บทที่ 1521 บังเอิญจริงๆ

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก พอคิดว่าตกอยู่ในมือของเจียงอีอี เมื่อครู่นี้ทุกคนก็ตกใจแล้วจริงๆ เป็นเพราะชื่อเสียงในด้านนั้นของโจรราคะประหลาดจนน่าตกใจ

ช่างไม้อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เถ้าแก่เนี้ย ทหารยามที่เฝ้าอยู่ข้างนอกถอนกำลังออกไปหมดแล้ว ท่านไม่ฉวยโอกาสย้ายที่สักหน่อยล่ะ?”

อวิ๋นจือชิวถอนหายใจยาว “ช่างมันเถอะ มีคนบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว ให้ข้าอยู่ที่นี่อย่างว่านอนสอนง่าย ไม่อย่างนั้นจะแตกคอกับข้า!”

ช่างไม้ ช่างหิน พ่อครัว บัณฑิตสบตากันแวบหนึ่ง ทุกคนพอจะเดาได้แล้วว่าเป็นใคร ในใจรู้สึกปลาบปลื้ม มิน่าล่ะ ที่แท้ก็เป็นเจ้าหมอนั่นที่ลงมือ ถ้ามีใครมาแตะต้องเมียของเขา เจ้าหมอนั่นก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนก้น ขนาดเรื่องบ้าบิ่นที่อุทยานหลวงเจ้าบ้านั่นยังทำได้เลย มีหรือที่จะเห็นหัวหน้าภาคคนเดียวอยู่ในสายตา ต่อไปหัวหน้าภาคฉู่นั่นได้เสียเปรียบแน่!

ในช่วงเวลานี้ โดนฉู่จื่อซานส่งคนล้อมไว้ คนกลุ่มหนึ่งอึดอัดแทบแย่ แต่ตอนนี้ดีแล้ว คนที่ระบายความโกรธให้มาแล้ว!

เฒ่าฟ่านกลับฟังไม่เข้าใจเงื่อนงำที่อยู่ในนั้น เพราะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของอวิ๋นจือชิวและเหมียวอี้ นึกเพียงว่าอวิ๋นจือชิวพูดถึงคนฝั่งลัทธิมาร จึงถามว่า “เถ้าแก่เนี้ย ไม่ทราบว่าตัวแสดงแทนคือใครกัน?” นี่ต่างหากคือสิ่งที่เขาสนใจ ไม่น่าเชื่อว่าตอนโผล่หน้ามาจะปิดบังได้แม้แต่เขา

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน พอแล้ว พวกเจ้าตามเชียนเอ๋อร์ออกไปเถอะ เชียนเอ๋อร์มีอะไรจะสั่งพวกเจ้า” อวิ๋นจือชิวเอ่ยเสียงเรียบ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกแล้ว นางหยิบม้วนหนังสือขึ้นมาอ่านต่อไป นางไม่จำเป็นต้องให้ลัทธิมารรู้เรื่องปีศาจจิ้งจอกพันหน้า

เฒ่าฟ่านยังอยากจะถามอะไรอีก แต่เชียนเอ๋อร์ยื่นมือเชิญแล้ว “ทุกคนตามข้ามา”

พวกช่างไม้ให้ความร่วมมือ หันตัวเดินตามไปแล้ว เฒ่าฟ่านที่อึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างทำได้เพียงเดินออกไป พอมาถึงด้านนอก เชียนเอ๋อร์ก็สั่งอะไรบางอย่าง ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก แค่บอกว่าอย่าเพิ่งเปิดเผยให้คนนอกรู้เรื่องที่อวิ๋นจือชิวโดนชิงตัวไป

จากนั้นหออวิ๋นฮว๋าก็กลับคืนสู่ความวงบ ทุกคนควรจะทำอะไรก็ทำอย่างนั้น

หลังจากเชียนเอ๋อร์กลับมาในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ อวิ๋นจือชิวก็แสร้งทำตัวสงบเยือกเย็นไม่ไหวแล้ว นางโยนม้วนหนังสือในมือ แล้วด่าว่า “สงสัยสิ่งที่ข้าสงสัยก่อนหน้านี้จะไม่ผิดเลยสักนิด เรื่องของเจียงอีอีนั่น เจ้าผีนั่นเป็นคนวางแผนจริงๆ ตอนนี้ข้างนอกคงจะรู้กันหมดแล้วว่าข้าโดนโจรราคะชิงตัวไป ไอ้เวรเอ๊ย! กลัวว่าชื่อเสียงข้าจะไม่เสื่อมเสียรึไง?”

