บทที่ 1522 เข้าใจผิดบรรพบุรุษเจ้าสิ

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

และในขณะนี้เอง ที่ดาราจักรด้านหลังก็มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาอีก เร่งความเร็วยิ่งกว่าเดิม ทั้งหมดสวมเครื่องแบบแม่ทัพเกราะม่วง ชั่วพริบตาเดียวก็ตามทัพกำลังพลที่อยู่ข้างหน้าแล้ว เป็นฉู่จื่อซานที่นำคนตามมาทัน ฉู่จื่อซานเองก็เห็นกำลังพลนับพันที่แต่งตัวหลายแบบข้างหน้าเช่นกัน กำลังพลที่ทหารแซ่คังนำมาแบ่งไปอยู่ทางซ้ายและขวา ให้เขาก้าวไปข้างหน้า

ฉู่จื่อซานที่ตามขึ้นมาอยู่ข้างกายคังถามแสกหน้าทันทีว่า “นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? กำลังพลมาจากไหน?”

“ไม่ทราบขอรับ!” นายทหารคังรีบเล่าสถานการณ์เมื่อครู่ให้ฟังคร่าวๆ

“ล้อมเอาไว้!” ฉู่จื่อซานหันซ้ายหันขวาออกคำสั่งทันที กำลังพลกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าโผล่ออกมากลางอากาศ ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นทัพใหญ่หนึ่งหมื่น จากนั้นแบ่งกำลังพลออกเป็นหลายสาย เข้าไปล้อมไว้อย่างรวดเร็ว

“นายท่าน พวกเขามีกำลังหนุนมาด้วย!” มู่อวี่เหลียนที่เหาะตามมาด้วยหันกลับไปมองกำลังพลข้างหลังที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า นางถามเหมียวอี้แล้ว กำลังสื่อว่าจะทำอย่างไรต่อไป

เหมียวอี้ก็หันกลับไปมองเช่นกัน ในใจแสยะยิ้ม นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมายของเขาอยู่แล้ว คนชุดดำที่จี้ตัว ‘อวิ๋นจือชิว’ ก่อนหน้านี้นำทหารที่ไล่ตามวนอ้อมท้องฟ้าตลอดทาง รอให้ฉู่จื่อซานมาก่อนแล้วถึงค่อยมาทางนี้

“มีกำลังหนุนแล้วยังไงล่ะ จะให้ข้านำผลงานที่ข้าคว้ามาได้แล้วส่งให้พวกเขาเหรอ?” เหมียวอี้แสยะยิ้ม แต่จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นบอกว่า “ถึงแม้จะไม่ได้อยู่สายเดียวกัน แต่ถึงยังไงทุกคนก็เป็นคนของตำหนักสวรรค์เหมือนกัน ข้าเองก็ไม่อยากก่อเรื่อง แจ้งพวกพี่น้องว่าให้รั้งทัพรอก่อน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็ห้ามใครทำอะไรโดยพลการ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะรับผิดชอบไม่ไหวที่เป็นฝ่ายหาเรื่อง ใครขัดคำสั่ง ประหาร!”

“รับทราบ!” มู่อวี่เหลียนรีบหยิบระฆังดาราขึ้นมาถ่ายทอดคำสั่งให้ผู้บัญชาการแต่ละกอง

ผ่านไปไม่นาน เหมียวอี้ก็นำคนกลับไปบนยอดเขาที่ดวงดาวรกร้างแล้ว

บนท้องฟ้าเหนือแนวภูเขาที่ทอดยาวเหยียดสูงต่ำสลับกัน ทหารสวรรค์ประชิดเข้ามาใกล้ ถืออาวุธเรียงรายอยู่ข้างบน ทัพใหญ่หนึ่งหมื่นหยุดนิ่งอยู่กับที่แล้วมองลงมา จ้องมองด้านล่างอย่างดุร้ายราวกับเสือ

“ใครกันบังอาจมากำเริบเสิบสานที่นี่!” ฉู่จื่อซานที่มองลงมาตะโกนถามเสียงดังเกรี้ยวกราดราวกับอัสานีบาตฟาดเปรี้ยง

เหมียวอี้ที่ยืนอยู่หน้าถ้ำชำเลืองมองบนท้องฟ้าแวบหนึ่ง เขามองหัวหน้าภาคที่อยากได้ผู้หญิงของตัวเองให้แจ่มแจ้งชัดเจน สีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ขี้คร้านจะสนใจ ข้างกายเขาก็มีกำลังพลนับพันคุ้มครองอยู่เช่นกัน

