ของประมูลลำดับที่ยี่สิบคืออสูรราชาเซียนที่ถูกสยบแล้วและเป็นอสูรมายาที่สามารถทำพันธสัญญาได้ในทันที

มันคือเสือดาวที่มีขนสีทองงดงามและถูกขังไว้ในกรง แม้ว่าภายนอกมันอาจจะดูไม่ทรงพลังมากนัก ทว่ามันกลับแผ่กลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้ผู้คนหวาดหวั่นได้ง่าย ๆ

ดวงตาสีทองอร่ามของมันก็เปล่งประกายไปด้วยแสงสีทองเป็นครั้งคราว เห็นได้ชัดว่ามันมิใช่เป็นเพียงเสือดาวธรรมดาและไม่ควรประมาทอย่างยิ่ง

“นี่คืออสูรมายาที่วิ่งเร็วที่สุดในดินแดนมหาเทพซึ่งมีการป้องกันที่แข็งแกร่งและพลังการโจมตีที่ดุดัน มันคือพยัคฆ์หงส์ทอง—นักล่าแดนไกลของป่าแห่งความตายซึ่งมีสายเลือดหงส์เพลิงอยู่ภายในร่างกาย ราคาประมูลของมันเริ่มต้นที่หนึ่งล้านแก่นหินวิญญาณ”

พิธีกรของงานประมูลกล่าวแนะนำอย่างสั้น ๆ และประกาศราคาเริ่มต้นทันที

สำหรับอสูรมายาที่มีสายเลือดของหงส์เพลิงและยังมีความแข็งแกร่งถึงระดับราชาเซียนโดยที่มีจุดอ่อนเพียงน้อยนิดเช่นนี้ถือว่าคุ้มค่ากับราคาอย่างแท้จริง

“แม่เจ้า! ที่แท้ก็เป็นพยัคฆ์หงส์ทองนั่นเอง!”

ผู้เข้าร่วมงานทั่วทั้งห้องโถงต่างก็ส่งเสียงฮืออาในทันที

จอมยุทธ์ในดินแดนมหาเทพล้วนทราบเกี่ยวกับพยัคฆ์หงส์ทองเป็นอย่างดี แรกเริ่มเดิมทีบรรพบุรุษของพยัคฆ์หงส์ทองมีความสัมพันธ์กับผู้อาวุโสของเผ่าหงส์เพลิงและให้กำเนิดทายาทที่มีสายเลือดของหงส์เพลิงไหลเวียนอยู่ในร่าง

นอกเหนือจากพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง ข้อได้เปรียบของมันที่เหนือกว่าอสูรในระดับเดียวกันก็ชัดเจนอย่างยิ่ง พยัคฆ์หงส์ทองมีความดุดันแบบเสือดาว มีการป้องกันที่ทรงพลังของหงส์เพลิง และมีความเร็วของอสูรทั้งสองสายพันธุ์ควบคู่รวมกัน พยัคฆ์หงส์ทองส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่เพียงในส่วนลึกของป่าแห่งความตายและไม่ออกจากถิ่นล่าอาหารของตน และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือมันเป็นอสูรที่สยบได้ยากยิ่งนัก

เพียงแต่เป็นเหตุบังเอิญเท่านั้นที่พยัคฆ์หงส์ทองในกรงตรงหน้านี้ถูกสยบโดยยอดฝีมือผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ทรงพลังมาได้

“ในเผ่าพันธุ์หงส์เพลิงมีอสูรที่น่ารังเกียจอยู่มาก เมื่อพันปีก่อน หงส์เพลิงโง่ตัวหนึ่งมีความสัมพันธ์กับเสือดาวธรรมดา ๆ และเป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์พยัคฆ์หงส์ทองนี้ หลังจากผ่านมานับพันปี พลังของหงส์เพลิงในสายเลือดของพยัคฆ์หงส์ทองก็เจือจางลงเรื่อย ๆ ทว่าตัวที่อยู่ตรงหน้าท่านตอนนี้โชคดีทีเดียวเพราะมันยังมีพลังของหงส์เพลิงอยู่ในตัวอีกมาก”