“นายท่านคิดจะทำอะไรกันแน่คะ?” เชียนเอ๋อร์สงสัย

สีหน้าโกรธของอวิ๋นจือชิวเปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวลในชั่วพริบตาเดียว นางส่ายหน้าบอกว่า “ไม่รู้สิ เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้นแน่นอน พวกเจ้าก็รู้จักนิสัยของเจ้าหมอนั่นไม่ใช่เหรอ? เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ แล้วล่ะ! แต่เขาไม่ฟังที่ข้าเกลี้ยกล่อมเลย แล้วเขาก็ตั้งใจจะหลบหน้าไม่เจอข้าด้วย ชัดเจนว่ากลัวข้าจะห้าม แล้วข้าจะทำยังไงได้อีกล่ะ?”

เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ทำสีหน้ากลุ้มใจแล้ว พวกนางติดตามเหมียวอี้มาตั้งแต่ตอนเหมียวอี้ยังต่ำต้อย ย่อมรู้ว่าเหมียวอี้ไม่ใช่คนดีอะไร มีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ เรื่องเกิดขึ้นตอนใกล้จะถึง ‘วันมงคล’ พอดี ถ้าจะบอกว่าจะไม่มีเรื่องอื่นเกิดขึ้น แม้แต่พวกนางเอกก็ยังไม่เชื่อเลย!

ต้นไม้อย่างสงบแต่ลมกลับไม่หยุดพัด ข่าวที่เถ้าแก่เนี้ยหออวิ๋นฮว๋าโดนเจียงอีอีชิงตัวไปแพร่ออกไปแล้ว มีคนจากร้านค้าข้างเคียงมาสืบความจริงไม่หยุด

“ได้ยินว่าเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นโดนเจียงอีอีชิงตัวไปตอนอยู่นอกเมืองเหรอ?”

ผู้จัดการร้านรูปร่างอ้วนท้วนมองหาไปทั่วร้าน ทำไมดูเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลยล่ะ? เขาถึงได้มาตรงโต๊ะคิดเงินแล้วถามบัณฑิตอย่างแปลกใจ

บัณฑิตถลึงตาทันที แล้วด่าว่า “เถ้าแก่เจ้าน่ะสิที่โดนเจียงอีอีจับไป ยังไม่รีบกลับไปดูอีกเหรอ?”

ผู้จัดการร้านอ้วนหัวเราะเบาๆ คิดเพียงว่าฝั่งนี้แกล้งทำใจเย็นเพื่อให้คนนอกเห็น อย่างไรเสียการที่ผู้หญิงคนหนึ่งโดนเจียงอีอีจับไปก็ชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่วตลาดแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใส่ใจกับคำด่าของบัณฑิต จึงกุมหมัดคารวะแล้วขอตัวออกไป

“ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับเถ้าแก่เนี้ยของพวกเจ้าเหรอ?”

“ปากสุนัขไม่มีงาช้างงอกออกมาหรอก เกิดเรื่องขึ้นกับทั้งตระกูลเจ้าแล้ว!”

มีคนมา ‘เป็นห่วงเป็นใย’ ไม่ขาดสาย แล้วก็โดนด่ากลับไปไม่หยุด

ในดาราจักร คนชุดดำยังคงจี้ตัว ‘อวิ๋นจือชิว’ หลบหนี กำลังพลที่อยู่ข้างหลังก็ไล่ตามอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลโดยไม่ยอมปล่อย

อวิ๋นจือชิว’ ที่หันกลับไปมองเป็นครั้งคราวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถ่ายทอดเสียงบอกว่า “เมื่อครู่นี้ข้าตกใจแทบตาย จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายขนาดนี้มั้ย? ข้าน่องสั่นไปหมดแล้ว!”

“ขนาดข้ายังไม่กลัวเลย เจ้าจะกลัวอะไร?” คนชุดดำกล่าวเสียงเย็น

อวิ๋นจือชิว’ เลยบอกว่า “เกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ! อยู่ดีๆ ก็ดึงให้ข้าเอาชีวิตมาล้อเล่น กลับไปข้าจะบอกหนิวโหย่วเต๋อ ต่อไปไม่ต้องเรียกข้าไปทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว!”