และกำลังพลนับพันทางซ้ายและขวาก็สงบนิ่งเยือกเย็นมาก ไม่มีอะไรให้กลัว แถวนี้ซ่อนทัพใหญ่ห้าหมื่นของกองมังกรดำเอาไว้ กำลังพลแค่หนึ่งหมื่นของอำนาจท้องถิ่นไม่อยู่ในสายตาอยู่แล้ว

เหมียวอี้โบกกระจกทองแดงแล้วร่ายอิทธิฤทธิ์สะบัด คนชุดดำกับ ‘อวิ๋นจือชิว’ โซเซออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนอยู่ในกระจกโดนอะไรมาบ้าง เอาเป็นว่าเหมียวอี้ลงมือเร็วมาก ควบคุมทั้งสองไว้ได้อย่างสบายมาก

ยังไม่ต้องสนใจคนชุดดำ เหมียวอี้ยกมือเปิดหมวกมุ้งบนศีรษะ ‘อวิ๋นจือชิว’ พอโยนหมวกทิ้งและเห็นหน้าตาของ ‘อวิ๋นจือชิว’ ชัดเจน ก็เห็นได้ชัดว่าอึ้งไปเลย ถามว่า “เป็นเจ้าเหรอ?”

แต่ใครจะคิดว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ กลับก้มหน้าอย่างลนลาน

“นายท่าน ท่านรู้จักนางเหรอคะ?” มู่อวี่เหลียนสงสัย

เหมียวอี้บอกว่า “ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวน เถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นจือชิว ร้านโฉมเมฆา ข้าจะไม่รู้จักได้ยังไง คนคุ้นเคยกัน!”

“เอ่อ…” มู่อวี่เหลียนชะงักทันที ถ้าจำไม่ผิด นี่คงจะเป็นท่านนั้นที่เคยมีข่าวลือชู้สาวกับท่านแม่ทัพภาคสินะ?

กำลังพลที่อยู่ทางซ้ายและขวาได้ยินแล้วมองมา เห็นได้ชัดว่าเคยได้ยินเรื่องของท่านแม่ทัพภาคมาก่อน

ฉู่จื่อซานที่อยู่บนฟ้าใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองแวบหนึ่ง พอเห็นว่าผู้หญิงที่อยู่ในถ้ำเป็น ‘อวิ๋นจือชิว’จริงๆ เขาก็ทั้งตกใจทั้งดีใจ ดีใจที่เห็นว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ ยังไม่เป็ฯอะไร แต่ตกใจที่ ‘อวิ๋นจือชิว’ และเจียงอีอีล้วนตกอยู่ในมือของบุคคลนิรนาม ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยังปกป้อง ‘อวิ๋นจือชิว’ ไว้ได้หรือเปล่า จึงตะโกนอย่างโมโหทันที “ปล่อยสองคนนั้นมาเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไร้ความเมตตา!”

เหมียวอี้ไม่สนใจเขาเลย แต่กลับจ้องใบหน้าอวิ๋นจือชิวพลางอุทาน “เอ๋” แล้วถกล่าวอย่างแปลกใจ “ไม่ถูกสิ!”

มู่อวี่เหลียนมองท้องฟ้า แล้วก็มองไปที่เหมียวอี้อีก “นายท่าน อะไรไม่ถูกคะ?”

เหมียวอี้ไม่ตอบนาง แต่ยื่นมือไปบีบใบหน้าข้างซ้ายและขวาของ ‘อวิ๋นจือชิว’ ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ยื่นมือไปบีบหน้าอกของ ‘อวิ๋นจือชิว’ ด้วย จากนั้นก็อ้อมไปข้างหลัง ‘อวิ๋นจือชิว’ แล้วบีบก้นของ ‘อวิ๋นจือชิว’ สรุปก็คือลูบคลำไปทั่วร่างกาย ‘อวิ๋นจือชิว’ ท่ามกลางสายตาฝูงชน

พวกลูกน้องที่อยู่ทางซ้ายและขวาทำสีหน้าแปลกๆ มู่อวี่เหลียนที่ตกตะลึงอ้าปากค้างก็เมาแล้ว…นี่นายท่านไม่สนใจผลกระทบเกินไปรึเปล่า มีคนดูอยู่ตั้งเยอะนะ!

