บทที่ 1884 ชื่อเสียงแพร่กระจาย

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1884 ชื่อเสียงแพร่กระจาย

 

แผนการซุ่มโจมตีเกาะบัวหินของฟางหยวนจบลงแล้ว

 

บรรยากาศในห้องโถงใหญ่ของวิหารกลางเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

 

“ในช่วงเวลาสําคัญกู้หลิวลู่เสี่ยงชีวิตปิดกั้นเรือรบหมื่นปี นั่นทําให้ข้ารอดชีวิตมาได้” เทพธิดาเก่าวิญญาณกล่าวพร้อมกับกระอักเลือด

 

น้ําตาไหลออกมาจากดวงตาของนางเมื่อนางคิดถึงฉากที่กู้หลิวรู้ปกป้องนางด้วยชีวิตของเขา

 

เทพธิดาเก่าวิญญาณอยู่ในชุดคลุมยาวเปื้อนเลือด ร่างกายของนางเต็มไปด้วยบาดแผล

 

การต่อสู้ในสายธารแห่งกาลเวลา วังสวรรค์เป็นฝ่ายได้เปรียบในตอนต้น แต่พวกเขากลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ในตอนท้าย คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งหกหลังถูกทําลาย มีเพียงเทพธิดาเก่าวิญญาณกับฟงจิวเก้อเท่านั้นที่สามารถหลบหนี

 

ฟงจิวเก้ออยู่ในห้องโถงแห่งนี้เช่นกัน การแสดงออกของเขาค่อนข้างมืดมน เขาสูญเสียภาพลักษณ์ที่เย็นชา และสง่างามไปอย่างสมบูรณ์

 

เทพธิดาจ่อเว่ยถอนหายใจ นางสั่งให้พวกเขาไปพัก

 

นางทราบผลการต่อสู้แล้ว นางเรียกเทพธิดาเก่าวิญญาณและฟงจิวเก้อมาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเท่านั้น

 

“ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะได้รับเกาะบัวหินไปนานแล้ว เขาทําได้อย่างไร? เราไม่รู้สึกถึงมันเลย” เทพธิดาจnjอเว่ยอนุมานอย่างเงียบๆแต่ไม่พบค่าตอบ

 

วังสวรรค์พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ พวกเขาตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวนและพบความสูญเสียที่รุนแรงอีก

 

ราชันมังกรเผยรอยยิ้มขมขึ้น “เราคาดเดาไว้แล้วว่าฟางหยวนอาจได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงไปแล้ว ในการต่อสู้ครั้งก่อนเรือรบหมื่นปีถูกบังคับให้หลบหนี แต่ดูเหมือนฟางหยวนจะตั้งใจทําเช่นนั้นเพื่อหลอกลวงพวกเรา เราจัดฉากแย่งชิงวังมังกรและการต่อสู้ในสายธารแห่งกาลเวลาครั้งก่อนเพื่อทําให้เราดูแคลนเขา ปีศาจตนนี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก!”

 

“แล้วฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงเมื่อใด? หากเขาได้รับมันมานานแล้ว นั่นจะเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวมาก” เทพธิดาจnjอเว่ยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกหนาวเย็นไปถึงแกนกระดูก

 

ตอนนี้วังสวรรค์กําลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากล่ามาก

 

อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับมันและไม่สามารถหลีกเลี่ยง

 

ราชันมังกรกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แม้ฟางหยวนจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงและครอบครองสนามรบสิบสองราศี แต่เราก็ยังต้องส่งกองกําลังเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาต่อไป!”

 

นี่เป็นเรื่องปกติ

 

มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงมีมากกว่าหนึ่ง หากฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงสองหรือสามส่วน เขาจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้น

 

จากมุมมองของวังสวรรค์ สายธารแห่งกาลเวลาเป็นพื้นที่สําคัญที่พวกเขาต้องปกป้อง สถานการณ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงไปหลังจากวิญญาณชะตากรรมฟื้นตัวขึ้น แต่ตอนนี้วังสวรรค์ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง พวกเขาต้องสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะหกหรือกระทั่งสิบหลังเพื่อภารกิจนี้!

 

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้าและแสดงออกอย่างจริงจัง นางมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับราชันมังกร

 

“แต่…” เทพธิดาจ๋อเว่ยแสดงท่าทางลําบากใจ

 

มีปัญหาบางอย่าง

 

หากพวกนางต้องการส่งกองกําลังเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลา วิธีที่ดีที่สุดคือการส่งผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งการเวลาเข้าไป

 

อย่างไรก็ตามรากฐานบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของวังสวรรค์อ่อนแอมาก

 

โดยปราศจากผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา พวกเขาต้องชดเชยมันด้วยคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

 

ครั้งนี้วังสวรรค์สูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหกหลัง นี่เป็นการสูญเสียที่รุนแรงเกินไป พวกเขาต้องสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะขึ้นมาใหม่ทั้งหมดและต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจํานวนมาก

 

แม้เทพธิดาเก่าวิญญาณและฟงจิวเก้อจะยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขาไม่ได้นําวิญญาณอมตะกลับมามากนัก

 

วังสวรรค์จําเป็นต้องหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจํานวนมากเพื่อสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะขึ้นมาใหม่

 

ในแง่ของทรัพยากรอมตะ มันไม่ใช่ปัญหา

 

วังสวรรค์ดํารงอยู่มานานถึงสามล้านปี คลังสมบัติของมันถูกแบ่งออกเป็นสามหลังคือต้น กลาง และปลาย คลังสมบัติแต่ละหลังเป็นตัวแทนของช่วงเวลาหนึ่งล้านปี สมบัติที่พวกเขาสะสมเอาไว้ในแต่ละช่วงเวลาถูกเก็บอยู่คลังสมบัติแต่ละหลัง

 

คลังสมบัติหนึ่งล้านปีของวังสวรรค์เก็บสมบัติไว้มากกว่าคลังสมบัติของสิบนิกายโบราณรวมกัน

 

เพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ระดับแปด ปีศาจอมตะเซี่ยหูถึงกับล้มละลาย กระทั่งรากฐานในปัจจุบันของฟางหยวน เขาก็ยังไม่กล้าหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด กองกําลังใหญ่ทั่วไปต้องใช้รากฐานเกือบทั้งหมดของพวกเขาในการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด แต่สําหรับวังสวรรค์ พวกเขาสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดมากกว่าสิบดวงได้โดยไม่หวั่นไหว

 

วังสวรรค์ไม่ขาดแคลนทรัพยากรอมตะ พวกเขาขาดเพียงผู้เชียวชาญระดับสูงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเท่านั้น

 

หยวนเชียงเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่เขามีหน้าที่ฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม การขอให้เขาหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากเกินไปสําหรับเขา

 

หลังจากทั้งหมดเขามีเวลาและพลังงานที่จํากัด

 

“หากผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมหนึ่งหรือสองคนตื่นขึ้นจากสุสานอมตะ มันจะดีมาก เทพธิดาจื่อเว่ยคิด น่าเสียดายที่นางไม่สามารถปลุกผู้อมตะให้ตื่นขึ้นได้ตามใจปรารถนา

 

ราชันมังกรสังเกตเห็นปัญหานี้เช่นกัน เขากล่าว “เช่นนั้นก็รวบรวมผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมมาจากสิบนิกาย น่าพวกเขามาที่นี่และให้พวกเขาร่วมมือกันหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า หยวนเชียงคู่มีภารกิจสําคัญที่ต้องทํา เขาเป็นผู้รับผิดชอบการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม ดังนั้นวังสวรรค์จึงต้องทําเช่นนี้เพื่อจัดการปัญหาในปัจจุบัน

 

เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ หากเราประสบความสําเร็จในการยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เราจะไม่พบปัญหานี้ น่าเสียดายที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอยู่ในมือของฟางหยวน

 

วังสวรรค์พ่ายแพ้ตั้งแต่ก้าวแรก นั่นทําให้พวกเขาประสบปัญหา ในทางตรงข้าม ด้วยข้อได้เปรียบด้านการหลอมรวม ฟางหยวนสามารถสร้างปัญหาให้กับวังสวรรค์มากขึ้น

 

เทพธิดาจื่อเว่ยกับราชันมังกรอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีนัก

 

ชัยชนะของฟางหยวนในสายธารแห่งกาลเวลาทําให้สถานการณ์โดยรวมของวังสวรรค์แย่ลง

 

ภาคเหนือ ถ้ําสวรรค์นิรันดรพยายามรวบรวมผู้อมตะทั้งหมด

 

ทะเลทรายตะวันตก ฟางตี้เฉิงประสบความสําเร็จในการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตร

 

ภาคใต้ แม้วหยงจะร่วมมือกับวังสวรรค์ แต่หอคอยดวงประทีปถูกสร้างขึ้นทุกหนทุกแห่ง มันกลายเป็นปัญหาสําหรับวังสวรรค์เช่นกัน

 

สําหรับทะเลตะวันออก…

 

“ตามข้อมูลล่าสุดของเรา บรรพชนทะเลปราณเอาชนะจางหยินด้วยการเคลื่อนไหวเดียว จางหยินเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษระดับแปดที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออกแต่เขายังไม่สามารถตอบโต้ การต่อสู้ครั้งนี้ทําให้ชื่อเสียง

 

ของบรรพชนทะเลปราณแพร่กระจายออกไป ผู้อมตะของทะเลตะวันออกเข้าร่วมในงานเลี้ยงของเขามากขึ้น” เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกกังวล

 

ราชันมังกรพยักหน้า “กระทั่งข้า การบรรลุสิ่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดูเหมือนบรรพชนทะเลปราณจะแข็งแกร่งขึ้น หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิด”

 

หลังจากเอาชนะจางหยิน บรรพชนทะเลปราณประกาศอย่างตรงไปตรงมากับเหล่าผู้อมตะของทะเลตะวันออกว่าพลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มสูงขึ้น เพราะมรดกที่แท้จริงงของเทพอมตะแรกกําเนิด

 

ราชันมังกรกล่าวต่อ “ตั้งแต่บรรพชนทะเลปราณกล่าวถึงเรื่องนี้ มันก็แสดงให้เห็นว่าเขามีโอกาสเข้าร่วมกับพวกเรา”

 

บรรพชนทะเลปราณบ่มเพาะอย่างสันโดษมาเป็นเวลานาน นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีความทะเยอทะยานตั้งแต่เริ่มต้น

 

แม้ตอนนี้เขาจะมีความทะเยอทะยาน แต่สิ่งที่ทําให้เขารู้สึกสนใจมีเพียงมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดที่อยู่ในมือของวังสวรรค์

 

นี่ทําให้เขามีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมกับวังสวรรค์

 

บรรพชนทะเลปราณดูเหมือนคนใกล้ตาย มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะใช้วิธียืดอายุมาหลายวิธีแล้ว นั่นทําให้วิญญาณอายุยืนใช้ไม่ได้ผลกับเขาอีกต่อไป

 

ราชันมังกรเหลืออายุขัยอีกไม่มาก แต่เขาเชื่อว่าบรรรพชนทะเลปราณก็อยู่ในสถานการณ์

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวออกมาอย่างกะทันหัน “เนื่องจากบรรพชนทะเลปราณกล่าวถึงพวกเรา ดังนั้นเราสามารถส่งผู้อมตะเข้าร่วมงานเลี้ยงของเขาได้อย่างเปิดเผย แม้เราจะไม่ได้รับเชิญแต่ตอนนี้ทั้งโลกรู้แล้วว่าบรรพชนทะเลปราณได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดจากพวกเรา เขาจะไม่สามารถปฏิเสธการเยี่ยมเยือนของพวกเรา”

 

ราชันมังกรเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้

 

ตอนนี้สถานการณ์ในภูมิภาคอื่นไม่ดีนักสําหรับวังสวรรค์ มีเพียงทะเลตะวันออกที่ค่อนข้างสงบ วังสวรรค์ต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ เพื่อทําให้แน่ใจว่าอย่างน้อยกองกําลังของทะเลตะวันออกก็จะไม่โจมตีพวกเขา

 

ทะเลตะวันออก เหนือทะเลปราณ

 

ตั้งแต่บรรพชนทะเลปราณเอาชนะจางหยิน ผู้อมตะของทะเลตะวันออกก็มาร่วมงานเลี้ยงมากขึ้น

 

ตอนนี้ไม่มีผู้ใดสงสัยความแข็งแกร่งของบรรพชนทะเลปราณอีกต่อไป

 

โลกทั้งใบถูกหลอกโดยฟางหยวนอย่างสมบูรณ์

 

จางหยินเป็นหนึ่งในสี่แม่ทัพมังกร เขาร่วมมือกับฟางหยวนและสร้างสถานการณ์ดังกล่าวขึ้น

 

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจางหยินอยู่ภายใต้การควบคุม กระทั่งราชันมังกรก็ไม่รู้จักวิญญาณอมตะป่ายค่าสั่งแห่งความฝัน ในชีวิตก่อนหน้าเขาค้นพบความลับเกี่ยวกับสี่แม่ทัพมังกรหลังจากใช้กําลังบังคับยึดครองวังมังกรแล้วเท่านั้น

 

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าบรรพชนทะเลปราณกับฟางหยวนเป็นคนๆเดียวกัน ท้ายที่สุดฟางหยวนก็เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดขณะที่บรรพชนทะเลปราณเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง

 

ฟางหยวนพยายามปิดบังความลับของมิติช่องว่างจักรพรรดิ เขายอมเสียสละผลประโยชน์บางส่วนเพื่อผลประโยชน์ที่มากกว่า

 

เซียเป่าซูมาร่วมงาน

 

เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของหนุ่มรูปงาม เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก เขาเคยเป็นผู้ขายรายใหญ่ในธุรกิจวิญญาณปี แต่ฟางหยวนทําลายธุรกิจของเขา

 

ซุ้ยเซียนเหวินติดตามมา

 

เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางอาหารที่หายาก เขาเป็นเจ้าของทะเลสุราและมีสุราเก็บสะสมไว้มากมาย เขาจัดงานเลี้ยงสุราทุกปี ครั้งนี้เขานําสุราชั้นยอดหนึ่งพันไหมามอบให้บรรพชนทะเลปราณ

 

เทพธิดาอสรพิษเจ็ดสมุทรมาร่วมงานเช่นกัน

 

นางเป็นหญิงที่งดงามแต่อันตราย แม้นางจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่นางเป็นเจ้าของทะเลเจ็ดแห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของนาง ในเวลาเดียวกันนางก็เป็นหนึ่งในหกเทพธิดาที่งดงามที่สุดของทะเลตะวันออกเทียบเท่ากับซ่งอี้ชื่อ

 

ผู้อมตะคลังสมบัติมาถึงในที่สุด

 

คนผู้นี้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งข้อมูล เขาดูเหมือนบัณฑิต ในชีวิตก่อนหน้าเขาบุกภาคกลางและพยายามขโมยทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดของหมีหลานกวง

 

ผู้อมตะปรากฏตัวขึ้นทีละคน

 

ท่ามกลางพวกเขามีผู้บ่มเพาะสันโดษมากกว่าผู้อมตะฝ่ายธรรมะ

 

หลังจากทั้งหมดทะเลตะวันออกมีผู้บ่มเพาะสันโดษมากกว่าภูมิภาคอื่นเพราะมันเต็มไปด้วยทรัพยากร

 

“ข้าจวินเฉินกวงจากวังสวรรค์นําของขวัญมามอบให้บรรพชนทะเลปราณ โปรดยกโทษให้กับการมาโดยไม่ได้รับเชิญของข้าด้วย” จวินเฉินกวงผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์มาถึงแล้ว

 

งานเลี้ยงเงียบลงทันที ทุกคนมองไปทางบรรพชนทะเลปราณ

 

ฟางหยวนหัวเราะเบาๆ “แขกผู้มีเกียรติมาถึงแล้ว ทะเลกว้างใหญ่เชื่อมต่อถึงกัน ทะเลตะวันออกของเราไม่ได้คับแคบเช่นเดียวกับหัวใจของพวกเรา เชิญนั่ง”

 

ฟางหยวนโบกมือสร้างเก้าอี้เมฆขึ้นอีกครั้ง แม้มันจะอยู่ในตําแหน่งที่ค่อนข้างดีแต่มันยังอยู่ด้านหลังที่นั่งของผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออก

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ การแสดงออกของผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกก็ผ่อนคลายลง

 

ทะเลตะวันออกต้อนรับผู้อมตะต่างถิ่นมากที่สุดหากเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่น

 

การมาของผู้อมตะภาคกลางอยู่ในความคาดหมายของฟางหยวน

 

ความจริงก็คือเขากําลังรอให้ทูตของสวรรค์มาที่นี่

 

ฟางหยวนมองไปรอบๆก่อนจะเริ่มกล่าว “ทุกคน ข้ามีเรื่องจะพูด”

 

สถานที่แห่งนี้เงียบลงอีกครั้ง ทุกคนต่างกลั้นหายใจและรอฟังคํากล่าวของฟางหยวน

 

จวินเฉินกวงเห็นสิ่งนี้และลอบตกใจอยู่ภายใน บรรพชนทะเลปราณปรากฏตัวขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ชื่อเสียงของเขาในทะเลตะวันออกกลับบรรลุถึงระดับนี้แล้ว!

 

ไม่มีผู้ใดกล้าเพิกเฉยต่อคํากล่าวเพียงประโยคเดียวของบรรพชนทะเลปราณ ในความเป็นจริงเขายังไม่ได้กล่าวสิ่งใด

 

ฟางหยวนไม่ได้พูดมาก เขาเพียงแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของเขาว่าเขาต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ รักษาความยุติธรรม และแก้ไขความขัดแย้ง

 

สุดท้ายเขากล่าวว่า “งานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการรวบรวมผู้คนให้มาที่นี่แต่ข้ายังต้องการจัดการประมูล และลานประลอง หากผู้ใดมีความขัดแย้ง พวกเจ้าสามารถต่อสู้ตัดสินเพื่อแก้ปัญหาท่ามกลางสายตาของสหายทะเลตะวันออกของเรา หากผู้ใดต้องการทรัพยากรหรือต้องการขายสิ่งใด พวกเจ้าสามารถกําวออกมาและระบุความต้องการของพวกเจ้า ทุกปีในช่วงเวลานี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงทะเลปราณ ข้าจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น

 

“ความคิดของบรรพชนช่างยอดเยี่ยมนัก”

 

“บรรพชนมีความเป็นกลางและเอื้ออาทร เรารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง”

กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกยกย่อง

 

หัวใจของจวินเฉินกวงสั่นไหว บรรพชนทะเลปราณกําลังยกระดับอิทธิพลของตนเองในทะเลตะวันออก!

 

นอกจากนี้เขายังต้องการจัดงานเลี้ยงทะเลปราณทุกปี!

 

จวินเฉินกวงสามารถทํานายได้ว่างานเลี้ยงทะเลปราณจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตผู้อมตะจากภูมิภาคอื่นจะมาเข้าร่วม เมื่อเวลานั้นมาถึง บรรพชนทะเลปราณจะไม่ได้มีอิทธิพลเฉพาะในทะเลตะวันออกแต่เป็นทั้งห้าภูมิภาค!