คนชุดดำขี้คร้านจะสนใจนาง

อวิ๋นจือชิว’ ก้มหน้ามองตรงท้องที่เลือดไหลของตัวเอง ถึงแม้เสื้อผ้าจะถูกร่ายอิทธิฤทธิ์ทำให้ขาด แต่ความจริงเนื้อหนังของนางไม่ได้เสียหายเลยสักนิด นางอดไม่ได้ที่จะถามว่า “มีดสั้นด้ามนั้นไม่เลวเลยนะ ออกแบบได้เล็กประณีตจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะปิดบังสายตาคนมากมายขนาดนั้นได้ ข้าถือหัวตัวเองมาช่วยพวกเจ้าเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวกลับไปขอมีดสั้นด้ามนั้นให้ข้าดีมั้ย?”

“ไม่ใช่ของของข้า นายท่านให้ข้ามา ถ้าเจ้าอยากได้ก็ไปหานายท่านเองสิ” คนชุดดำตอบ

“เชอะ!”‘ ‘อวิ๋นจือชิว’ เชิดใส่

บนดาวเคราะห์ไร้ระเบียบดวงหนึ่งที่อยู่ไกลๆ หวงเสี้ยวเทียนที่อยู่ในถ้ำหินเห็นสองคนเหาะผ่านไปด้วยตาตัวเอง และไม่นานก็เห็นกำลังพลกลุ่มหนึ่งไล่ตามไปข้างหลัง แต่ก็แค่มองเฉยๆ ยังคงเฝ้ารออยู่ในนี้ต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน จนกระทั่งหัวหน้าภาคฉู่จื่อซานน่านฟ้าระกาติงนำกำลังพลกลุ่มหนึ่งเหาะผ่านไป เขาถึงได้เบิกตากว้างมองดูความเคลื่อนไหว ก่อนจะรีบหยิบระฆังดาราอันหนึ่งออกมา ไม่รู้ว่าติดต่อไปที่ไหน

ในจุดลึกของดาราจักร บนดาวรกร้างหนาวเย็นที่ไร้สิ่งมีชีวิตและชั้นบรรยากาศ ระหว่างหุบเขาที่ทอดตัวต่อเนื่องกันยาวเหยียด เหมียวอี้ที่แต่งตัวชุดลำลองเดินช้าๆ ออกมาจากถ้ำบนยอดเขา

ผู้บัญชาการใหญ่มู่อวี่เหลียนแห่งธงพยัคฆ์น้ำเงินที่รออยู่ด้านนอกหันตัวมองมา แล้วรีบกุมหมัดคารวะ “นายท่าน!” นางใส่ชุดลำลองเหมือนกัน

นางมองเหมียวอี้ด้วยแววตานับถือ ถ้าจะบอกว่าก่อนหน้านี้ยังรู้สึกไม่ยอม ตอนนี้ก็ยอมแล้วจริงๆ เป็นคนยอดเยี่ยมที่กล้าตบหน้าอ๋องสวรรค์อิ๋ง กล้าก่อเรื่องในพิธีรับสนมของราชันสวรรค์! ได้ยินว่าแม้แต่ผู้บัญชาการโพ่จวินแห่งหน่วยองครักษ์ซ้ายก็ยังออกหน้าปกป้องท่านนี้ด้วยตัวเองเลย ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ โดนขังอยู่ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์หนึ่งพันปี แต่ไม่น่าเชื่อว่ายังจะรอดชีวิตกลับมาได้ เมื่อนำเรื่องพวกนี้มารวมกัน ก็พบว่าเจ๋งจนแทบบ้าไปเลย!

ถ้าเปลี่ยนเป็นนาง ต่อให้ตีให้ตายก็ไม่กล้าลองทำแบบนั้น ถ้านางทำผิดเรื่องนั้น ก็คงจะตายแหงแก๋แน่นอน

“คนกลับมาแล้วรึยัง?” เหมียวอี้ถามอย่างใจเย็น

มู่อวี่เหลียนตอบว่า “พักผ่อนปรับปรุงกำลังที่ดาวจิ่วหวนสักระยะแล้ว พอได้รับคำสั่งนายท่านก็กลับมาหมด กำลังพลห้ามหมื่นไม่ขาดไปสักคน กำลังรอคำสั่งระดมพลจากนายท่านอยู่ ไม่ทราบว่านายท่านจะสั่งอะไร?”