“อือ…อือ…” ส่วน ‘อวิ๋นจือชิว’ ก็ทำสีหน้าเศร้าโศก บิดตัวไปมาอยู่ภายใต้เงื้อมมือมารของเหมียวอี้ แต่ช่วยไม่ได้ที่เมื่อครู่นี้โดนเหมียวอี้ควบคุมไว้ มีหรือที่จะดิ้นรนพ้น พูดก็พูดไม่ได้ ได้แต่ทำเสียงอู้อี้อยู่อย่างนั้น

ที่จริงแผนเดิมไม่มีการทำแบบนี้ จะไม่ให้นางเศร้าโศกได้ยังไงล่ะ!

สุดท้ายเหมียวอี้ก็บีบคางนาง แล้วพลันหรี่ตาถาม “ตัวปลอม! เจ้าไม่ใช่อวิ๋นจือชิวเลย บอกมา เจ้าเป็นใคร?”

“ตัวปลอม…” มู่อวี่เหลียนงุนงง คนที่อยู่ทางซ้ายและขวาก็งงเหมือนนาง อ๋อเข้าใจแล้ว สงสัยนายท่านจะไม่ได้ล่วงเกิน แต่กำลังตรวจสอบความจริงต่างหากล่ะ แต่ที่แปลกก็คือ ทำไมพอนายท่าน ‘ล่วงเกิน’ บนร่างกายผู้หญิงคนนี้นิดเดียวก็ตัดสินได้แล้วล่ะ อย่าบอกนะว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริง นายท่านกับอวิ๋นจือชิวได้กันแล้วเหรอ?

แล้ว ‘อวิ๋นจือชิว’ จะพูดได้อย่างไรล่ะ ในดวงตาสองข้างเหมือนมีไฟลุก ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยากพุ่งเข้าไปเอาชีวิตเหมียวอี้

กำลังพลนับหมื่นที่แน่นขนัดอยู่บนฟ้าเงียบงัน มีคนไม่น้อยแอบส่งสายตาให้กัน นี่คือผู้หญิงที่ท่านหัวหน้าภาคกำลังจะแต่งงานด้วยนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนแบบนี้ต่อหน้าฝูงชน…

ฉู่จื่อซานที่ลอยอยู่บนฟ้าหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง สีหน้าเศร้าโศกคับแค้นเปลี่ยนเป็นดุร้ายแล้ว เห็นฉากนี้กับตาจนตาแทบจะถลนออกมา

ผู้หญิงที่เขากำลังจะรับกลับไปแต่งงานด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกล่วงเกินท่ามกลางลูกน้องมากมายขนาดนี้ ความอัปยศอดสูนี้ทำให้เขาโมโหจนแทบจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว ทั้งชีวิตนี้ยังไม่เคยได้รับความอัปยศมากมายขนาดนี้มาก่อน อัปยศอดสู! เป็นความอัปยศอันใหญ่หลวง!

หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เขาฉู่จื่อซานก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะแล้ว!

พรึ่บ! ฉู่จื่อซานโบกมือคว้าทวนยาวด้ามหนึ่งออกมา แล้วตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เตรียมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์!”

วูบ! กำลังพลหลายร้อยในทัพใหญ่หนึ่งหมื่นหยิบธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาตั้งไว้ แล้วเล็งไปด้านล่าง!

ทุกคนข้างล่างเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ เหมียวอี้มองขึ้นไปอย่างเย็นเยียบ พบว่าคนข้างบนที่ในมือถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มีไม่น้อยเลยจริงๆ สงสัยกำลังพลที่กองทัพองครักษ์ย้ายไปสนับสนุนกำลังพลท้องถิ่นจะมีไม่น้อย เขาจึงเอียงหน้ามาขานรับมู่อวี่เหลียน “อืม” ทันที

มู่อวี่เหลียนรีบตะโกนว่า “ป้องกัน!”

ตรงนี้เพิ่งจะเอ่ยคำสั่ง ฉู่จื่อซานกฌโบกทวนชี้ไปทางเหมียวอี้อย่างเกรี้ยวกราดแล้ว “ตาย!”

จะใช่ ‘อวิ๋นจือชิว’ หรือไม่ใช่ ‘อวิ๋นจือชิว’ จะใช่เจียงอีอีหรือไม่ใช่เจียงอีอี ถ้าฆ่าเจียงอีอีแล้วก็เป็นผลงานของเขา เมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้กับ ‘อวิ๋นจือชิว’ แล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรับกลับไปแต่งงานด้วยอีก และไม่มีทางเก็บความอับอายอย่าง ‘อวิ๋นจือชิว’ เอาไว้ด้วย เรียกได้ว่าออกคำสั่งทันที เตรียมจะกำจัดพร้อมกันทีเดียว!