น้ำเสียงรังเกียจเดียดฉันท์ของหานอวี้ดังขึ้น แท้จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างสายพันธุ์มังกรและหงส์เพลิงไม่ได้ดีนักและหานอวี้ก็ไม่ชอบลักษณะนิสัยของอสูรหลายตัวในเผ่าหงส์เพลิง

ยิ่งไปกว่านั้น มันก็สัมผัสได้ว่าพยัคฆ์หงส์ทองตรงหน้าในตอนนี้น่าจะเป็นอสูรที่มีสถานะสูงพอสมควรในเผ่าพยัคฆ์หงส์ทอง ไม่อาจทราบได้เลยว่ามันถูกสยบโดยมนุษย์และถูกส่งมาประมูลเช่นนี้ได้อย่างไร ?

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยโดยไม่กล่าวสิ่งใด แม้จะกล่าวว่าพยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้ทรงพลังนัก นางก็ไม่มีความสนใจแต่อย่างใด

บรรดาอสูรพันธสัญญาในคฤหาสน์เฟิงหัวของนางมีพรสวรรค์มากกว่าพยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้อยู่หลายขุม สำหรับอสูรที่มีพรสวรรค์โดยธรรมชาติที่น้อยอย่างเสี่ยวเหมิง เสี่ยวเฮยและอสูรอื่นๆ พวกมันก็ได้รับการวิวัฒนาการและกลายพันธุ์ในระหว่างที่ติดตามฉินอวี้โม่ ปัจจุบันนี้พรสวรรค์ของพวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่าพยัคฆ์หงส์ทองแม้แต่น้อย เพราะเหตุนั้นนางจึงไม่มีความจำเป็นต้องสนใจในอสูรขนทองตัวนี้

ฉื่อไท่หลางพูดคุยกับคนอื่น ๆ ครู่ใหญ่ แม้สนใจในตัวพยัคฆ์หงส์ทองนี้มาก พวกเขาก็ทราบดีว่าอสูรทรงพลังเช่นนี้ยังห่างไกลเกินเอื้อมสำหรับตน

“แม้พยัคฆ์หงส์ทองจะยอดเยี่ยม มันก็ด้อยกว่าอสูรพันธสัญญาของลูกพี่อวี้โม่อยู่หลายขุม ถึงอย่างไรอสูรพันธสัญญาของลูกพี่อวี้โม่ก็สามารถเอาชนะพลังในขอบเขตราชาเซียนขั้นกลางของโจวหังรุ่ยได้ง่าย ๆ”

ฉื่อไท่หลางส่ายศีรษะเบา ๆ และกล่าวเปรียบเทียบ สำหรับเขา เขารู้สึกว่าอสูรพันธสัญญาของฉินอวี้โม่แข็งแกร่งกว่ามากและพยัคฆ์หงส์ทองตรงหน้านี้เทียบไม่ติดฝุ่นด้วยซ้ำ

“เห็นด้วย เห็นด้วย”

จางเหิงและคนอื่น ๆ กล่าวอย่างเห็นด้วยและพวกเขาก็ไม่ได้สนใจพยัคฆ์หงส์ทองนี้มากนัก

อย่างไรก็ตาม แม้พวกเขาจะไม่สนใจมัน แต่ผู้คนจำนวนมากในงานประมูลต่างก็สนใจที่จะได้พยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้มาครอบครอง

ในห้องโถงประมูล หลายคนเริ่มเสนอราคาสู้กันอย่างดุเดือด

จากราคาประมูลตั้งต้นที่หนึ่งล้านแก่นหินวิญญาณ ภายในเวลาเพียงสั้น ๆ ราคาประมูลของมันก็เพิ่มสูงขึ้นจนตอนนี้มีราคาที่สูงกว่าสามล้านแก่นหินวิญญาณเสียอีกและมีทีท่าว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ห้าล้าน !”

ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากห้องพิเศษในชั้นที่สองและผลักดันราคาประมูลขึ้นไปเกือบสองล้านแก่นหินวิญญาณในคราวเดียว

“นั่นคือผู้นำตระกูลเฝิง—เฝิงรุ่ยเฉิง”

หลานเผิงได้ยินเสียงคนผู้นั้นและจดจำได้ทันทีว่าเขาคือเฝิงรุ่ยเฉิง

ชั้นที่สองของโรงประมูลมีห้องพิเศษรวมทั้งหมดแปดห้อง นอกเหนือจากสามห้องที่สงวนไว้สำหรับโรงประมูล ห้าห้องที่เหลือเป็นของห้าตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองเทียนหยวน ในฐานะตระกูลอันดับห้าของเมือง ตระกูลเฝิงก็ต้องลงทุนไปมากเช่นกันจึงได้ครอบครองห้องพิเศษเป็นของตน

“บุตรชายของเฝิงรุ่ยเฉิงมีความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ที่ธรรมดา ๆ เท่านั้น ทว่ากลับยโสโอหังเป็นที่สุด เขาคงจะต้องการประมูลพยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้เพื่อที่บุตรชายของเขาจะมีโอกาสต่อกรกับเฝิงเยี่ยได้”

เมื่อคาดเดาจุดประสงค์ของเฝิงรุ่ยเฉิงได้ น้ำเสียงของหลานเผิงก็แสดงถึงความรังเกียจอย่างชัดเจน

ตระกูลเฝิงมีจอมยุทธ์ที่มากฝีมืออยู่แล้ว ด้วยความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของเฝิงเยี่ยที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก ตราบใดที่เขาหมั่นฝึกวิชาอย่างจริงจัง เขาจะกลายเป็นยอดฝีมือคนสำคัญของเมืองเทียนหยวนในอนาคตอย่างแน่นอน ทว่าน่าเสียดายที่ผู้นำตระกูลเฝิงหวาดหวั่นต่อเขาอย่างมากและไม่ได้สนับสนุนเขาเท่าที่ควร หนำซ้ำยังพยายามกีดกันมาเสมอ แม้ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลซึ่งเป็นอาจารย์ของเฝิงเยี่ยจะไม่พอใจกับการกระทำของผู้นำตระกูลเท่าใดนัก เขาก็อับจนปัญญาและไม่มีทางทำอะไรได้

ในทางตรงกันข้าม บุตรชายของเฝิงรุ่ยเฉิงซึ่งเป็นนายน้อยของตระกูลก็เป็นขยะไร้ความสามารถ แม้มีพรสวรรค์ที่ไม่ดีนัก เขาก็ยังเกียจคร้านสันหลังยาว ไม่ว่าจะลงทุนและทุ่มเททรัพยากรไปกับเขามากเท่าใด ศักยภาพของเขาก็ยังไม่ดีขึ้น

สิ่งที่น่าขันยิ่งกว่านั้นคือเขาเป็นปฏิปักษ์ต่อเฝิงเยี่ยอย่างที่สุดและมักหาเรื่องสร้างปัญหาให้อีกฝ่ายเป็นประจำ หากทำได้ เขาคงจะขับไล่เฝิงเยี่ยออกไปจากตระกูลทันที เพียงแต่เขาทราบดีว่าเฝิงเยี่ยมีความสำคัญต่อตระกูลเฝิงอย่างไร แม้หวั่นใจว่าอีกฝ่ายจะแย่งชิงตำแหน่งผู้นำไปจากตน เขาและตระกูลเฝิงก็ยังต้องพึ่งความสามารถอันยอดเยี่ยมของเฝิงเยี่ยอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

หากได้พยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้ไปครอบครอง พลังของเขาก็อาจพัฒนาจนต่อกรกับเฝิงเยี่ยได้และไม่ต้องเกรงกลัวศิษย์นอกคอกผู้นั้นอีกต่อไป

“เพราะเหตุนี้นี่เอง ตระกูลเฝิงจึงถูกกำหนดให้เป็นเพียงตระกูลอันดับห้าของเมืองเทียนหยวนเท่านั้น”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมยักไหล่เบา ๆ แม้เป็นถึงผู้นำตระกูล ทว่าวิสัยทัศน์ของเฝิงรุ่ยเฉิงนั้นคับแคบและมองการณ์สั้นยิ่งนัก ต่อให้มีอสูรพันธสัญญาที่ทรงพลัง เขาก็ไม่มีทางเอาชนะสี่ตระกูลใหญ่และกลายเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลของเมืองเทียนหยวนได้เลย

“จากที่เห็นในตอนนี้ โจวปิ่งฮุยก็ฉลาดกว่าเฝิงรุ่ยเฉิงมากทีเดียว”

แม้โจวปิ่งฮุยจะมิใช่คนจิตใจดี เขาก็มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดกว่าเฝิงรุ่ยเฉิงมากนัก บรรดาศิษย์ตระกูลโจวเชื่อมั่นและจงรักภักดีต่อตระกูลเพราะพลังและเกียรติยศความยิ่งใหญ่ของเขา ต่อให้โจวหังรุ่ยจะทะนงตนและไม่เชื่อฟังเขามากนัก โจวปิ่งฮุยก็ยังดีกับศิษย์ผู้นั้นมาก และแม้ว่าผู้อาวุโสใหญ่จะยโสโอหังอยู่เสมอ เขาก็ยังอดทนและปล่อยผ่านไปหลายครั้งหลายครา เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ตระกูลโจวเหนือชั้นกว่าตระกูลเฝิงอีกมาก

ฉินอวี้โม่ไม่ทราบเกี่ยวกับสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนหยวนมากนัก ทว่าเนื่องจากเคยต่อสู้กับตระกูลเฝิงและตระกูลโจวมาก่อน นางจึงพอจะเข้าใจได้ไม่ยาก สิ่งที่หลานเผิงกล่าวมานั้นถูกต้องทุกประการ ตระกูลโจวเป็นขุมกำลังที่เหมาะสำหรับการบ่มเพาะฝึกฝนจอมยุทธ์ผู้มีพรสวรรค์มากกว่าตระกูลเฝิง

“ห้าล้านห้าแสน”

น้ำเสียงที่คุ้นหูดังมาจากห้องพิเศษอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นเสียงของโจวเฉียน—ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลโจวนั่นเอง การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงจุดประสงค์ของเขาอย่างชัดเจนและนั่นคือการประมูลมันให้กับโจวหังรุ่ย

“แม้โจวปิ่งฮุยจะไม่ได้มาเข้าร่วมงานครานี้ ทว่าก็ยังมีโจวเฉียนและโจวหังรุ่ยที่มาเข้าร่วมในนามของตระกูลโจว จากการต่อสู้ในโรงเตี๊ยมก่อนหน้านี้ โจวหังรุ่ยที่มักยโสโอหังไม่เห็นหัวผู้ใดคงจะทั้งเจ็บกายและเจ็บใจมาก ในตอนนี้โจวเฉียนจึงมุ่งมั่นที่จะหาอสูรมายาทรงพลังสักตัวเพื่อมอบให้เขา”

หลานเผิงทราบดีว่าผู้ใดอยู่ในห้องพิเศษแต่ละห้องและไม่ได้คิดปิดบังฉินอวี้โม่แต่อย่างใด เขาเพียงยิ้มอ่อนและกล่าวความคิดของตนออกไป

“พยัคฆ์หงส์ทองมิใช่อสูรที่ทรงพลังหรอก”