เหมียวอี้ตอบว่า “ไม่มีอะไรจะสั่งหรอก ข้าจะผ่านทางนี้ ก็เลยให้พวกเจ้าที่อยู่ดาวจิ่วหวนรวมตัวกันมาเจอข้าสักหน่อย ให้เวลาพวกเจ้าเตรียมตัวนานขนาดนี้ คาดว่าพวกพี่น้องที่ซื้อของใช้ส่วนตัวที่ตลาดสวรรค์คงจะซื้อขายกันเสร็จแล้วใช่มั้ย?”

“นายท่านออกคำสั่งมาได้เลย!” มู่อวี่เหลียนกล่าว

“ให้ทุกคนเตรียมตัวออกเดินทางก็แล้วกัน กลับไปเปลี่ยนผลัดป้องกันที่อุทยานหลวง” เหมียวอี้บอกนาง

“รับทราบ!” มู่อวี่เหลียนกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง แต่กลับเห็นเหมียวอี้หยิบระฆังดาราออกมาไว้ในมือ มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ แสยะหัวเราะสองที “บังเอิญจริงๆ!”

“นายท่าน เป็นอะไรไปแล้ว?” มู่อวี่เหลียนอดถามไม่ได้

“โจรราคะเจียงอีอี เจ้าเคยได้ยินชื่อรึเปล่า?” เหมียวอี้ถาม

มู่อวี่เหลียนอึ้งทันที  “เคยได้ยินค่ะ ไม่กี่วันก่อนตอนตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนก็ถูกปิดและตรวจค้นร้านค้าเพราะเจียงอีอี ข้าน้อยก็อยู่ในเมือง เรียกได้ว่าแตกตื่นกันมาก”

เหมียวอี้เผยระฆังดาราในมือ “ได้รับข่าวมา ว่าเจียงอีอีจับตัวผู้หญิงคนหนึ่งหนีมาทางพวกเรา แค่สองคน ข้ากำลังคิดว่าจะถือโอกาสจัดการดีมั้ย?”

มู่อวี่เหลียนตาเป็นประกาย แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่านส่านาดีจริงๆ เพิ่งจะออกจากแดนดึกดำบรรพ์ก็มีผลงานมาส่งให้ตรงหน้าแล้ว เจียงอีอีคนนี้ล่วงเกินขุนนางทั้งระดับบนระดับล่างของตำหนักสวรรค์เอาไว้ไม่น้อยเลย ถ้าจัดการเขาได้จริงๆ ก็เรียกได้ว่าเป็นผลงานใหญ่!”

เหมียวอี้ขมวดคิ้ว “แต่พวกเรายังไม่ได้รับคำสั่ง ไปจับโจรในอาณาเขตคนอื่นโดยพลการจะเหมาะสมรึเปล่า?”

มู่อวี่เหลียนยิ้มพร้อมตอบว่า “พวกเราไม่ได้เพ่นพ่านไปทั่วเพื่อจับผู้ร้ายหลบหนีเสียหน่อย อีกฝ่ายตกมาอยู่ในมือพวกเราเอง ถ้าปล่อยไปก็อาจจะโดนคนอื่นตำหนิด้วยซ้ำ นายท่าน โจรราคะนี่ลงมือกับคนในครอบครัวขุนนางโดยเฉพาะ ครั้งนี้ไม่รู้ว่าว่าเขาจี้ชิงตัวคนในครอบครัวของขุนนางท่านไหน ถ้านายท่านช่วยไว้ได้ อีกฝ่ายจะต้องซาบซึ้งใจแน่นอน”

เหมียวอี้เหล่ตาถาม “เจ้าหมายความว่า ไม่เป็นไรเหรอ? ทำแบบนี้ได้เหรอ?”