เฟี้ยวๆๆๆ…

ชั่วพริบตาเดียว ลำแสงหลายร้อยสายก็ถล่มยิ่งเข้ามาราวกับห่าฝน แล้วบิดสั่นกระเพื่อมราวกับภาพมายา

แทบจะเป็นชั่วพริบตาเดียวกับตอนที่ลูกธนูยิงออกมา ฉู่จื่อซานที่กำลังจ้องด้านล่างพลันเบิกตากว้าง เพราะเขาพบว่าจู่ๆ กำลังพลด้านล่างก็เผยโล่กำบังออกมาหมด ไม่ใช่โล่กำบังธรรมดา แต่เป็นโล่กำบังแบบของตำหนักสวรรค์

“คุ้มกันนายท่าน!” มู่อวี่เหลียนตะโกนสั่งอย่างร้อนใจ แน่นอนว่าทำไปเพื่อปกป้องตัวเองด้วย

กำลังพลนับพันรีบยกโล่ขึ้นมากำบังซ้อนกันหลายชั้น คุ้มครองเหมียวอี้ที่อยู่ตรงกลางเอาไว้หลายชั้น ปกป้องอย่างแน่นหนาจนลมพัดผ่านไม่ได้

เหมียวอี้ที่อยู่ตรงกลางรีบลงมือเก็บคนชุดดำกับ ‘อวิ๋นจือชิว’ เอาไว้

บึ้มๆๆ…

เสียงระเบิดที่เนืองแน่นดังเขย่าดาราจักร ภายใต้การโจมตีรวมของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่ง โล่กำบังถูกทำให้ระเบิดชั้นแล้วชั้นเล่า ภูเขาลูกใหญ่ข้างล่างเอนล้มพังทลาย แนวภูเขาโดยรอบก็ถล่มลงเพราะถูกอานุภาพที่หลงเหลือจากการโจมตีเช่นกัน ฉากนั้นราวกับฟ้าถล่มดินทลาย

โลกำบังถูกทำลายต่อเนื่องสามชั้น คนมากมายสิ้นชีพอยู่ภายใต้ลูกธนูดาวตก มีคนไม่น้อยได้รับบาดเจ็บ เหมียวอี้กัลมู่อวี่เหลียนที่ถูกกำบังไว้หลายชั้นไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่ทั้งสองหน้าดำคร่ำเครียด โดยเฉพาะมู่อวี่เหลียน เมื่อเห็นกำลังพลธงพยัคฆ์น้ำเงินของตัวเองโดนกำลังพลของตำหนักสวรรค์สังหาร ยังไม่ทันอธิบายอะไรให้ชัดเจนก็ลงมือกับพวกเขาแล้ว ทำให้นางเดือดดาลจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รีบสวมเกราะรบ

ทัพใหญ่หลายหมื่นในแนวภูเขารอบด้านที่ได้รับคำสั่งให้อยู่เฉยๆ ตอนนี้ไม่มีทางใจเย็นต่อไปได้อีก ตอนนี้ฟ้าถล่มดินทลายแล้ว จะซ่อนตัวอย่างไรได้อีก ทยอยกันโผล่ออกมจากภูเขาหินที่พังถล่ม

กลุ่มคนที่อยู่บนฟ้าก็ตะลึงค้างเช่นกัน พอเห็นโล่ตำหนักสวรรค์ที่อยู่ด้านล่างก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล เมื่อดูอีกทีก็เห็นกระบวนทัพตั้งรับป้องกันตามวิธีการของกองทัพองครักษ์ คนไม่น้อยที่มีพื้นเพมาจากกองทัพองครักษ์รู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งนี้มาก และกำลังพลหลายหมื่นที่โผล่มาจากรอบด้านอย่างแน่นขนัดก็ยิ่งทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญแขวน พอจะรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!

สีหน้าอับอายโมโหของฉู่จื่อซานหายไปแล้วเช่นกัน เขาอ้าปากเล็กน้อย ใบหน้าราวกับโดนตะคริวกิน

หลังจากโดนโจมตีไประลอกหนึ่ง คนที่อยู่ข้างบนก็เก็บลูกธนูดาวตก ไม่รีบรุกโจมตีอีกแล้ว หันไปมองที่ฉู่จื่อซานพร้อมกัน กำลังรอคำสั่ง!

“หลีกไป!” เหมียวอี้ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด แยกคนที่ถือโล่ปกป้องเขาอยู่ออกไป เปิดเผยตัวตนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เห็นเพียงเขาหันซ้ายหันขวา มองดูลูกน้องที่โดนลากบ้างหรือบาดเจ็บล้มตายบ้าง จากนั้นเงยหน้ามองขึ้นฟ้าทันที แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดังสะเทือนฟ้า “กองมังกรดำทุกคนฟังคำสั่ง มีศัตรูโจมตี เตรียมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์!”

ทำให้กำลังพลน่านฟ้าระกาติงที่รุกโจมตีกลายเป็นศัตรูที่โจมตีทันที!

ชั่วพริบตาเดียวก็มีเสียงดังเป็นแถบ ทัพใหญ่ที่หนาแน่นลอยขึ้นมาบนท้องฟ้ารอบด้าน ทั้งหมดสวมเกราะรบ ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นนักรบห้าหมื่นนายแล้ว พวกเขาลอยขึ้นบนฟ้าสูงอีกครั้ง จากนั้นจัดกระบวนทัพ ลูกธนูดาวตกหลายหมื่นตั้งอยู่บนสายแล้ว กำลังพลจากสี่ด้านแปดทิศเข้ามาล้อมไว้แล้ว

กระบวนทัพนี้ ทำให้พวกฉู่จื่อซานตระหนกจนใจสั่น ยังไม่ต้องพูดถึงความต่างด้านจำนวนคน ฝั่งนี้มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เพียงไม่กี่ร้อยคัน แต่อีกฝ่ายกลับมีหลายหมื่นคันล้อมเอาไว้ ในฐานะที่มีพื้นเพมาจากกองทัพองครักษ์ ย่อมรู้ถึงอานุภาพยามธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หลายหมื่นคันโจมตีร่วมกัน ต่อให้เป็นยอดฝีมือบงกชกลายทั่วไปก็ทนไม่ไหว!

พอได้ยินหัวหน้าของอีกฝ่ายตะโกนว่า ‘ทุกคนของกองมังกรดำ’  มีหรือที่จะไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว! คนที่สามารถใช้ป้ายกองมังกรดำได้ ถ้าไม่ใช่คนของหน่วยองครักษ์ซ้ายก็เป็นคนของหน่วยองครักษ์ขวา สรุปก็คือทุกคนเป็นคนของกองทัพองครักษ์ ในฐานะที่เป็นคนของอำนาจท้องถิ่น ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่แยกแยะขาวดำลงมือสังหารกำลังพลของกองทัพองครักษ์ข้างกายราชันสวรรค์เสียแล้ว ปัญหานี้ใหญ่โตแล้วจริงๆ!

ฉู่จื่อซานมึนตึ้บ ในเวลานี้การปกป้องชีวิตตัวเองคือเรื่องสำคัญ รีบตะโกนว่า “ผู้น้อยหัวหน้าภาคฉู่จื่อซานแห่งน่านฟ้าระกาติง เพิ่งย้ายออกมาจากหน่วยองครักษ์ขวาไม่นาน ไม่ทราบว่าท่านเป็นสหายกองไหนของกองทัพองครักษ์? วันนี้มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย ได้โปรดฟังฉู่ค่อยๆ อธิบายเถอะ!”

“บรรพบุรุษเจ้าสิ!” เหมียวอี้ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด แกร๊ง! เขาโบกทวนเคาะโล่ในมือลูกน้องที่อยู่ข้างกาย “ข้าเผยฐานะของตำหนักสวรรค์แล้ว แต่เจ้ามันชาติหมากล้าปล่อยคำสั่งยิงธนู เป็นเพราะข้าไม่เผยกำลังพล เจ้าเลยคิดจะฆ่าปิดปากเหรอ?”

ฉู่จื่อซานรีบโบกมือ “เข้าใจผิด! สหายชื่อแซ่อะไร? นี่เป็นความเข้าใจผิดแน่นอน!”

“เข้าใจผิดบรรพบุรุษเจ้าสิ!” เหมียวอี้โบกทวนชี้ขึ้นฟ้า “กองมังกรดำทุกคนฟังคำสั่ง ฆ่าไม่ละเว้น! ยิงธนู!”

…………………………