ฉินอวี้โม่เข้าใจความคิดของโจวเฉียน เพียงแต่นางไม่คิดว่าพยัคฆ์หงส์ทองที่เขาพยายามแย่งชิงจะทรงพลังเท่าใดนัก ตราบใดที่นางทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตราชาเซียนได้สำเร็จ อสูรมายาส่วนใหญ่ของนางก็จะพัฒนาเข้าสู่ระดับราชาเซียนและจะจัดการกับเสือดาวตัวนี้ได้

นอกเหนือจากห้องของตระกูลโจวและตระกูลเฝิง เวลานี้อีกสามห้องยังเงียบสนิท เห็นได้ชัดว่าอีกสามตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนหยวนไม่สนใจพยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้เช่นกัน

“หกล้าน”

เฝิงรุ่ยเฉิงไม่ยอมอ่อนข้อและยังคงเสนอราคาประมูลต่อไป เมื่อเขาได้ยินเสียงเมื่อครู่ เขาก็ทราบดีว่ามันเป็นเสียงของผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลโจว แม้ทั้งสองฝ่ายจะตกลงร่วมมือกัน เขาก็ไม่มีความคิดที่จะปล่อยให้พยัคฆ์หงส์ทองที่ทรงพลังหลุดมือไป

“หกล้านหนึ่งแสน !”

โจวเฉียนขมวดคิ้วมุ่นทว่ายังคงขานราคาสู้ต่อไป ในฐานะผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลโจว สิทธิ์ในตระกูลของเขาก็ถือว่าไม่น้อยเลยและสามารถใช้เงินทุนในการเข้าร่วมงานประมูลนี้ได้มากพอสมควร แม้มีข้อตกลงร่วมมือกับเฝิงรุ่ยเฉิงเกี่ยวกับ ‘เรื่องนั้น’ แท้จริงแล้วในหัวใจของโจวเฉียนก็ดูแคลนตระกูลเฝิงยิ่งนัก สำหรับเสือดาวตัวนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องครอบครองมาให้จงได้

“หกล้านห้าแสน !”

เฝิงรุ่ยเฉิงขานราคาอีกครั้งและสีหน้าเริ่มบูดบึ้ง ในฐานะผู้นำของตระกูลเฝิง การถูกยั่วยุโดยผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลโจวเช่นนี้ทำให้เขาเสียหน้าอย่างที่สุด หากไม่ได้ครอบครองพยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้มา เขาจะเอาศักดิ์ศรีของผู้นำตระกูลเฝิงไปไว้ที่ใด ?

“เจ็ดล้าน!”

สีหน้าของโจวเฉียนเริ่มเคร่งขรึมมากขึ้น มูลค่าของแก่นหินวิญญาณเจ็ดล้านก้อนในตอนนี้ถือว่าเกินกว่ามูลค่าจริงของพยัคฆ์หงส์ทองไปมากแล้ว

“เจ็ดล้านหนึ่งแสน !”

เฝิงรุ่ยเฉิงยังคงไม่ยอมแพ้และขานราคาต่อไปทว่าสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาก เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว ตระกูลเฝิงของพวกเขามีเงินทองไม่มากนัก สำหรับสิ่งประมูลที่ล้ำค่าอีกหลายรายการหลังจากนี้ พวกเขาไม่มีทางสู้กับตระกูลใหญ่ทั้งสี่ได้แน่ เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดคือการชนะประมูลพยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับบุตรชายผู้ไร้ความสามารถของเขา

“เจ็ดล้านห้าแสน”

ในเวลานี้ โจวเฉียนก็ต้องการสบถแสดงความไม่พอใจต่อเฝิงรุ่ยเฉิงมาก อย่างไรก็ตาม เขาทำได้เพียงขานราคาเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ทว่าน้ำเสียงก็บ่งบอกชัดเจนว่าเริ่มหมดความอดทนแล้ว

“แปดล้าน!”

เฝิงรุ่ยเฉิงกัดฟันแน่นและทบราคาเพิ่มอีกห้าแสนแก่นหินวิญญาณอย่างรวดเร็ว

“ผู้นำเฝิง ตระกูลเฝิงของท่านมั่งคั่งและทรงพลังยิ่งนัก ชายแก่อย่างข้าสู้ไม่ได้เลยจริงๆ”

เสียงของโจวเฉียนดังขึ้นในหูของเฝิงรุ่ยเฉิง เห็นได้ชัดว่าเขายอมถอนตัวจากการประมูลพยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้แล้ว

“ข้าขอน้อมรับ ตระกูลเฝิงของเราไม่ร่ำรวยไปกว่าตระกูลโจวหรอก ทว่าถึงอย่างไรเราก็ต้องขอบคุณผู้อาวุโสโจวเฉียนที่แสดงน้ำใจยอมให้เราได้พยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้มาครอง”

เฝิงรุ่ยเฉิงแสร้งเป็นใสซื่อในขณะที่โจวเฉียนเองก็แทบกระอักเลือดเมื่อได้ยินวาจาของอีกฝ่าย หากมิใช่เพราะมีแผนการร่วมมือกันเพื่อจัดการกับฉินอวี้โม่ โจวเฉียนก็คงสาดวาจาตอบโต้อีกฝ่ายไปแล้ว

“เอาล่ะ ประกาศผลการประมูลเถอะ”

เฝิงรุ่ยเฉิงไม่สนใจโจวเฉียนอีกต่อไปและกล่าวกับพิธีกรงานประมูลด้วยน้ำเสียงทะนงตน

“ผู้นำเฝิง เรายังต้องดำเนินไปตามระเบียบขั้นตอนปกติขอรับ”

พิธีกรไม่ไว้หน้าเฝิงรุ่ยเฉิงและกล่าวขึ้นเบาๆ “ไม่ทราบว่ามีผู้ใดที่ต้องการเสนอราคาอีกหรือไม่?”

ทั้งห้องโถงเงียบสงัดซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่มีผู้ใดต้องการทำให้เฝิงรุ่ยเฉิงขุ่นเคืองใจ อีกสามขุมกำลังใหญ่ในห้องพิเศษบนชั้นสองก็ไม่แสดงความสนใจต่อเสือดาวในกรงเช่นกัน

“หากไม่มีแล้ว พยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้จะเป็นของ..”

“แปดล้านหนึ่งหมื่น”

พิธีกรของงานประมูลยังกล่าวไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำในขณะที่เสียงของฉินอวี้โม่ดังแทรกขึ้นมาอย่างชัดเจน

ทว่าราคาประมูลของนางก็เพิ่มขึ้นเพียงไม่มากเท่านั้นซึ่งมากกว่าราคาประมูลล่าสุดของเฝิงรุ่ยเฉิงเพียงหนึ่งหมื่นแก่นหินวิญญาณ เห็นได้ชัดว่าฉินอวี้โม่จงใจเสนอราคาเพื่อหยามหน้าอีกฝ่าย

“เจ้าจงใจทำเช่นนี้!”

เฝิงรุ่ยเฉิงเปิดหน้าต่างห้องพิเศษของตนและหันขวับจ้องตรงไปยังห้องพิเศษของฉินอวี้โม่พร้อมตะโกนกร้าวทันที

พิธีกรงานประมูลกำลังจะประกาศผลการประมูล ทว่าจู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็ขานราคาออกมาพอดิบพอดีและเพิ่มราคาขึ้นเพียงหนึ่งหมื่นแก่นหินวิญญาณเท่านั้น หากจะกล่าวว่านางไม่จงใจเล่นงานเขาละก็ เขาไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน

“ใช่ ข้าจงใจ หากไม่คิดจะขานราคาเพิ่ม พยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้ก็จะตกเป็นของข้า”

ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ และการยั่วยุในน้ำเสียงของนางก็ชัดเจนอย่างที่สุด