื่นจะตกใจเลยแม้แต่ยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานทั้งสี่ของคุนหลุน ยังถึงกับตกใจกับการจู่โจมที่รุนแรง และรวดเร็วของหลิงหยุนอย่างมากเช่นกัน!
  เพียงแค่พริบตาเดียว..หลิงหยุนกลับสามารถลงมือสังหารยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นปาเฉิงชี่ได้!
  และนี่สิ่งยืนยันว่าพลังของหลิงหยุนนั้นอยู่ในขั้นก่อสร้างรากฐานเป็นอย่างน้อย!
  ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หลิงหยุนสังหารคนหนึ่งคน แต่กลับสามารถทำให้เหตุการณ์ภายนอกสงบลงได้ในทันที ไม่มีผู้ใดทำเสียงหนวกหูรบกวนเขากับแม่อีก และหลังจากที่หลิงหยุนได้สร้างความตระหนกตกใจให้กับศัตรูแล้ว เขาก็หันกลับมาดูแลเอาใจใส่ฉินจิวยื่อต่อ..
  หลิงหยุนใช้พลังจิตที่แข็งแกร่งของตนจัดโต๊ะเก้าอี้ให้เรียบร้อยจากนั้นจึงค่อยๆรินน้ำลงในอ่าง และถ่ายเทพลังหยางสู่ฝ่ามือทำให้น้ำในอ่างมีความอุ่น แล้วจึงจัดการเปิดขวดสบู่ออก
  ก่อนอื่นหลิงหยุนต้องการให้ฉินจิวยื่อได้ล้างหน้าแปรงฟันให้สะอาด จะได้สดชื่นก่อนที่จะรับประทานอาหาร
  “ท่านแม่..ท่านล้างหน้าแปรงฟันเสียก่อน!”
  ฉินจิวยื่อจ้องมองหลิงหยุนที่กำลังเตรียมยาสีฟันและแปรงสีฟันไว้ให้ตนเอง ก็ได้แต่ตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะนำของเช่นนี้ติดตัวมาด้วย  “หลิงหยุน..ลำบากเจ้าแล้ว!”
  ฉินจิวยื่อรับรู้ได้ถึงความกตัญญูของหลิงหยุนแต่หลิงหยุนยังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูอีกมากมาย นางจึงไม่ต้องการให้หลิงหยุนต้องมาดูแลตนเองเช่นนี้
  “ท่านแม่..ข้ามีข่าวดีเกี่ยวกับหลิงยู่จะมาบอกท่าน!”
  “เวลานี้หลิงยู่..สามารถฝึกฝนบ่มเพาะพลังจนเข้าสู่ขั้นเดียวกับข้าได้แล้ว และพวกเราสองคนต่างก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยหยานจิงได้ ข้าเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ ส่วนหลิงยู่เรียนธรณีฟิสิกส์..”
  หลิงหยุนใช้เวลาที่ฉินจิวยื่อกำลังล้างหน้าแปรงฟันทำการต้มโจ๊กเตรียมไว้ให้นาง หลิงหยุนรู้ว่าคนที่หิวโหยมาเป็นเวลานานนั้น ไม่ควรกินมากจนเกินไปในครั้งแรก ฉะนั้นแล้วโจ๊กจึงเป็นอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับฉินจิวยื่อในเวลานี้
  หลิงหยุนเปิดถุงข้าวสารออกและทำการซาวข้าวด้วยยันต์ธารา จากนั้นจึงรินน้ำสะอาดลงไปในหม้อ และทำให้ร้อนด้วยพลังหยาง..
  “เก่งมาก..พวกเจ้าสองพี่น้องเก่งจริงๆ!”
  ฉินจิวยื่อที่ทำการล้างหน้าอยู่นั้นเมื่อได้ยินหลิงหยุนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวระหว่างที่นางไม่อยู่นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินชื่อหนิงหลิงยู่ น้ำตาของนางก็ถึงกับรื้นขึ้นมาทันที แต่นางก็แสร้งทำเป็นล้างหน้ากลบเกลื่อน เพื่อไม่ให้หลิงหยุนเห็น และร้องชมเชยออกมาเสียงดัง
  “ท่านแม่ความจริงแล้วข้าตั้งใจว่าจะมาช่วยท่านกับท่านลุงหนิงกลับไปเท่านั้น จากนั้นจึงค่อยย้อนกลับมาแก้แค้นสำนักกระบี่เทียนซานทีหลัง แต่ในเมื่อท่านลุงหนิงเสียชีวิตแล้ว ข้าจึงได้เปลี่ยนใจ ข้าจะอยู่ที่นี่สังหารพวกมันให้หมด..”