มู่อวี่เหลียนตอบว่า “เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลค่ะ จะเป็นอะไรไปได้ ผลงานมาส่งให้ถึงมือแล้ว ถ้าไม่เอาก็เสียของเปล่าๆ นะ”

เหมียวอี้จึงพยักหน้า “ก็ได้! แต่ก็ต้องระวังตัวไว้หน่อยนะ เจียงอีอีคนนี้รอดจากการจับกุมของตำหนักสวรรค์หลายรอบ เกรงว่าคงจะไม่ธรรมดา ถ้าจับได้ก็ดี แต่ถ้าจับไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องไล่ตตาม จะไม่ได้ไม่ต้องมีเรื่องเยอะ ข้าเพิ่งจะถูกปล่อยตัวมา ไม่อยากก่อเรื่องอีก ถ่ายทอดคำสั่งลงไปด้วย บอกพวกพี่น้องว่าอย่าเปิดเผยตัวตน”

“รับทราบ!” มู่อวี่เหลียนเอ่ยรับคำสั่งแล้วออกไป แต่ในใจก็ยังพึมพำว่า ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะไม่อยากก่อเรื่อง? ที่ผ่านมาเจ้าก่อเรื่องน้อยไปเหรอ?

รอได้ไม่นาน คนชุดดำในจี้ชิงตัวผู้หญิงคนหนึ่งในดาราจักรก็เหาะมาทางนี้ และบนดาวเคราะห์ที่อยู่ทางนี้ก็มีกำลังพลหนึ่งพันเหาะออกมาอย่างรวดเร็ว แบ่งกลุ่มแปดกลุ่มกระจายเข้าไปแปดทิศทาง ล้อมไปยังผู้ที่มา

มู่อวี่เหลียนที่ตามติดอยู่ข้างกายเหมียวอี้และกำลังไปรับมือกับข้างหน้ากล่าวอย่างกังวลว่า “นายท่าน ข้างหลังพวกเขายังมีกำลังพลของตำหนักสวรรค์ตามมาด้วย!”

ทางนี้รู้แล้วว่าข้างหลังมีกำลังพลหลายร้อยตามมา

เหมียวอี้แสยะยิ้ม “ในเมื่อลงมือแล้ว งั้นถ้าใครแย่งผลงานไปได้ ผลงานก็เป็นของคนนั้น ได้ยินชื่อเสียงของเจียงอีอีมานานแล้ว รอข้าไปเจอสักหน่อยเถอะ!” เขาสวมเกราะรบบนตัว ในมือถือทวนเกล็ดย้อนพุ่งเข้าไปสุดแรงเกิด

มู่อวี่เหลียนตกใจมาก กลัวว่าเขาจะทำพลาด

คนชุดดำที่จี้จับคนตรงหน้าก็ดันไม่หยุดพักเลย ดันทุรังพุ่งเข้ามา

วินาทีที่ชนปะทะกัน ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็เห็นเหมียวอี้ควงกระจกบานใหญ่ออกมา คนชุดดำที่จี้จับตัวประกันโบกดาบต้านไว้ แต่ฟันเข้าไปแล้วเจอความว่างเปล่า กระจกนั้นราวกับคลื่น ทั้งตัวถูกกวาดเข้าไปในกระจก แม้แต่ตัวประกันก็หายไปด้วยเช่นกัน

เหมียวอี้สะบัดกระจกในมือ ทำให้กระจกทองแดงหดกลับมาอยู่ในขนาดปกติ แล้วหันหน้ากลับมา

มู่อวี่เหลียนที่กลัวว่าเขาจะทำพลาดจึงรีบตามมาตะลึงงันทันที แค่นี้ก็เสร็จแล้วเหรอ?

กำลังพลหลายร้อยที่ตามติดมาข้างหลังรีบหยุดอยู่กลางอากาศ ไม่ใช่เพราะอะไร เพียงแต่เผชิญหน้ากับกำลังพลหนึ่งพันกว่าที่แต่งตัวแตกต่างกันไป ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน แต่เมื่อเทียบกับคนฝั่งนี้แล้ว จะเข้าไปปะทะง่ายๆ ได้อย่างไร ยังไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น เจียงอีอีกับ ‘อวิ๋นจือชิว’ ก็หายไปแล้วเหรอ?

เมื่อเห็นกำลังพลกลุ่มนั้นเลี้ยวไป กำลังพลนับร้อยฝั่งนี้ก็ตามไปอีก ทหารแซ่คังที่นำทัพมาพุ่งไปอยู่ข้างหน้าสุด แล้วตะโกนถามว่า “ใครมันบังอาจขัดขวางตำหนักสวรรค์จับกุมผู้ร้ายหลบหนี?”

…………………………