บทที่ 1885 หัวใจโลหิต

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1885 หัวใจโลหิต

 

งานเลี้ยงทะเลปราณ

 

ธุรกรรมเริ่มขึ้นแล้ว

 

ผู้อมตะผู้หนึ่งเดินขึ้นบนเวที เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษของทะเลตะวันออก อู๋หม่าหยาง

 

เขาอยู่ในชุดคลุมดําและดูเหมือนคนป่วย สิ่งที่เขานําออกมาทําให้ผู้อมตะส่วนใหญ่รู้สึกผิดหวัง

 

มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด เปลือกหอยดนตรี

 

หอยดนตรีเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งเสียง เมื่อพวกมันเติบโตขึ้นเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย พวกมันจะกลายเป็นหอยดนตรีขนาดยักษ์ หลังจากกลายเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล ขนาดของพวกมันจะเล็กลงอีกครั้งและอยู่ในสภาพที่เหมือนหอยทั่วไป

 

หอยดนตรีขนาดเล็กที่อิหม่าหยางนําออกมาตายแล้ว มันเป็นเพียงทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเสียง

 

แต่อู๋หม่าหยางยังเผยรอยยิ้ม “ทุกท่าน โปรดใจเย็น ข้าจะกลนาสิ่งนี้ออกมาในงานเลี้ยงของบรรพชนได้อย่างไร? ข้าไม่ได้ขายหอยดนตรีชิ้นนี้แต่เป็นเพลงที่เก็บไว้ข้างใน”

 

หลังกล่าวจบคํา อู๋หม่าหยางก็ป้องหมัดไปทางฟางหยวน “บรรพชน โปรดยกโทษให้กับการกระทําที่หยาบคายของข้า”

 

บรรพชนทะเลปราณพยักหน้าเบาๆ

 

ในความเป็นจริงฟางหยวนกับอู๋หม่าหยางเคยพบกันมานานแล้ว ย้อนกลับไปในงานประชุมการค้าของเมี่ยวหมิงเฉิน ฟางหยวนเคยขายวิญญาณอมตะหนามกระดูกให้กับอู๋หม่าหยาง

 

หลังจากได้รับอนุญาตจากบรรพชนทะเลปราณ อู๋หม่าหยางเปิดเพลงที่เก็บไว้ในหอยดนตรี

 

มันเป็นเสียงที่แผ่วเบา หากคนผู้หนึ่งได้ยินเสียงนี้ พวกเขาจะอ่อนแอลง ศัตรูจะตกเป็นเหยื่อ กระทั่งผู้อมตะก็อาจได้รับบาดเจ็บหรือแม้แต่ตกตาย

 

อู๋หม่าหยางเปิดเพลงเพียงชั่วครู่ก่อนจะปิดมัน ผู้อมตะหลายคนลอบถอนหายใจเพราะพวกเขาได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้

 

“นี่คือทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด เสียงคร่ําครวญ” ฟางหยวนกล่าวออกมาอย่างช้าๆ

 

“บรรพชนช่างรอบรู้ ข้าต้องการแลกเปลี่ยนเสียงคร่ําครวญกับทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งความมืดที่มีมูลค่าเท่ากัน มันจะดีที่สุดหากพวกท่านมีไม้หลุมดําหรือสาหร่ายด้ายดํา” อู๋หม่าหยางประกาศ

 

กลุ่มผู้อมตะเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่บางคนจะเปิดปากกล่าว “ข้ามีสาหร่ายด้ายดํา”

 

อู๋หม่าหยางพยักหน้าด้วยความยินดี เขากําลังจะตอบรับแต่บางคนกลับชิงตัดหน้า “ข้ามีไม่หลุมดํา”

 

หลังจากเจรจา อู๋หม่าหยางก็ลงจากเวทีด้วยความพึงพอใจ

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเส้นโลหิตปฐพีเกิดการเปลี่ยนแปลง ร่องลึกใต้พิภพเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง ทรัพยากรมากมายปรากฏขึ้นในทะเลตะวันออกเช่นกันแม้มันจะน้อยกว่าภูมิภาคอื่นก็ตาม

 

เสียงคร่ําครวญของอู๋หม่าหยางเป็นหนึ่งในนั้น

 

แม้ผู้อมตะของทะเลตะวันออกมักจะจัดการประชุมการค้าอยู่บ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่เป็นงานเล็กๆ พวกมันไม่สามารถเปรียบเทียบกับงายเลี้ยงทะเลปราณที่รวบรวมผู้อมตะทั้งหมดของทะเลตะวันออกมาไว้ที่นี่

 

ธุรกรรมในสวรรค์สีเหลืองมีจํานวนเพิ่มขึ้นแต่สวรรค์สีเหลืองก็เก็บค่าธรรมเนียมแพงขึ้นเช่นกัน

 

ค่าธรรมเนียมของการทําธุรกรรมในสวรรค์สีเหลืองจะแตกต่างกันไปตามความล้ําค่าของสินค้า ดังนั้นธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงจึงมีค่าธรรมเนียมสูงตามไปด้วย

 

ทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดมีค่ามาก หากอู๋หม่าหยางขายมันในสวรรค์สีเหลือง เขาจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่ในงานเลี้ยงทะเลปราณ เขาไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใดๆ นี่ช่วยให้เขาประหยัดไปได้มาก

 

หลังจากอู๋หม่าหยางเดินลงมา ผู้อมตะอีกคนก็เดินขึ้นไปขายกองเพลิง

 

มันเป็นเพลิงสีเหลืองในเพลิงสีส้ม มันเต็มไปด้วยพลังงานแห่งความตาย เมื่อมันถูกนําออกมา อุณหภูมิในบริเวณนั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“นี่คือเพลิงผีดิบเหี่ยวแห้ง” ผู้อมตะที่ขายกองเพลิงยิ้ม

 

เขามาจากตระกูลซูซึ่งเป็นหนึ่งในกองกําลังใหญ่ของทะเลตะวันออก เขามีนามว่าซูหลุน

 

ฟางหยวนจัดลําดับให้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะขึ้นเวทีสลับกับผู้บ่มเพาะสันโดษ นี่เป็นการจัดการที่พิจารณาถึงผู้บ่มเพาะสันโดษอย่างชัดเจน มันแสดงให้เห็นว่าบรรพชนทะเลปราณให้การต้อนรับผู้บ่มเพาะสันโดษเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้จัดสรรลําดับขึ้นเวทีให้กับปีศาจอมตะ นี่แสดงให้เห็นถึงทัศนคติทางการเมืองบางอย่างของบรรพชนทะเลปราณ

 

เพลิงผีดิบเหี่ยวแห้งทําให้เกิดความโกลาหลเล็กน้อย มันเป็นเพลิงระดับแปด ฟางหยวนโบกมือเบาๆและ ทําให้อุณหภูมิในงานเลี้ยงกลับมาเป็นปกติ

 

“ข้าแน่ใจว่าหลายคนรู้จักเพลิงชนิดนี้ แต่ข้าไม่ได้ต้องการขายเพียงสิ่งนี้ ข้าจะเพิ่มวิธียืดอายุผีดิบเหี่ยวแห้งเข้าไปด้วย ผู้อมตะที่ใกล้สิ้นอายุขัยสามารถใช้เพลิงผีดิบเหี่ยวแห้งและกลายเป็นผีดิบเหี่ยวแห้ง ข้าแน่ใจว่าทุกท่านเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับผีดิบเหี่ยวแห้งมาแล้ว พลังการต่อสู้ของมันสามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปด” 

 

อย่างไรก็ตามมันกลับไม่ได้รับความสนใจ

 

ตอนนี้ทุกคนรู้เกี่ยวกับแผนการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมของวังสวรรค์แล้ว หากวังสวรรค์ประสบความสําเร็จ ผีดิบจะหายไป วิญญาณชะตากรรมจะไม่อนุญาตให้คนตายมีชีวิตอยู่ พวกเขาต้องตายเท่านั้น

 

ดังนั้นวิธียืดอายุโดยการเปลี่ยนเป็นผีดิบจึงไม่ใช่ความคิดที่ดี

 

หลังจากชั่วครู่ ผู้อมตะบางคนก็เปิดปากถาม “ผู้อมตะระดับเจ็ดสามารถเปลี่ยนเป็นผีดิบเหี่ยวแห้งได้หรือไม่?”

 

ซูหลุนพยักหน้า “แน่นอน แต่ร่างผีดิบเหี่ยวแห้งจะไม่สมบูรณ์ มันจะมีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ดเท่านั้น”

 

เขาไม่กล้าโกหก ที่นี่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาสามารถมองเห็นความจริง หากเขาโกหก เขาจะสร้างความขุ่นเคืองให้แก่บรรพชนทะเลปราณและทุกคน หากสิ่งนี้เกิดขึ้น มันจะไม่ใช่ปัญหาของซูหลุนเท่านั้นแต่จะส่งผลกระทบตระกูลซูทั้งหมด

 

สุดท้ายซูหลุนก็ไม่สามารถทําธุรกรรมใดๆ

 

อย่างไรก็ตามมันยังมีผู้อมตะสองสามคนที่ให้ความสนใจ พวกเขายินดีเจรจาแต่ราคาขายอาจต้องลดลงมากพอ

 

“เพลิงผีดิบเหี่ยวแห้งน่าจะมาจากกองกําลังพันธมิตรผีดิบของทะเลตะวันออก” ฟางหยวนคิด

 

ย้อนกลับไปเมื่อเทพปีศาจจิตวิญญาณหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนิกายเงา และกองกําลังพันธมิตรผีดิบถูกเปิดเผย หลังจากเทพปีศาจจิตวิญญาณล้มเหลว กองกําลังพันธมิตรผีดิบจึงถูกรื้อค้นโดยกองกําลังฝ่ายธรรมะ

 

ตระกูลซูเป็นหนึ่งในกองกําลังที่อยู่ใกล้ฐานทัพใหญ่ของกองกําลังพันธมิตรผีดิบแห่งทะเลตะวันออกมากที่สุด มันไม่ใช่เรื่องแปลกหากพวกเขาจะได้รับเพลิงผีดิบเหี่ยวแห้งมาจากการปล้นสะดมฐานทัพใหญ่ของกองกําลังพันธมิตรผีดิบ

 

หลังจากซูหลุน ผู้อมตะอีกคนก็เดินขึ้นไปบนเวที เขาชําเลืองมองบรรพชนทะเลปราณเป็นครั้งคราว เมื่อเห็นบรรพชนทะเลปราณยังสงบนิ่ง เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายลง

 

ผู้อมตะผู้นี้สูดหายใจลึกก่อนจะเปิดปากกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “ข้ามาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ” 

 

หลังกล่าวจบคํา เขาก็กางฝ่ามือออกและเผยให้เห็นวิญญาณอมตะดวงหนึ่ง

 

ทันใดนั้นกลิ่นคาวเลือดก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว หัวใจของกลุ่มผู้อมตะเต้นแรงขึ้น

 

นี่เป็นการแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะครั้งแรกตั้งแต่งานเลี้ยงเริ่มขึ้น!

 

ทุกคนมองไปยังวิญญาณอมตะดวงนั้น มันเหมือนหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ

 

“มันคือวิญญาณชนิดใด?”

 

“เห็นได้ชัดว่ามันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด”

 

“นักประดาน้ําผู้นี้กล้าหาญเกินไป เขากําลังขายวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดต่อหน้าสาธารณชน เขาไม่กลัวบรรพชนทะเลปราณและสมาชิกฝ่ายธรรมะจะจัดการเขางั้นหรือ?”

 

“น้ําประดาน้ําเป็นปีศาจอมตะของทะเลตะวันออก บรรพชนไม่ได้จัดสรรให้ปีศาจอมตะขึ้นเวทีแต่เขายังกล้าขึ้นไปโดยไม่เกรงกลัว”

 

กลุ่มผู้อมตะวิพากษ์วิจารณ์ การแสดงออกของผู้อมตะฝ่ายธรรมะค่อนข้างน่าเกลียด นักประดาน้ําเป็นปีศาจอมตะที่สังหารผู้คนมามากมาย กระทั่งตัวเขาเองก็รู้สึกกังวลเช่นกัน

 

เขาเป็นปีศาจอมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารี เขาเป็นคนบาปที่ถูกฝ่ายธรรมะประกาศจับมาถึงตอนนี้

 

หากเป็นช่วงเวลาปกติ ผู้อมตะฝ่ายธรรมะคงร่วมมือกันจัดการเขาไปแล้ว แต่ที่นี้เป็นงานเลี้ยงของบรรพชนทะเลปราณ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าลงมือ

 

เกี่ยวกับประเด็นของนักประดาน้ํา ผู้อมตะทั้งหมดหันหน้าไปหาฟางหยวน

 

ฟางหยวนยังสงบราวกับเขากําลังพักผ่อน เขาไม่กล่าวสิ่งใด

 

หลังจากชั่วครูทุกคนจึงค่อยๆเข้าใจว่าบรรพชนทะเลปราณไม่มีความคิดที่จะดําเนินการใดๆในเวลานี้

 

นักประดาน้ํารู้สึกตื่นเต้นมาก เขาชนะเดิมพัน!

 

ตั้งแต่บรรพชนทะเลปราณอนุญาตให้ข้าเข้าร่วมงานเลี้ยง นั่นก็หมายความว่าเขาจะไม่ทําสิ่งใดกับข้า มิฉะนั้นเมื่อข้ามาถึง เขาคงลงมือไปแล้ว นี่เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง เขาจะสนใจตัวตนที่ไร้นัยสาคัญเช่นข้าได้อย่างไร? เมื่อคิดได้เช่นนี้ นักประดาน้ําก็เปิดปากกล่าว “นี่คือวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตระดับเจ็ด ข้าจับมันได้ในร่องลึกใต้พิภพ ผู้ใดต้องการแลกเปลี่ยนมันหรือไม่?”

 

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ผู้อมตะหลายคนก็เริ่มเสนอตัว

 

แต่ไม่มีสมาชิกฝ่ายธรรมะเข้าร่วม

 

การทําธุรกรรมวิญญาณอมตะสามารถทําได้ด้วยการแลกเปลี่ยนกับวิญญาณอมตะเท่านั้น

 

ไม่มีการเสนอราคา มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่นักประดาน้ําต้องการ

 

ผู้อมตะส่วนใหญ่ของทะเลตะวันออกบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารี ดังนั้นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารีจึงถูกนําออกมามากที่สุด

วิญญาณอมตะหัวใจโลหิตทรงพลังมาก มันจะส่งผลกระทบอย่างมากในการต่อสู้

 

ในสถานการณ์ทั่วไปผู้อมตะจะไม่บ่มเพาะหลายเส้นทางเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า แต่ทะเลตะวันออกมีผู้อมตะที่บ่มเพาะสองเส้นทางค่อนข้างมากโดยเฉพาะเส้นทางแห่งเลือด

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะกลายเป็นยิ่งน่าเกลียด

 

ทะเลตะวันออกเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะสันโดษ การปรากฏขึ้นของวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตทําให้ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือกเผยตัวออกมาเป็นจํานวนมาก

 

แต่ฟางหยวนไม่แปลกใจ

 

ในชีวิตห้าร้อยปีของเขา เส้นทางแห่งเลือดได้รับความนิยมมากหลังจากห้าภูมิภาคหลอมรวมเป็นหนึ่ง เมื่อสงครามห้าภูมิภาคปะทุขึ้น เส้นทางแห่งเลือดกลายเป็นเส้นทางหลักที่สามารถบ่มเพาะ มันไม่ถูกห้ามปรามอีกต่อไป

 

ในช่วงเวลานั้นฟางหยวนเป็นหนึ่งในคนเหล่านี้

 

‘มรดกของซ่งชื่อซึ่งมีท่าไม้ตายอมตะลางสังหรณ์เลือดที่ใช้วิญญาณอมตะหัวใจโลหิตระดับเจ็ดเป็นแกนกลาง บางทีขาอาจลองประมูลมัน’

 

ฟางหยวนคิดและลอบติดต่อจางหยิน

 

หลังจากนั้นจางหยินก็เปิดปากกล่าว “ข้าต้องการวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตดวงนี้ ข้ามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารีระดับเจ็ดหลายดวง เจ้าสามารถเลือกหนึ่งในนั้น นอกจากนี้ข้าจะติดหนี้บุญคุณเจ้าหนึ่งครั้ง”

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้อมตะระดับแปดเปิดปากกล่าวในงานประมูลครั้งนี้ มันทําให้สถานที่แห่งนี้เงียบลงทันที