  ระหว่างที่หลิงหยุนต้มโจ๊กให้กับฉินจิวยื่อนั้นเขาก็ได้ใช้พลังจิตควบคุมหอกมังกรทองให้พุ่งเข้าใส่ร่างของศัตรูอยู่เรื่อยๆ และทุกครั้งที่หอกมังกรทองพุ่งออกไป ก็จะสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้หนึ่งหรือสองชีวิต จนกระทั่งเขาต้มโจ๊กเสร็จ ก็ได้สังหารยอดฝีมือด่านกลางขั้นพลังชี่ตายไปได้ราวเจ็ดถึงแปดคน..
  เวลานี้หอกมังกรทองของหลิงหยุนเสมือนฝันร้ายของเหล่ายอดฝีมือในสำนักกระบี่เทียนซานเลยก็ว่าได้เพราะทุกครั้งที่มันพุ่งออกมาจากกลุ่มหมอกสีขาวนั้น ก็จะคร่าชีวิตของยอดฝีมือฝ่ายตนไปได้ทุกครั้ง ทุกคนต่างก็หวาดกลัว และพยายามหนีให้ไกลจากการจู่โจมของหอกมังกรทอง
  และด้วยอานุภาพของหอกมังกรทองนั้นแม้แต่ยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานเองยังถึงกับหวาดกลัว เพราะยากที่จะต้านทานได้
  เวลานี้หลิงหยุนพบเห็นยอดฝีมือในขั้นก่อสร้างรากฐาน เหาะอยู่เหนือยอดเขาเทียนเฟิงถึงห้าคนแล้ว แต่หลิงหยุนยังไม่ยุ่งกับคนเหล่านนี้ และจงใจสังหารยอดฝีมือขั้นต่ำกว่านั้นก่อน
  ถึงแม้ว่ายอดฝีมือในขั้นก่อสร้างรากฐานจะโมโหอย่างมากแต่พวกเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะหอกมังกรทองของหลิงหยุนนั้นเคลื่อนที่ไปมารวดเร็วอย่างที่สุด ราวกับภูติผีปีศาจที่หายตัวไปโผล่ที่ใดที่หนึ่งได้
  หลังจากที่ฉินจิวยื่อล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้วหลิงหยุนก็ต้มโจ๊กเสร็จพอดี เขารินโจ๊กใส่ถ้วยใบใหญ่ และนำไปเสริฟให้กับนางทันที
  หลิงหยุนดึงเก้าอี้ออกให้ฉินจิวยื่อนั่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ท่านแม่ ท่านนั่งทานโจ๊กให้อร่อยก่อน!”
  “หลิงหยุน..นี่เป็นอาหารมื้อที่ดีที่สุดสำหรับแม่!”
  ฉินจิวยื่อเอ่ยปากบอกหลิงหยุนพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินน้ำเสียงของนางสะอื้นเล็กน้อย และรู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก
  ตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ทุกวันพบเจอแต่การทรมาน ความหิวโหย และการดูถูกเหยียดหยาม เรียกได้ว่าความตายยังเป็นสิ่งที่น่าอภิรมย์มากกว่า..   แต่เมื่อหลิงหยุนมาที่นี่แม้จะยังคงอยู่ในพื้นที่ของสำนักกระบี่เทียนซาน อยู่ท่ามกลางศัตรูที่แข็งแกร่ง แต่นางกลับสามารถนั่งกินโจ๊กร้อนๆได้อย่างปลอดภัย และเป็นปกติ ในขณะเดียวกันก็จ้องมองศัตรูด้านนอกถูกหลิงหยุนสังหารตายไปทีละคนสองคนราวกับผักปลา..
  ช่างเป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นยิ่งนัก!
  “ท่านแม่..ท่านค่อยๆทานโจ๊กนี่ ไม่ต้องรีบร้อน การต่อสู้ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นหลังจากนี้!”
  หลังจากต้มโจ๊กให้กับฉินจิวยื่อแล้วหลิงหยุนก็ยังได้เตรียมกับข้าวอื่นๆไว้ให้กับฉินจิวยื่ออีก และนำไปเสริฟบนโต๊ะทีละจาน..
  “หลิงหยหุน..เหตุใดจึงขี้ขลาดไม่กล้าออกมาสู้กับพวกเราข้างนอก”
  เหนือยอดเขาเทียนเฟิงเวลานี้คนของคุนหลุนร้องตะโกนท้าทายหลิงหยุนให้ออกไปสู้กับตนด้านอก
  “หากเจ้ากล้าจริงก็ออกมาสู้กันข้างนอกข้าจะจัดการกับเจ้าเอง!”
  หลิงหยุนเรียกกระบี่โลหิตเทวะออกมาถือไว้ในมือในขณะเดียวกันก็ยืนคุ้มกันแม่ของเขาที่กำลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย